โพสของคุณ อาจช่วยเหลือเด็ก มัธยม อีกหลาย ๆ คนที่เข้าเสริชในกูเกิ้ล ทำนองขอคำปรึกษา
ให้เขามีกำลังใจอีกมากมายก็เป็นได้
ตอนนี้ผมอยู่ มัธยมศึกษาปีที่ 6 กำลังจะเข้ามหา'ลัยแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความฝันเปลี่ยนไปมามั่วซั่วไปหมด
ตอน ม.4 คิดว่าจบ ม.6 แล้วจะเรียนนิติศาสตร์
ม.4 เทอม 2 นี่ไง๊! "ผมอยากเรียนวนศาสตร์" (ป่าไม้)
มาตอน ม.5 เอ้า "อยากเรียนรัฐศาสตร์"
และแล้วมา ม.5 เทอม 2 โอ้ววว "อนาคตเราต้องเป็นโปรแกรมเมอร์"
มาม.6 >> เฮ้ยย มั่วไม่ได้แล้วว่ะ ต้องแน่วแน่ สรุปว่า "กูอยากเรียนนิเทศ" ที่สำคัญคือ นิเทศภาพยนตร์
"โอ้ววว..!! นั่นไง๊ อยากเรียน มหาวิทยาลัยกรุงเทพเว๊ยยเฮ้ยย!"
เวลาผ่านไปครึ่งเทอมหนึ่ง ผมลองลงมือทำหนังสั้น และแล้วก็สำเร็จจากประสบการณ์การอ่านหนังสือมาเป็นร้อย ๆ เล่ม(ส่วนมากเป็นนวนิยาย และวรรณกรรมทุกประเภท) มุมกล้องจากหนังที่ดูสะสมมาตั้งแต่วัยเด็ก จินตนาการจากการฟังนิทานของปู่ย่า ณ หมู่บ้านที่สงบเงียบ และที่สำคัญที่สุด "จิตสำนึก" ที่แม่ปลูกฝังมาั้ตั้งแต่จำความได้ >>>> เรื่อง "รักธรรมชาติ" หนังสั้นเรื่องแรกของผมเลยเกี่ยวข้องกับ "ขยะ" และมีแนวคิดจะสานต่อหนังสั้นแนวนี้แบบไม่มีจุดจบสิ้น
"วะฮะฮะ ฮ่าาาาาา นี่แหละความฝันของข้า และข้าก็กำลังทำความจริง ให้ไปถึงฝัน ไม่สนว่าใครจะมองยังไงทั้งน๊านนน" นี่คือความคิดลึก ๆ แบบแหกคอกหน่อย ๆ ของผม ผมจะเรียน "นิเทศฟิล์ม" เพื่อจบมาจะได้.............."เปิดร้านอาหาร!!!! เอ้าาาาาา!!!!! แล้วมึงไปเรียนนิเทศทำไมวะ ทำไมไม่ไปเรียน "คหกกรรม" โห่ ไอฟายเอ้ยย!" เอ่อออ... ไม่รู้ว่ะ
..........!!แค่อยากเรียนนิเทศ เพราะอยากเรียน เปิดร้านอาหาร และมาเรียนรู้เอาทีหลังก็ไม่สาย!!...........
ย้อนกลับไป 1 ปี ช่วงปิดเทอม ผมกำลังนั่งวางแผน และจดรายละเอียด "การค้า" ลงในสมุดโรงเรียนเล่มสองฝ่ามือ ในนั้นเขียนเกี่ยวกับ "หลักฮวงจุ้ย" "เงินทุน 8000 บาท" "และก็ น้ำผลไม้ปั่น ประยุกต์" หลังจากนั้นเกือบเดือน ผมก็ได้ที่ที่จะขายน้ำผลไม้ปั่น ค่าเช่าวันละ 100 บาท อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมเพรียง และเริ่มขาย รายได้วันละ 500-700 บาท รายได้จริงประมาณ 300 บาท/วัน
ระหว่างนั้นก็ทำงานที่ร้านอาหารตอนกลางคืน ได้คืนละ 120 ไม่รวมทิป และโบนัส ผมจึงมีรายได้กว่า 400 บาท/วัน
ผ่านไป 2 เดือน ปรากฏว่า เจ๊งงงงง!! เลยทำให้รู้ว่า "มึงต้องเขียนบัญชีนะ" "มึงต้องรู้จักคำนวณรายได้ กับค่าน้ำปั่นนะ" (ขายแก้วละ 19 บาท แก้วกระดาษ มีฝาปิดเรียบร้อย และใส่ผลไม้เยอะม๊ากกก!!)
เจ๊งได้ไม่กี่อาทิตย์ ไม่เข็ด ลุยต่อ ขายข้าวโพดปิ้ง ณ ถนนคนเดิน(ศุกร์-อาทิตย์ ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว ม.5 เทอม 1) ฮวงจุ้ยดีเยี่ยม คนเดินหมุนเวียนเป็นพันต่อคืน คราวนี้ขายดีมาก ได้คืนละประมาณ 600 บาท ค่าที่ 100 ข้าวโพดซื้อมาฝักละ 7 บาท ขาย 20 25 และ 30 ผ่านไปเดือนกว่าๆ ปรากฏว่า เจ๊งงง!!
ไม่เข็ดเว้ยยย เอาอีก ไปรับตุ๊กตาปูนปั้น สำหรับแต่งสวนนบ้านตัวเล็ก ๆ มาขาย ขายได้คืนละ 1000 - 1500 บาท/คืน ที่ถนนคนเดินที่เดิม รายได้จริง ๆ ก็หักครึ่งต่อครึ่ง คือ ประมาณ 700 บาท/คืน แต่แล้วก็เจ๊งงงเช่นเคย
..... มันเลยทำให้ผมรู้ว่า "แม้คุณจะเก่งมาจากไหน อดทนแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่รอบคอบ มันก็จบเห่กันหมด"
เอ๊าาา แล้วผมเล่าทำไมล่ะ
เอาล่ะ กลับมาที่ผม "อยากเรียนนิเทศ" แต่จบมา "เปิดร้านอาหาร" อีกครั้ง
นี่คือเหตุผล ว่าทำไมผมถึงอยากเรียนนิเทศ แต่อยากเปิดร้่านอาหาร พูดกันตามจริง ไม่ได้ยกยอตัวเอง คือ "อยากเปิดร้านอาหารให้แม่" เพราะแม่ฝันมานานแล้ว และทำงานรับจ้างส่งผมเรียนมาเกือบ 20 ปี ผมเลยพยายามหัดค้าขายตั้งแต่อยู่ ป.6 เรื่อยยมาจนถึงมัธยมต้น และ มัธยมปลายที่เล่าไป
เอาล่ะ ที่เล่ามา "ทางเดินชีวิต! ที่ต้องเลือก "นิเทศฟิล์ม" กับ "ศิลปศาสตร์จีน" " มันไม่ตรงกันเท่าไหร่
แต่จะตรง นับจากนี้
มีคนบอก ผมมีพรสวรรค์ด้าน "ทำภาพยนตร์" แต่ผมไม่เชื่อหรอก ผมมีพร "อยากทำ" มากกว่า และทำมันจริง ๆ
รู้สึกรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มต้นทำ ภาพยนต์เรื่องแรก (แม้เพิ่งจะมาเริ่มไม่นานมานี้) ก่อนหน้านี้เคยเขียนนวนิยาย บทกวีด้วย เอาง่าย ๆ คือ ผมชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับ "ศิลป์" แต่แก่นเรื่องสำคัญของโพสนี้ก็คือ
ผมไม่ได้อยากเรียน "นิเทศฟิล์ม" แล้ว แต่กลับอยากเรียน "ศิลปศาสตร์จีน" มากกว่า
มีเหตุผลหลายประการ คือ ผมเรียนสาขาไรก็ได้ ถ้าผมรักการทำหนังจริง ๆ ผมก็ทำได้ ที่สำคัญ คือ จบภาษาจีนมา !! แน่นอน ทำภาพยนตร์ให้คนจีนดู "รวมทั้งต่างชาติ และไทย" ซึ่งไทยจะเข้า "สมาคมเศรษฐกิจอาเซีัยน ASEAN" ปี 2558 นี้แล้ว ใช่ไม๊ล่ะ ถ้าเราได้ภาษา อย่างอื่นไปเรียนรู้ทีหลังก็ไม่สาย โดยเฉพาะสิ่งที่เรารักนี่ได้เปรียบไปใหญ่ และ........นี่ไง อีกแก่นหนึ่งคือ อีกไม่กี่ปี ไทยเข้า อาเซีัยน คนต่างชาติไหลมามากมาย แน่นอน ในนั้นต้องเป็นพี่ใหญ่ สิงคโปร์(จีนชัด ๆ) และพี่ใหญ่มาก ๆ อย่าง "ประเทศจีน" ผม และหลาย ๆคนต้องเชื่อสิว่า "จีนเล็งเห็นช่องทางทางเศรษฐกิจ" ของอาเซียนเราขนาดไหน ดูได้จาก อาเซียน +3 ที่มี จีัน เกาหลี และญี่ปุ่น ในภูมิภาคอาเซียนเรา และผม จะเอาความได้เปรียบทางภาษาจีัน และความคิดด้านศิลป์ ประสบการณ์จากการค้าขาย(อยู่มหาลัยก็จะขายอีก) ..............>>> มาเปิดร้านอาหาร<<<...............
55555+!!! แล้วทั้งหมดนี่ ขอคำปรึกษาตรงไหนวะ...?
ผมพิมพ์ไป 2 บรรทัดกว่า ๆ เลยว่า
......................."ถ้าคุณกำลังจะไปเรียนมหาลัย ลังเลระหว่าง "คณะที่ฝันใว้เรียนแล้วมีความสุขแน่น๊อน ได้เรียนในสายที่เราอยากเรียนเต็มที่" กับ "คณะแห่งความจริง รู้ว่ามีประโยชน์มหาศาลสานฝันได้ในอนาคต แต่ตอนเรียนมหาลัย อาจไม่เต็มที่กับการทำสิ่งที่ตนรักมากมาย(หนังสั้น)" ".....................
คุณไม่อยากเรียนอะไร >> และเำพราะอะไร
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณจากใจ คืนนี้ ฝากพระจันทร์แสนสวยบอกคุณ ฝันดี
http://www.youtube.com/watch?v=L5UXK8QpLyk อันนี้หนังสั้นผมเองครับ!
ปล.บอกก่อนว่า ไม่ได้ปั๊มวิว ถ้าไม่เต็มใจจะดู ได้โปรดอย่ากดเข้าไป