...ช่วงนี้จะเห็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องเสียงเยอะมาก นั่นแสดงว่าเศรษฐีใหม่กำลังเพิ่มขึ้น..ยินดีต้อนรับทุกคนคับ เรามาทำความรู้จักกับไมค์ในท้องตลาดกัน มีหลายแบบหลายประเภท ( แบ่งแบบบ้านๆนะคับ )1.ไมค์ยาว จะสั้นเล็กอ้วนใหญ่ จะเรียวบางผอมยาว หรือที่เขาเรียกกันว่าไมค์บูม
ถ้าเป็นกล้องวีดีโอแบบโปร จะมีแถมมาให้ สามารถถอดออก นำมาต่อสายให้ยาวออกไปเท่าใดก็ได้
แบบแพงสุดดีสุดที่ใช้ในวงการหนัง ชุดละแสน(อย่างต่ำ)มาพร้อมตัวบันทึก มีตัวขยายปรับแต่งเสียง
กำหนดช่วงกว้างแคบของเสียงที่ต้องการบันทึกได้ พูดง่ายๆว่าคุณอยู่ในคอนเสริต์เสียงดนตรีอันดังสนั่น
ไมค์ตัวนี้สามารถบันทึกเสียงคุณพูดคุยกันได้ชัด จนแทบไม่ได้ยินเสียงดนตรีเลย ดีขนาด...จนคุณนึกไม่ถึงเชียวล่ะ
ข้อดี ซื้อชุดเดียวใช้ได้หลากหลายงาน จะมีตัวแสดง10คนก็ใช้ชุดเดียว
ข้อเสียคือ ต้องมีทีมงานเพิ่ม ค่าแรงโอทีสำหรับคนถือบูมเก่งๆแพงพอๆกับช่างภาพเชียวล่ะ และที่สำคัญ
คุณไม่สามารถออกถ่ายโดยไม่มีพวกเขา..ทำไม่ได้นะคับ
...ทีนี้ย้อนมาดูราคาไมค์ที่มีขายในท้องตลาดราคา1,500-3,000 คุณคิดว่าจะใช้ได้ดีขนาดไหนกัน?..
หน้าตารูปร่างอาจดูเหมือนของตัวละแสน แต่คุณภาพไม่เทียบเท่านะคับ.. 2.ไมค์คุณภาพดีรองลงมาไวล์เลสคับ มีหลายยี่ห้อหลายราคาเหมือนกัน แพงสุดของโซนี่ชุดละ(ตัวรับตัวส่งอย่างละ1ตัว)
22,000 บาท เสียงชัดใสกังวาล สัญญาณทะลุทะลวงสิ่งกีดชวางได้ดี ถ่ายพิธีกรไกลเสียงไม่หาย ปรับความกว้างของเสียง
ให้คุย2คนแต่ใช้ตัวรับส่งเพียงชุดเดียวก็ทำได้ไม่ยากเย็น
ข้อดี สะดวกรวดเร็วเวลาทำงาน สามารถออกกองเพียงคนเดียวได้
..
ข้อเสีย ใช้ได้จำกัดเฉพาะคน มีนักแสดงหลายคนอาจต้องใช้หลายชุด
ไวล์เลสราคาถูก5,000ก็มีขาย จำไว้ว่า อุปกรณ์ทางด้านโปรดัคชั่น คุณสมบัติตามราคานะคับ ท่องไว้ๆๆ
(..อ่านไปเรื่อยๆน้องใหม่คนจนอย่าเพิ่งท้อ ท้ายสุดผมมีวิธีแก้ไขให้คุณคับ)...สำหรับไวล์เลสมี 2 ระบบ ระบบ uhf / vhf ให้เลือกใช้ระบบยูนะคับ แพงกว่าแต่คุณภาพก็ดีกว่า คลื่นไม่หลุดง่าย
3.ไมค์สาย มีหลายราคาแพงสุดเท่าที่เห็นไม่เกิน3,000 มีหลายแบบให้เลือก
- แบบมีเฉพาะตัวไมค์ไม่มีไฟเลี้ยง (ไม่ใช้ถ่าน) เสียบสายเข้ากับตัวกล้องเพื่อให้ไฟตัวกล้องมาเลี้ยงตัวไมค์ เสียงอาจดังเบาขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวกล้อง
- แบบมีไฟเลี้ยง ต้องใช้ถ่าน ตัวกระเปาะใส่ถ่านมีหลายแบบเหมือนกัน เล็กใหญ่ขึ้นอยู่กับชนิดถ่านที่ใช้
ข้อดี ราคาถูก ส่วนมากใช้เฉพาะพิธีกรสัมภาษณ์หรือกรณีไม่เคลื่อนย้ายกล้อง
ข้อเสีย มีสายเกะกะ รุงรัง ยุ่งเหยิง ถ่ายระยไกลได้จำกัดด้วยสายไมค์ต่อเข้ากล้อง
4.ตัวบันทึกเสียงมีไมค์ในตัว เช่น zoom hd,โซนี่ มีหลายแบบหลายยี่ห้อหลายราคา
ข้อดี คล้ายบูมซื้อตัวเดียวจบ
ข้อเสีย เสียงอาจไม่ดีเท่าชนิดของไมค์ที่ใช้โดยตรง เพราะนั่นคือเครื่องอัดเสียง
จะให้เสียงดีมีคุณภาพก็ต้องใช้พูดใกล้ปาก และคุณยอมไม๊ล่ะให้ดาราถือตัวบันทึกพูดออกทีวี(หลายรายการก็ยอมทำแบบนี้นะคับ)
..
..ข้อแนะนำ ถ้าต้องการประกอบอาชีพโปรดัคชั่น ควรซื้อไมค์ให้ถูกกับชนิดของงาน
หรือครอบคลุมงานทุกประเภทให้ได้ก่อน เช่น ไวล์เลส1ชุด สำหรับท่องเที่ยวกีฬาแบบโหด ไมค์สาย2ชุด
ไว้สำหรับถ่ายสัมภาษณ์พูดคุยฯ....
.
.ทีนี้มาถึงไคลแม็กซ์ตอนสำคัญของการใช้ไมค์แล้วนะคับ (ตั้งใจอ่านดีๆ )
มีทีมA-vdo วีดีโอกึ่งโปร และทีมB-dslr เรามาดูวิธีการใช้ไมค์ ของ2ทีมนี้กัน - เริ่มต้นผมซื้อไวล์เลสมา1ชุด ราคา5,000บาท (ไมค์ราคาถูกจะมีข้อจำกัดคือ ต้องพูดเสียงดัง หรือติดไมค์นอกเสื้อ
และพยายามให้หัวไมค์หันไปทางทิศของเสียงและให้ใกล้กับปากคนพูดมากที่สุด)
...เมื่อรู้ข้อจำกัดแล้ว เราไปติดตามดูเบื้องหลังการทำงานของ2ทีมนี้กัน...
1
.- เริ่มต้นติดไมค์ไวล์เลส ต่อเสียงเข้ากล้อง( เข้ากล้องหรือไม่เช็คด่วน) -ทีมA -vdo เสียบหูฟังจากตัวกล้อง "มาคับพี่" ผู้ช่วยตะโกน
-ทีมB-dslr ที่กล้องไม่มีรูเสียบ ไม่เป็นไรเสียบหูฟังจากตัวรับไวล์เลส
..น่ากลัวอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกันนะคับ เช็คเสียงจากกล้องโดยตรง ถ้าเสียงไม่มาเรารู้ว่ากล้องมีปัญหา
แก้ไขได้ทันที แต่เช็คจากไวล์เลสเสียงมาตลอด แต่ตัวกล้องอาจไม่มีเสียงก็ได้ ..ระวังนะคับ
เคสนี้เจอบ่อยใช้dslr ถ่ายเสร็จเสียงไม่เข้ากล้อง 2. ต่อไปถ่ายจริง ตัวแสดงพิธีกรพูดแนะนำวงดนตรี เสียงเบามากแทบไม่ได้ยิน -ทีมA-vdo เปิดเมนูเพิ่มเสียงได้ในขณะถ่ายจริง ทำให้ได้เสียงดัง ตามต้องการ
-ทีมB -dslr ทำไม่ได้ ต้องถ่ายแล้วเปิดฟังหรือ เช็คเสียงจริงแล้วค่อยถ่ายจริง
...ระวังนะคับเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เสียงจากไวล์เลสดังพอดีตามที่เราต้องการ หรือเวลาซ้อมกับเล่นจริงระดับเสียง
อาจต่างกัน บางทีเสียงดังจากหูฟังเกิดจากเราเร่งแต่เสียงจริงจากกล้องเบาจนใช้ไม่ได้ ..,เคสนี้ก็เจอมากเหมือนกัน 3. ทุกอย่างพร้อมถ่าย ตัวแสดงตีกลองชุด ตูม ดังจนแสบแก้วหู ช่างภาพฟังเสียงเริ่มจับทิศไม่ถูกว่า
ควรจะลดเสียงให้เบาลงแค่ไหนจึงจะทำให้เสียงไม่แตกพร่า .(.ชักไม่แน่ใจ )
ทีมA-vdo ดูระดับเสียงในตัวกล้อง ถ้าตีสูงมากไปจนถึงขีดแดง เปิดเมนูลดเสียง ให้พอดีแค่นี้ก็จบ
และข้อดีอีกอย่าง ของการมีระดับเสียงยังช่วยบอก ให้เรารู้ว่า เสียงยังคงเข้าในกล้องอยู่ตลอดเวลาไม่หนีหายไปไหน
แม้ไม่ใช้หูฟังก็สามารถสังเกตุจากระดับเสียงที่บอกในตัวกล้องได้เช่นกัน
(เสียงดังเข็มตีขึ้น เสียงหยุดเข็มไม่ตี เสียงจี่เข็มจะค้างไม่ตีขึ้นลง)
-ทีมdslr อาจต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มอีกหลายรายการ(เริ่มเหนื่อยหมดแรง)
สรุป ถ้าใช้กล้องวีดีโอถ่ายถาพเคลื่อนไหว แม้เราจะใช้ไวล์เลสราคาถูก เราก็ยังสามารถเพิ่มระดับเสียงในตัวกล้องได้อีก(เท่าตัว)
หรือจะเพิ่มตอนตัดต่อในภายหลังก็ได้อีกเช่นกัน...จากตัวอย่างนี้จะสังเกตุเห็นได้ว่า ความคล่องตัวของการใช้กล้องวีดีโอ
มีมากกว่ากล้องdslr(ปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ในขณะถ่ายทำ) และความผิดพลาดในงานก็มีน้อยกว่า (ควบคุมได้) ..บางทีมงานจึงใช้วิธีผสมเพื่อแก้ปัญหา โดยใช้กล้อง dslr ถ่ายงาน และใช้กล้องวีดีโอบันทึกเสียง โดยใช้ทำงานควบคู่
ไปพร้อมๆกันทั้ง2ระบบ ( แต่นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายย่อมเพิ่มขึ้นตามจำนวนคนและจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้ด้วยเช่นกัน)
...และด้วยปัญหาเรื่องเสียงที่แก้ไขไม่รู้จบสิ้นของกล้องdslr จึงทำให้น้องใหม่บางคนเริ่มเบื่อหันมาใช้กล้องวีดีโอ
แล้วพบว่า สะดวก ง่าย รวดเร็ว จนลืมนึกไปเลยว่า ...เราเคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเสียงมาช้านาน..ลองเปลี่ยนแล้วติดใจทุกคน..
กรณีต้องการเสียงจากมิกซ์
สามารถเอาท์เสียงจากมิกซ์เซอร์ได้เลย อาจต่อจาก audio out หรือ จาก program out / phone
และอย่าลืมปรับแจ๊ค ตัวส่ง mic ไปเป็น line ด้วยนะคับ ( mic ใช้กับหัวไมค์ / line ใช้กับเสียงที่เข้าเป็นสาย )
www.p0p-it.blogspot.com