คราวนี้เราลองมาดูเรื่องของช็อตอีกประเภท คือเวลาเราทำ CG บางอย่าง ใน 1ช็อตที่เราจะนำมาประกอบกัน มันจะประกอบด้วย ช็อตต่างๆที่แยกมาเพื่อนำมาใช้ประกอบเป็น 1ช็อตนั้น ไม่ใช่ว่าถ่ายมาแล้วใช้ได้เลยนะครับ ดังนั้นเราจะมาดูว่าช็อตต่างๆเหล่านั้นมันเรียกว่าอะไรกันบ้างครับ
(ปล. งานนี้เน้นงานวีดิโอเป็นหลักนะครับ ไม่ใช่งานฟิล์มแต่จริงๆแล้วหลายอย่างก็จะคล้ายๆกันแหละครับ เรียกได้ว่าเป็นหลักการเดียวกัน)
1. แพลทกรีน / บลูสกรีน ช็อต (Green / Blue screen plate) อันแรกนี้ คือช็อตที่ถ่ายมาเป็นบลูสกรีน หรือกรีนสกรีนเพื่อจะนำมาตัดสีเขียว แล้วเจาะในกระบวนการโพสต์การเจาะสีเขียวหรือนำเงินนี้ ถ้าถ่ายมาดีจะทำได้โดยง่ายครับแต่ถ้าคนถ่ายๆไม่เป็นนี่ ก็ปัญหาจะตกอยู่กับเราแล้วล่ะ เพราะว่ามันจะกัดไม่หลุด หรือถ้ากัดหลุดก็หลุดไปทั้งยวง คนแขนหาย หัวขาด อะไรอย่างนี้ครับ
2. แพลท แบ็คกราวน์ ช็อต (Background plate)อาจจะเป็นภาพจริงถ่ายมาจริงๆเลย หรือภาพที่สร้างจากกราฟฟิค หรือภาพที่สร้างโดยกระบวนการ 3D หรือ
แม้แต่การถ่ายฉากหลังมาจากแบบจำลอง ก็ได้อยู่ครับถ้ามีอะไรที่เป็นช็อตที่เป็นฉากเชิงเทคนิคของโพสต์ของเราอย่าลืมบอกทางโปรดักชั่นด้วยนะครับว่าให้ถ่ายฉากหลังมาเผื่อด้วย ฉากหลังเปล่าๆนี่แหละครับ โคตรสำคัญเลยเพราะมันจะเป็นตัวแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆได้ครับ
3. แพลท อีลิเมนท์ ช็อต (Element plate)อันนี้เป็นองค์ประกอบต่างๆที่นำมาเสริม ฝุ่น ควัน ไฟ หิน หลายคนคิดว่าเขียน 3D ง่ายกว่า แต่จริงๆแล้วถ้าไม่ได้ทำเองก็เสียค่าใช้จ่ายเยอะกว่านะครับ อีลิเมนต์พวกนี้ก็ตามแต่บทและจินตนาการของผู้กำกับแหละครับ เราควรเห็นคร่าวๆของช็อตที่ประกอบกันแล้วก่อน จึงออกไปถ่ายสิ่งเรานี้ตามมาทีหลัง เพื่อจะได้ใกล้เคียงกับช็อตหลักครับ
สมมุติว่ามีคนตกตึก แต่โปรดักชั่นไม่หินร่วงมาให้ เราก็ควรออกไปถ่ายหินร่วงมาให้เขา เดี๋ยววิธีทำจะว่าด้วยการ
เวิร์กช็อปในบทถัดๆไปนะครับ....
4. แพลท 3D แอนิเมชั่น ช็อต อันนี้เกิดขึ้นที่แผนกเราเองครับ ในกรณีที่ต้องมีการเติมสิ่งต่างๆลงไป เช่นยานอวกาศคาแรกเตอร์ที่เป็นตัว 3D อย่างเช่น กอลลั่ม หรือ จาจาบิงส์ ถ้าเป็นฟิล์มเราจะส่งทั้งหมดไปผสมไปทางฝ่าย 3D โดย ตรงเลย แต่ในงานวีดิโอ บางทีเขาจะทำเฉพาะตัวที่จังหวะได้หมดแล้ว แต่คนตัดจะเป็นคนนำมาผสมเองครับ
เรามาดูองค์ประกอบในส่วนของเสียงกันบ้างครับ1. เสียงบทสนทนา เสียงอันแรกนี่สำคัญมากๆเลยนะครับในการถ่ายทำและตัดต่อภาพยนตร์ ถ้าเป็นหนังสั้นมันมักจะถูกอัดมาบนเนื้อเทปแล้ว ถ้าโชคดีสำหรับคนตัด ทางโปรดักชั่นจะบันทึกเสียงโดยการใช้บูม หรือไวร์เลส ก็จะมีคุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี ถ้าทางกองถ่ายถ่ายมาอย่างดี มีการคุมเสียงบรรยากาศมาอย่างดี กันเสียงบรรยากาศที่จะมารบกวนบทสนทนา ถ้าทำมาได้อย่างนี้จะเป็นสวรรค์ของช่างตัดต่อเลยทีเดียว
2. เสียงบรรยากาศ Ambeian เป็นเสียงที่กองถ่ายควรจะทำมาให้เรา มันคือเสียงที่เกิดขึ้น ณ. ที่เกิดเหตุ เช่นเราไปถ่ายที่สถานีรถไฟ ตอนถ่ายเราสั่งปิดเสียงทุกอย่างเน้นเฉพาะเสียงบทสนทนา พอเราถ่ายเสร็จ เราก็จะสั่งการให้เสียงบรรยากาศจริงๆดำเนินไป แล้วเราก็จะอัดเสียงนั้นไว้ความยาวซักสองนาทีหรือสามนาที เวลาเราตัดต่อเราจะใช้เสียงบรรยากาศนี้ปูทั้งซีนเพื่อสร้างความต่อเนื่องด้านเสียง และยังสามารถใช้ได้ในเวลาที่เราหลอกถ่าย เช่นถ่ายในบ้านแต่อยากให้บ้านเป็นบ้านริมทะเล เราก็จัดการได้โดยการใช้เสียงบรรยากาศทะเลปูพื้นไว้ ประกอบกับการถ่ายเปิดหัวด้วยภาพทะเลทั้งหมดก็จะประกอบกันได้อย่างสมบูรณ์ครับ และเชื่อมั๊ยครับว่าเสียงบรรยากาศนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนมักจะลืม และทำให้งานโดยรวมไม่สมบูรณ์ เสียงบรรยากาศกระโดดไปมา ดังนั้นใส่ใจตอนถ่ายทำเพิ่มอีกนิดครับ งานเราจะสมบูรณ์มากขึ้น
3. เสียงรูมโทน Roomtoneเป็นเสียงบรรยากาศอีกประเภท แต่เป็นเสียงแบบเสียงของห้องเป็นแบบเดียวกันครับ ตอนอัดเสียงบทสนทนาเราอาจจะต้องปิดแอร์ พอถ่ายภาพเสร็จ เราก็ควรจะเปิดแอร์แล้วถ่ายเสียงเงียบของห้องเอาไว้ เพราะในความเงียบนั้นมันก็มีเสียงที่สร้างมิติในความรู้สึกของคนดูอยู่
4. ไวร์ไลน์ Wild Line ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าทำไมเขาเรียกอย่างนี้ แต่การทำงานนั้นคือการอัดเสียงที่หน้ากอง เพื่อนำเสียงมาเป็นส่วนประกอบ แต่ไม่ได้บันทึกตอนถ่ายทำจริงแบบตอนถ่ายบทสนทนา งงล่ะสิ ...ยกตัวอย่างแล้วกันครับ เช่นเสียงพระเอกตะโกนกลางสายฝน มันมีเสียงฝน เสียงอะไรเต็มไปหมดตอนที่บันทึกเสียงจริง ดังนั้นเราจึงต้องอัดเสียงตะโกนต่างหากแบบหยุดเสียงฝนโดยที่เราไม่ได้บันทึกภาพ เราเอาแต่เสียง เพื่อให้คุณภาพของเสียงมีความคมชัดมากขึ้นครับ และการอัดไวลด์ไลน์ยังใช้กับเสียงอีกประเภท คือเสียงจำพวก ออฟซีน คือเสียงที่มีเสียงพูดของตัวละครแต่เราไม่เห็นในฉาก
5. ADR คือฟุตเตจเสียงบทสนทนาที่บันทึกที่หลัง เป็นการบันทึกเสียงในห้องอัดเพื่อแก้ไขความผิดพลาดจากเสียงตอนถ่ายทำ จะมีการเรียกนักแสดงมาพากษ์เสียงตัวเองเพิ่มเติมครับและอีกส่วนก็จะเป็นประเภทเสียงบรรยาย Voice Over ต่างๆ
6.เสียง โฟลีย์ FOLEY เสียงโฟลีย์คือเสียงตัวละครที่ทำสิ่งต่างๆ เช่นเสียงย่ำพื้น เทน้ำ กดคอม เสียงเสื้อผ้าที่สีกันเวลาเคลื่อนไหว เสียงเกราะกระทบกัน ต่างๆเหล่านี้ เสียงจริงอาจจะไม่สมจริงในความรู้สึก จึงอาจจะมีการบันทึกใหม่เพื่อความสมจริงยิ่งขึ้นครับ
7. เสียงซาวด์ เอ็ฟเฟ็กต์ คือเสียงที่ไม่มีอยู่จริงในโลก เสียงดาบเลเซอร์สตาร์วอร์ส เสียงปืนเลเซอร์ หรือเสียงระเบิด เสียงไดโนเสาร์ เสียงครางต่ำๆเป็นเสียงเพิ่มบรรยากาศในหนังผีอันนี้จะต้องทำเพิ่มเติมครับ
8. เสียงดนตรีประกอบ อันนี้เรื่องใหญ่ครับ ต้องมีการแต่งเพลงเพิ่มเติม และจะต้องดูเสียงทั้งหมดเพื่อไม่ให้ดนตรีเด่นเกินหน้าเสียงอื่นๆจนกลายเป็นรกเกินไป เรามีไว้เพื่อเพิ่มอารมณ์ของภาพและสร้างสรรค์ซีเควนซ์ต่างๆให้ลื่นไหลต่อเนื่องกันครับ
9. เพลงประกอบ อันนี้ต้องดูจังหวะครับว่าควรจะมีหรือไม่มี ถ้าแต่งดีใส่ถูกที่จะเป็นผลบวกแต่ถ้าไม่ก็จะกลายเป็นลบทันทีครับ ต้องควบคุมดีๆ แต่หลักๆจะเป็นเครื่องมีที่ดีทางด้านการตลาดคือเพลงที่เพราะมักจะส่งผลดีต่อภาพยนตร์ด้วยครับ
[ แก้ไขล่าสุดโดย foolmoon เมื่อ 2010-05-14 10:06 ]