ดูหนังให้ได้ความรู้ ?

เคยได้ยินมาว่า ถ้าอยากตัดต่อเก่งๆอยากถ่ายวีดีโอเก่งๆต้องดูหนังเยอะๆจากตรงนี้พี่ๆช่วยขยายความให้มือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการอย่างผมเข้าใจทีว่า ดูหนังให้ได้ความรู้ดูยังไงครับ ?

ดู 3 รอบคับ
ผมคิดงั้น รอบ 1 ดูไปเลย ไม่ต้องเอาความรู้ ดูให้สนุก
รอบ 2 เรารู้แล้วว่าหนังเป็นไปมายังไง ไม่ต้องสนใจเนื้อเรื่องมากก ให้สนใจกับเทคนิคการถ่ายทำ มุมกล้อง
การตัดต่อ เสียง ประมาณนั้น
มาที่รอบ 3 ดูทั้งหมด ทั้งมุมกล้อง ตัดต่อ เสียง การดำเนินเรื่อง จุดพีค ซาวอะไร มุมกล้องแบบไหน แล้วคิดว่า เราจะทำยังไง ให้หนังของเรา ได้ครึ่งของหนังเรื่องนี้ หรือ ให้ดีกว่าหนังเรื่องนี้ พอมีไฟขึ้นมาและ เอากระดาษ ปากกา
มาเขียนหนังที่เราจะทำ อะไรก็ได้ ง่ายๆ ที่เราทำได้ แล้วลงมือทำ........^_^ แค่นี้แหละครับ
ความคิดผม

..จะใช้แนวทางของน้องข้างบนหรือของผมก็ได้ เปิดดูที่
http://p0p-it.blogspot.com/2012/08/blog-post_3450.html
มือใหม่อยากเข้าวงการตอนจบ เป็นการบอกแนวทางให้รู้สำหรับการดูหนัง
ว่างก็ลองทำดูนะคับ ...

แน่นอนครับผมติดตามบทความพี่มานานแต่อยากจะเห็นเทคนิคของแต่ละคนว่าเขาใช่หลังการเหมือนๆกันไหมเวลาตีความหนัง1เรื่อง     พี่เปรียบเสหมือนครูในโลกออนไลน์ของผมเลยคร้าบบบ

หนัง1เรื่อง แต่ละคนได้อะไรไม่เหมือนกัน แล้วแต่คนนั้นๆจะเกี่ยว คนตัดต่อ ดูการลำดับภาพและเล่าเรื่อง คนทำซีจีดูเทคนิค ตากล้องดูมุมกล้อง อยากรู้อะไรก็เน้นดูอันนั้น

"แต่อยากจะเห็นเทคนิคของแต่ละคนว่าเขาใช่หลักการเหมือนๆกันไหมเวลาตีความหนัง1เรื่อง"
..ผมล่ะอยากขึ้นบทความใหม่จิงๆ สิ่งที่ผมเน้นยำ้เสมอในบทความของผมก็คือเรื่อง
กฏพื้นฐานที่ควรรู้ เมื่อรู้แล้วจะปรับแก้ไขไปทางไหนก็ได้ทั้งนั้น เทียบกับคนที่ไม่รู้พื้นฐาน
ยิ่งแก้ยิ่งเละ ยิ่งทำยิ่งมั่ว


  สมมติมีลูกค้าให้ทำMVคลายเครียด แต่น้องใหม่ทำมามียิงกันทั้งเรื่อง เอฟเฟคพลิก3ตลบ
สปีดภาพเร็วตัดเร็ว สุดท้ายกลับดูเครียดหนักเข้าไปอีก ลูกค้าไม่ชอบงั้นแก้ใหม่แล้วกัน
..ให้คนยิงกันใส่เสื้อลายสีชมพูจะได้คลายเครียด เปลี่ยนเอฟเฟคแบบอื่นแต่พลิก 3 ตลบเหมือนกัน ,
สปีดภาพให้เร็วน้อยหน่อยฯลฯ ...


...เหล่านี้คิดว่าแก้ไขให้ MV ชุดนี้ คลายเครียดได้หรือไม่?...นั่นเป็นเพราะขัดหลักธรรมชาติ
ขัดหลักในสิ่งที่มันควรจะเป็น ทำไมจึงเห็นงานเหล่านี้ในเคเบิ้่ลทีวี หรือฟรีทีวีที่ผิดๆแบบนี้
นั่นเป็นเพราะ..
- เหตุผลทางธุรกิจฯ อยากเสนอเนื้อเรื่องแบบนี้ เพราะมีสินค้าตัวนี้ หรือดาราเล่นไม่ได้
   ก็ยังจ้างเพราะรู้จักกัน
- คนทำเป็นเจ้าของรายการ อยากทำแบบนี้จะทำไม จ่ายเงินจ้างก็ทำไป ตัวเองเป็นพิธีกร
  ไม่มีคนสนับสนุน ไม่เป็นไรตัวเองเป็นสปอรด์เซอร์สนับสนุนรายการ ขอแค่ได้ออกทีวี
- ทำผิดเพราะความไม่รู้ เนื้อเรื่องไม่มีสาระ มุมกล้องเขย่าดูเท่ห์ ทันสมัย


   ผมเคย ก๊อปงานลูกค้าจากเมืองนอกเป็นงานที่ได้รางวัล เลียนแบบทุกอย่างเพียงแต่เปลี่ยนพื้นภาพของเขา
มาเป็นของเรา ลูกค้าดูด่าเละบอกงานขยะ จนผมต้องค่อยๆเฉลยว่า งานนี้เป็นงานอะไร?


  ณ วันนี้ผมสับสนกับลูกค้าหน้าใหม่ หลายคนให้ทำนู่นทำนี่มั่วไปหมด ด้วยเพราะไปดูรายการที่เขาทำผิด
แล้วคิดว่านั่นคือสิ่งที่เท่ห์ ทันสมัย ...


ฉนั้น ถ้าจะตอบคำถามนี้เป็นคำตอบสุดท้ายก็คือ
          " งานที่ทำจะออกมาเป็นอย่างไร แบบไหน ขึ้นอยู่กับลูกค้าผู้สั่งให้ทำ
     .....และใหญ่กว่าลูกค้าที่คุณต้องระวังก็คือ คนจ่ายเงิน หรือนายทุนนั่นเอง.."

การดูหนังบ่อยๆ ก็เหมือนการได้ลงไป "คลุกคลี" กับ วงการงานประเภทการถ่ายทำเนี่ยแหละครับ
เหมือนกับอาชีพอื่นๆ ทุกอาชีพ ไม่่ว่าจะเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ นักกีฬา พนักงานบัญชี
ต่างก็เคยผ่านการ "สังเกตุ" และ "วิเคราะห์" งานของรุ่นพี่มาก่อนทั้งนั้น ซึ่งก็จะเจอกลเม็ดเคล็ดลับบอกไว้ในผลงานของคนรุ่นก่อนๆ
แล้วจึงค่อย "จำ" ไปลองทำตามดู ซึ่งไม่ใช่การลอกเลียนแบบแน่นอน อย่าวิตก ต้องยอมรับว่าเราอยู่ในยุค "เรียนรู้"
เมื่อคลูกคลีกับงานทั้งการทำและการสังเกตุแล้ว วันหนึ่ง เราก็จะเห็นผลงานของเขาและของเราอย่างแยกแยะเป็นประเภทๆ เป็นส่วนๆ
ทีนี้ล่ะ "รสนิยม" เท่านั้น ที่เป็นตัวกำหนดว่า เราจะเก่ง หรือไม่เก่ง

ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ