ใช้กล้องdslrถ่ายงานแต่ง ต้องอ่านทุกคนนะคับ..

http://pantip.com/topic/31611127
กระทู้พันทิพย์ ลูกค้าโพสประจาน ด่ากระจายบริษัทรับจัดงาน ( ถ่ายวีดีโอและภาพนิ่ง )
บริษัทชี้แจงถึงปัญหาว่า เป็นเพราะกล้อง DSLR ถ่ายนานไม่ได้ เปลี่ยนเลนส์ก็ลำบาก
ใครที่กำลังใช้กล้อง DSLR ถ่ายงานแต่ง ควรอ่านและระวังให้มากๆนะคับ...

คุณภาพงานไม่สมราคาที่เจ้าของงานตั้งความหวังไว้


ผมคิดว่าสิ่งที่ควรระวังคืออย่าหลอกลูกค้าครับ
ในเมื่อมอบความคาดหวังแก่ลูกค้าด้วยอุปกรณ์และวิธีทำงานตามแบบของตนแล้ว
ก็ต้องมอบให้ลูกค้าได้จริง และต้องไม่น้อยกว่าที่เค้าตั้งความหวังครับ

อ่านแล้วครับ บ. ตอบแบบแถมากๆ คุณภาพไม่สมราคาเป็นอย่างยิ่ง

นี่แหละทำไมผมถึงต้องใช้กล้องวีดีโอรับถ่ายงาน(ถ้าพรีเซนค่อยใช้ DSLR)ทุกวันนี้ยังใช้ม้วนDVอยู่เลยแต่เลือกกล้องโปรหน่อยสีสันความคมชัดดีๆเวลาทำเป้นDVD แล้วลูกค้ารับได้..แต่ถ้าเอา DSLRถ่ายผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร่กับซอตสำคัญๆเร่งรีบและเราไม่ทราบล่วงหน้าเคยการ์ดเสียมาแล้วก็มีภาพนิ่งกู้ง่ายแต่วีดีโอกู้มาได้แล้วบางทีเปิดไม่ได้ก็มี..กล้องวีดีโอโดยตรงมันมีข้อดีกว่าหลายอย่างที่ DSLR ไม่มี..ถ้าใครเคยลองใช้ทั้งสองอย่างรับงานมาแล้วจะพอทราบดี

ผมว่าไม่ได้อยู่ที่ชนิดกล้องหรอกครับบ มันอยู่ที่คนใช้ แย่เอง อาจไม่ใส่ใจในผลงานไม่เต็มที่ คิดว่าทำแค่นี้ก็ส่งได้แล้ว  กับความคาดหวังลูกค้าสูงตามราคา แม้จะหารกันแล้ว จะเหลือไม่เท่าไหร่
แต่ก่อนถ่าย DSLR ก็ผมก็ส่งงานรวมไม่ยาวนะ 30-40 นาที แต่เดี่ยวนี้เหมือนลูกค้าอยากได้ยาวขึ้น ๆ เอาทุกเหตุการณ์ ผมเลยเก็บหมดเลย ส่งงาน 1 ชม อัพ ตลอด จึงต้องมีกล้องสำรองเปลี่ยนสลับถ่ายตลอด

30-40 นาทีนี่งานอะไรเวลาไหนเหรอครับ...ส่วนใหญ่ผมถ่ายมา 2 ชมกว่าตลอด..ถ่ายพิธีการ+แคนดิทตลอดทั้งงาน..เช่นแต่งงานเค้าใช้เวลาจัดตั้งแต่ต้นถึงเลิกผมว่ามันหลาย ชม.ราวๆ 6 ชมถ้าคุณย่อเหลือ 30-40 นาทีผมว่ามันน้อยไปนะ..กล้องวีดีโอมันคือการถ่ายภาพรวมในงานและบรรยากาศปกติซอตหนึ่งผมก็ 4-6 วิเหมือนกัน..แต่พอรวมๆแล้วก็ 2 ชมแทบทุกงานลูกค้าโอเคนะครับ..เก็บรายละเอียดทุกซอกทุกมุมเท่าที่จะทำได้..เพราะผมคิดเสมอว่าทุกภาพเค้าสำคัญหมดเวลาย้อนกลับไม่ได้ครับเค้าจัดงานเป็นแสนๆ...เราเอาไปเล่าแค่ 30-40 นาทีผมว่ามันน้อยไปสำหรับผมนะ

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล ผมคงต้องระวังเรื่องนี้มากๆ และคงต้องคุยกับลูกค้าให้เคลียร์ถึงสิ่งที่เขาจะได้รับครับ

ส่วนตัว เวลาผมรับงาน ก็จะใช้ทั้งสองอย่าง
ผมใช้ กล้อง HD ที่บันทึกยาวๆ เวลาถ่ายพิธีการ หรือการกล่าวบนเวที ผมใช้ SONY VG 20
ส่วนอื่นๆ ผมก็ใช้กล้อง DSLR ปกติครับ

ความคิดผมว่า การถ่ายงาน หลัก ๆ น่าจะประกอบด้วยประมาณนี้
1. มีกล้องหลัก ถ่ายวพิธีการ ทุกอย่าง
2. กล้อง สำหรับถ่าย candid   เก็บมุม สำคัญที่กล้องหลักเข้าไปไม่ถึง
3. กล้อง ถ่ายภาพรวม มุมกว้าง เก็บบรรยากาศ
4. กล้องภาพนิ่ง

เป็นปัญหาใหญ่ทีเดียวครับ
ส่วนตัวผมรับงานมาเคยเจอปัญหากับDSLRเรื่องการ์ดเสียครับ ส่วนเรื่องฟิลของภาพผมก็ยอมรับว่าอาจสู้กล้องวีดีโอ ราคาสูงๆไม่ได้ แต่ในราคาที่พอๆกัน ผมว่าเรื่องฟิลภาพ DSLR น่าจะสวยกว่าครับ (คิดว่า) แต่ก็จริงว่ากล้องวีดีโอมันสายตรงอยู่แล้วการอัดยาวดีกว่าเห็นๆ
ส่วนกระทู้ตัวอย่างนี้ ผมว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้วไม่สามารถบอกตรงๆกับลูกค้าได้แน่นอน อย่างเช่นการ์ดเสีย ข้อมูลหาย เอ....หรือว่าช่างภาพยืนซ้อนกันถ่าย3คน(จริงๆ)ซึ่งจะตลกมากมาย สุดท้ายเลยก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับลูกค้าที่ประสบเหตุครับ แล้วก็ขอขอบคุณที่เอื้อเฟื้อประสบการณ์ให้พวกเราเตือนตัวเองทุกครั้งก่อนทำงาน จรรยาบรรณสำคัญกับเราจริงๆ

ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้กล่าวว่าคุณนะครับ กับเรืองกล้อง VDO แบบอัดยาว ไม่ยาวของคุณหรอก
ผมแค่พูดถึงในกรณ๊พันทิพนี้เท่านั้น  อย่าเข้าใจผิดครับ  แค่จะบอกว่า SLR มันอัดยาวได้ แค่รู้จักบริหารการใช้มัน ใ้ห้เพียงพอ  และยังได้คุณภาพแบบ SLR ซึ่งมันก็ไม่ได้ยาวเท่า วีดีโอแบบปกติอยู่แล้ว
ผมเข้าใจ อัดยิ่งยาวยิ่งเยอะ เจ้าของงานก็ยิ่งชอบ  ผมก็มีให้เลือกแบบปกติ กับแบบซีนี่ม่าเหมือนกัน ซึ่งยังไงมุมมอง SLR ก็ยังให้มุมมองน่าสนใจกว่าอยู่ดี ด้วยวิธีการตัดต่อเทคนิคถ่ายทำ อุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งผมส่งงานรวม 60 Up นาที (ซึ่งถ่ายมารวมมากกว่านั่นอยู่แล้ว) ก็เพียงพอสำหรับงานผมและความพอใจของลูกค้าครับ สำหรับแนวซีนี่ม่า (ส่วน 30-40 นาทีนั่นมันเมื่อก่อน สมัย SLR เริ่มสามารถถ่ายวีดีโอได้ )  ส่วนงานคุณจะยาวเท่าไหร่ ก็ตามแต่จะจัดการทำงานของแต่ละคนครับ ถ้าลูกค้าคุณพอใจ และเหมาะสมกับค่าจ้าง

555+   โอเคจ้าา ..ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ
ผมแค่เล่าที่เจอมาเฉยๆถือว่าแลกเปลียนกันละกันเนอะ อิอิ ^^

กว่าคนจะเริ่มเข้าใจ ว่าถ้าจะถ่ายแนว cinema ก็ต้อง DSLR แต่งานอีเว้นท์ ยังไงๆก็ควรมีกล้องวิดีโอจริงๆยืนพื้น ก็ต้องโดนลูกค้าด่าเสียคนแบบนี้กันก่อน


งานแต่งแบบชาวบ้านๆ มีตากล้องภาพนิ่งคน ตากล้องวิดีโอคน ค่าจ้างตีว่าคนละห้าพัน เดินตามต้อยๆเช้ายันเย็น จบงานก็มี DVD ส่งให้ รู้สึกชีวิตจะเรียบง่าย ไม่เห็นมีปัญหาอะไรกันเลยเนาะ

สำหรับผมการอัดยาวด้วย DSLR ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรครับ
ถ้าลูกค้าต้องการตัวยาวๆ(ซึ่งปกติไม่ทำ) ก็สามารถเอาคลิปมาเชื่อมต่อกันได้ครับ
แต่ก็ต้องมานั่งตัดในส่วนที่เจิ๊กหรือไม่ต้องการออกด้วยนะครับ(ไม่ใช่เอามาเรียงแล้วจบเลย)
ยอมรับว่ามันเหนื่อยครับเอา DSLR มาตัดยาว แต่ถ้าเค้าขอมาก็บวกเพิ่มไปครับ

จะเอายาวเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงก็จัดให้ได้แต่น่าเบื่อแน่นอน
ส่วนมากลูกค้าจะขอประมาณ 30-50 นาที
(เราก็ต้องมาตัดบางส่วนที่ไม่จำเป็นออกเช่น "ประโยคคำพูดที่ซ้ำไปซ้ามา" เป็นต้น)

แต่ก่อนใช้ 60D  MAX ของมันก็ประมาณคลิปละ 10-12 นาที
โดยส่วนตัวเป็นคนถ่ายเยอะอยู่แล้วครับ(1กล้องต้องมีไม่ต่ำกว่า 40-50 GB ต่อช่วง)
แล้วค่อยมาเลือกจากคลิปยาวๆนี่แหละครับ(กันเหนียวไปในตัว)

แต่เวลาไปแจมกับทีมอื่น ส่วนมากเค้าก็จะขอมาเป็นประจำครับว่าไม่ต้องถ่ายเผื่อนะ มันตัดยาก
บางทีถ่ายกล้องเเดียวจนการ์ดแค่ 16GB เต็ม ผมเคยโดนว่า "ว่าถ่ายอะไรมาเยอะแยะ"
อันนี้ก็แล้วแต่ว่าวิธีการทำงานว่าของใครเป็นแบบไหนนะครับ

ทุกวันนี้ 6D สามารถถ่ายยาวจนหมด Memmory ได้ คือคลิปจะตัดทุกๆ 12 นาที แล้วเริ่มอัดใหม่อัตโนมัติ
แล้วค่อยเอามาต่อกันในโปรแกรมตัดต่อ(ไฟล์ที่ได้ก็จะไรรอยต่อ)
ขอให้แบตไม่หมดการ์ดไม่เต็มก็อัดไปได้เรื่อยๆครับ(ลองดูนะครับ)

ความเห็นส่วนตัวครับ

เท่าที่อ่านดูเนี่ยปัญหามันไม่น่าเกี่ยวอะไรกับกล้อง DSLR เลยนะเนี่ย บริษัทนี้มันอ้างไม่มั่วๆ
การทำงานดูไม่โปรเลย(ดูจากการส่งงานให้ลูกค้า ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงตามแพ็คเกจที่เสนอไว้)
การแถไปแถมาเลยยิ่งมั่วซั่วไปกันใหญ่ แล้วทำงานราคาแพงขนาดนี้เนี่ย ท่าจะไม่มีการประสานงานกันเลย
ไม่มีโปรดิวเซอร์ที่คอยควบคุม ไม่งั้นคงไม่ออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าไฟล์มันหาย หรือเกิดปัญหาอะไร
ก็บอกลูกค้าไปเหอะครับ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่ต้องไปแถ คุยกันตรงๆ

งานพลาดเนี่ยผมเคยเป็นมาแล้วครับแต่ก็รับกับลูกค้าตรงๆไปเลย แล้วคืนเงินหมด ทำงานต่อให้จนเสร็จเท่าที่ทำได้

ถ้ารู้ตัวว่าเราไม่โปรพอก็อย่าไปรับงานที่มันผิดพลาดไม่ได้ เช่น งานอีเว้นท์สำคัญๆ งานแต่งงาน เพราะเค้าคงไม่มาจัดงานแต่งซ้ำให้คุณแน่