คิดเหมือนผมไหม เรื่องการถ่ายหนังด้วย DSLR

สมัยนี้ทุกคน คงเห็นกล้อง DSLR ราคาถูกๆ วางขายกันให้เกลื่อนบ้าน เกลื่ิอนเมือง กันครับ แต่ละท่านๆ ก็เอากล้องพวกนี้ซึ่งมันเปลี่ยนเลนได้ เซนเซอร์ระดับบิ๊กๆ มาถ่ายหนังให้พวกเราดูกัน ซึ่งแน่นอนต้นทุนต่ำกว่าสมัยก่อนมาก   สมัยนี้ใช้กล้องราคาไม่ถึงแสนก็ถ่ายหนังได้แล้ว

ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหนังไทย จึงต้องเอากล้อง DSLR ที่ไม่ใช่ 5D Mark II มาถ่ายทำหนัง (5D Mark II ต้องอัพ Filmware 24P Native ก่อน)  บางกองก็ใช้ 7D ถ่าย ซึ่งท่านรู้หรือไม่ว่า 7D มี rolling shutter ที่มองเห็นได้ชัด

ผมเข้าใจว่าคนทำหนังคงต้องการลดต้นทุนการถ่ายทำ จึงใช้ประโยชน์จากเจ้ากล้องเปลี่ยนเลนได้แบบ DSLR มาใช้ ซึ่งจริงๆ แล้วภาพที่ออกมามันก็สวยครับ ผมยอมรับ ถ่ายมุมมองอะไรได้เหมือนกล้องถ่ายหนังมืออาชีพที่เมืองนอกเขาใช้กันทีเดียว แต่มันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่คนทำหนังเขารู้หรือเปล่าคือเรื่อง 24P Native ไม่ใช่ 24 Frame/Sec เวลาผมไปดูหนังไทยสมัยนี้ยอมรับครับว่ามุมกล้องสวย จัดไฟ จัดฉากไม่แพ้ต่างชาติหรอก แต่เวลามีการเคลื่อนไหวเร็วๆ ขึ้นมาที่ไม่ได้ใช้ Slowmotion มันก็มีโกสให้เห็นอย่างรำคาญตา (พูดอีกอย่างก็คือภาพมันจะสั่นๆ ที่ตัวคนและตัวฉาก) แค่ฉากคนเดินไปเดินมาก็เห็นโกสกันชัดๆ แล้วครับ ยิ่งไม่ต้องพูดเวลาฉากสู้เลยถ้าไม่ใช้ Slow โกสบานครับ มองแทบไม่เห็นแขนขากันเลย

เวลาดูในโรงแบบระบบ Film ก็ไม่เท่าไหร่ครับ เพราะภาพมันไม่ค่อยชัด แต่เวลามาเป็นแผ่นนี่สุดๆ จริงๆ คือพูดง่ายๆ ครับว่า ดูรู้เลยว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายกับ DSLR ที่ไม่ใช่ 24P Native

ผมกำลังจะบอกว่าพวกท่านทำหนังออกมาได้ดีแล้ว ทั้งบทละคร ตัวแสดง ฉาก แสง สี เสียง มุมกล้อง ไม่มีที่ติแล้ว แต่มาตกม้าตายเรื่องกล้องราคาถูก เวลาดูหนังฝรั่ง รู้สึกไหมครับ ว่าภาพมันแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับหนังไทย เรื่องความนิ่งของภาพและความคมชัด อยากให้หนังไทยสมัยนี้ได้แบบนี้บ้าง

ผมก็แค่มาบ่นๆ ให้ฟังเล่นๆ ครับเผื่อคนทำหนังที่เข้าฉายในโรงตอนนี้ได้อ่าน อาจจะได้ข้อมูลอะไรจากผมไปบ้าง คนที่บ่นแบบผมมีเยอะครับ ท่านๆ ควรรู้ไว้

นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ ครับ เผื่อใครนึกภาพไม่ออกว่า 24P Native กับ 24F มันแตกต่างยังไง

นี่คือตัวอย่างภาพจากกล้อง Canon 7D ซึ่งผมคิดว่าคนถ่ายจะใช้มือจับกล้องถ่ายโดยตรง ซึ่งแน่นอน กล้อง 7D Rolling Shutter และโกส(ภาพสั่นๆ ที่ตัวแบบ) บานแน่นอน
http://www.youtube.com/watch?v=vgFULJ5GGLk

นี่ก็อีกตัวอย่างของ Canon 7D ครับ อันนี้ผมว่าเขาถ่ายมืออาชีพแล้วนะ Rolling ยังมีเลย ส่วนโกสไม่ต้องพูดถึงครับ ให้ดูที่เวลา คนวิ่งแล้วดูแขนขาเขาสิครับ โกสบาน เวลารถวิ่งไปมาก็โกสบาน เห็นแล้วรำคาญแบบผมไหม รู้สึกว่า ภาพมันไม่ได้เรื่องแบบผมไหม
http://www.youtube.com/watch?v=RWu0sx6nc4Y&feature=related

นี่ก็คือตัวอย่างจากกล้อง Canon HF S10, S100, S21 ครับ ที่สามารถถ่าย 24P Native หรือ 24P แท้ๆ ได้ ลองสั่งเกตุการเคลื่อนไหว ของฉาก และรถดูครับ อันนี้จะไม่มีโกสเลย ตัวแบบก็ไม่สั่นด้วย ไม่มี Rolling ภาพให้อารมณ์ Film Look และดูสวยงามกว่ากันเยอะครับ
http://www.youtube.com/watch?v=81bphpNdFo0&feature=fvwrel
http://www.youtube.com/watch?v=w4xNSjz2mIg&feature=related

คิดมาก

คิดไม่เหมือนครับ

ต้องถามว่าต้นทุนอุปกรณ์ของไม่ว่าจะเป็นกล้องหรืออื่น ๆ เราได้มาในราคาที่ถูกว่าจีนหรืออเมริกาที่เป็นแหล่งผลิตหรือไม่ .......

และก็ทุนในการถ่ายทำจะหนังโรงหรือหนังโฆษณาของเมืองไทยมากมายมหาศาลเหมือนเมืองนอกมั้ย ให้ดูง่าย ๆ แค่โปรดักชั่นละครไทย กับซีรี่เกาหลีบางเรื่องยังสู้เค้าไม่ได้เลย ........

แค่ 5D กับ 7D มันเป็นเรื่องเล็กมาก ๆ ในอีกหลาย ๆ เรื่องครับ

จะยกตัวอย่างนอกเรื่องเล็กน้อยครับ
เมืองนอกมาตรฐานห้องบันทึกเสียงจะเป็นงาน post production หรือ งานเพลงค่าย หนึ่งในระบบที่เค้าจะใช้คือ protools HD หน้าตาแบบนี้



แล้วก็มีระบบหน้าตาแบบนี้เอาไว้ให้วัยรุ่นนักแต่งเพลงอิสระ ใช้ทำเล่น ๆ ตามบ้าน เรียกว่า Digidesign 003



หรือ Mbox pro หน้าตาแบบนี้



คือมาตรฐานงานโปรในต่างประเทศคือ ระบบ Protools HD และมี Digi 003 หรือ Mbox เพื่อจับตลาดกลุ่มเอ็นจิเนียอิสระ garage แบนด์ แต่ในเมืองไทย เพลงค่ายหรือดนตรีประกอบโฆษณา เพลงประกอบหนัง บางส่วนก็ทำด้วย Digi 003 หรือ Mbox นะ เพลงค่ายหลาย ๆ อัลบั้มอัดกันที่โรงรถในบ้าน โปรดิวเซอร์ ด้วยไอ้เจ้าฮาร์ดแวร์หน้าตาคล้าย และมาตรฐานเดียวกับ Digi 003 หรือ Mbox จนมันกลายเป็นมาตรฐานโปรที่ใช้งานกันทั่วไปในระดับอาชีพของเมืองไทย คือเรียกว่ามาตรฐานบ้าน ๆ ในต่างประเทศคือระดับโปรในเมืองไทย มาตรฐานระดับโปรในเมืองนอก คือ โคตรโปรในเมืองไทย แล้วจริง ๆ มาตรฐานนี้ไม่ได้เพิ่งมีเมื่อกระแส DSLR ระบาดหนัก มันมีมาเป็นสิบปีแล้วครับ สมัยมันมาเมืองไทยใหม่ ผมยังไปนั่งดูฝรั่งมัน demo อยู่เลย หลังจากนั้นไม่นาน Digi 001 เวอร์ชั่นแรกก็กลายเป็นมาตรฐานโปรดักชั่นในสมัยนั้น จนปัจจุบันเวอร์ชั่น 3 แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครสังเกต คนที่รู้คือคนทำงานจริง ๆ ถึงจะเข้าใจระบบ ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์จำนวนมากก็ยังมองข้ามเลย หลาย ๆ คนบอกไปทำเสียง ถามใช้ระบบอะไร บอกอย่างภาคภูมิใจว่า  protools  ก็ถูกของเค้าเพราะ protools มันมีตั้งหลายเวอร์ชั่น แค่เห็นเครื่อง apple เห็นชื่อ software เวลาเปิดเครื่องขึ้นมาว่า protools ก็จินตนาการไปแล้วว่า มันคือสุดยอดของ workstation รันบนแมคต้องเทพ แต่เชื่อผมเถอะไม่มีใครเคยสังเกตหน้าตา interface มันหรอกว่าเป็นรุ่นไหน อิอิ (เรื่องจริงเลยขอบอก) เห็นว่ารัน software protools แล้วเสียงต้องดี

แต่ถามว่ามันเป็นเรื่องผิดมั้ย สำหรับผมว่ามันไม่มีผิดถุก เพราะบ้านเรามีองค์ประกอบหลายอย่างที่จำกัด เรื่องภาษีนำเข้า เรื่องอื่น ๆ เยอะแยะ แล้วที่สำคัญที่สุดก็คงต้องไปถามผู้มีอุปการคุณ ทั้งลูกค้า ทั้งนายทุน ทั้งผู้บริโภคทั้งหลายทั้งปวงว่ายินดีจ่ายตังค์เพิ่มขึ้นมั้ยกับการซื้อเพลงลิขสิทธิ์ จ่ายตังค์เพื่อไปดูหนังไทยให้มากขึ้น ลดความเห็นแก่ได้ของนายทุนทั้งค่ายเพลงค่ายหนังที่ต้องการกำไรมาก ๆ จากการขายลิขสิทธิ์ ลดความเห็นแก่ได้ของนายทุนเจ้าของสินค้าที่ต้องการจ่ายงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ถูกเป็นอุจจาระ เพื่อให้ได้ต้นทุนสินค้าให้ต่ำลงเพื่อกำไรที่มากขึ้น ถ้าเมืองไทยสามารถอัพเกรดมูลค่าของงานโปรดักชั่นให้มันทัดเทียมกับอเมริกาหรือประเทศที่พัฒนาแล้ว อุปกรณ์เทพแค่ไหนเราก็มีปัญญาหามาตอบสนอง แต่ตราบใดที่กลไกของตลาดในเมืองไทยยังด้อยพัฒนากว่าเค้าเราก็ต้องทำใจมันไม่ใช้ปัญหาของคนโปรดักชั่นมันเป็นปัญหาระดับประเทศนะครับ อิอิ

คิดมากทำไมล่ะครับ ก็กล้อง Dsrl มันไม่ได้ออกแบบมาใช้ถ่ายหนังใหญ่อยู่แล้วหนิ  ผมว่ามันเอาไปฉายบนจอในโรงได้นี่ก็สุดยอดแล้ว

ต้นทุนถูกลง คุณภาพก็ลดลงตามลำดับครับ มีงบเยอะจริงๆใครๆก็อยากใช้กล้องฟิล์มน่ะครับ

กล้อง ไม่ ผิด ที่ มัน ถูก จริง ราคา ค่า ทำหนัง ไม่ได้ขึ้นกับราคากล้องนะครับ
คิดดีๆแล้วไปลองทำดูบ่น ไป เท่านั้น มีอย่างอื่นต้องจ่ายอีกเพียบ  ราคากล้องเรื่องเล็ก

สมัยนี้ทุกคน คงเห็นกล้อง DSLR ราคาถูกๆ วางขายกันให้เกลื่อนบ้าน เกลื่ิอนเมือง กันครับ แต่ละท่านๆ ก็เอากล้องพวกนี้ซึ่งมันเปลี่ยนเลนได้ เซนเซอร์ระดับบิ๊กๆ มาถ่ายหนังให้พวกเราดูกัน ซึ่งแน่นอนต้นทุนต่ำกว่าสมัยก่อนมาก   สมัยนี้ใช้กล้องราคาไม่ถึงแสนก็ถ่ายหนังได้แล้ว
ถ่ายได้ กับถ่ายเป็น ต่างกันครับ
ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหนังไทย จึงต้องเอากล้อง DSLR ที่ไม่ใช่ 5D Mark II มาถ่ายทำหนัง (5D Mark II ต้องอัพ Filmware 24P Native ก่อน)  บางกองก็ใช้ 7D ถ่าย ซึ่งท่านรู้หรือไม่ว่า 7D มี rolling shutter ที่มองเห็นได้ชัด
เป็นส่วนน้อยครับที่ใช้กล้อง DSLR ถ่ายหนังใหญ่ทั้งเรื่อง ส่วน 5D MarkII เฟิร์มแวร์ใหม่ๆ มี 24 fps แล้ว และ Rolling Shutter ก็มีทั้ง 5D MarkII และ 7D เพราะระบบการจับภาพ และการบีบอัดเหมือนกัน เราอาจจะเห็น 7D เหมือนมีมากกว่านิดหน่อยเนื่องจากระบบการ Crop Factor หรือการคูณ 1.6x ทำให้เห็นได้ชัดขึ้นครับ
ผมเข้าใจว่าคนทำหนังคงต้องการลดต้นทุนการถ่ายทำ จึงใช้ประโยชน์จากเจ้ากล้องเปลี่ยนเลนได้แบบ DSLR มาใช้ ซึ่งจริงๆ แล้วภาพที่ออกมามันก็สวยครับ ผมยอมรับ ถ่ายมุมมองอะไรได้เหมือนกล้องถ่ายหนังมืออาชีพที่เมืองนอกเขาใช้กันทีเดียว แต่มันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่คนทำหนังเขารู้หรือเปล่าคือเรื่อง 24P Native ไม่ใช่ 24 Frame/Sec เวลาผมไปดูหนังไทยสมัยนี้ยอมรับครับว่ามุมกล้องสวย จัดไฟ จัดฉากไม่แพ้ต่างชาติหรอก แต่เวลามีการเคลื่อนไหวเร็วๆ ขึ้นมาที่ไม่ได้ใช้ Slowmotion มันก็มีโกสให้เห็นอย่างรำคาญตา (พูดอีกอย่างก็คือภาพมันจะสั่นๆ ที่ตัวคนและตัวฉาก) แค่ฉากคนเดินไปเดินมาก็เห็นโกสกันชัดๆ แล้วครับ ยิ่งไม่ต้องพูดเวลาฉากสู้เลยถ้าไม่ใช้ Slow โกสบานครับ มองแทบไม่เห็นแขนขากันเลย
ประโยชน์ของกล้อง DSLR ที่นำมาใช้ในการถ่ายจริงๆ แล้วมันมีประโยชน์ตรงเรื่องของ Optics หรือระยะของ Lens ที่มีความใกล้เคียงกับการถ่ายฟิล์ม รวมทั้ง DOF ที่ละลายหลังเป็นวุ้น แต่มีปัญหาเรื่องของ Rolling Shutter แต่ลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว Rolling Shutter  มีวิธีแก้โดยการใช้อุปกรณ์ช่วยในกรณี Handheld เช่น Camera Rig, SteadyCam, Glidecam, Monopod เป็นต้น ส่วนเรื่องการ Pan เร็วๆ นั้นแก้ไม่หายต้อง Pan ช้าลงในจุดที่รับได้ ส่วน 24P Native เป็นการโฆษณา แต่จริงๆ แล้วอาจเป็น 24fps Intraframe, หรือเป็น 24fps Interframe เพราะคำว่า Native ในทางวีดีโอนั้นหมายถึง การแสดงผลออกมาจากกล้องตัวนั้นจริงๆ โดยไม่มีการแปลงเป็นอย่างอื่น เป็นที่รู้กันว่า DSLR นั้นถึงแม้จะใช้ Sensor ที่มีขนาดใหญ่ทั้ง Fullframe 35mm, 1.6x แต่ใช้งานจริงๆกล้องได้ทำการบีบอัดข้อมูลรวมทั้งการเข้ารหัส BFrame PFrame หรือที่เรียกกันว่า Interframe (เฟรมไม่จริง) จริงๆ แล้วถ่ายไม่ถึง 24fps ด้วยซ่ำ Codec H264 Datarate 25Mbits/s Chorma subsampling 4:2:0 Resolution 1920x1080 ส่วนการที่เห็นเป็นโกสนั้นคนถ่ายไม่ได้ถ่าย Hi Speed มา แต่กลับมาเบิ้ลเฟรมทีหลังย่อมเกิดเอฟเฟคตามมาอย่างที่เห็น ถ้าถ่ายเฟรมมาซัก 50-60 fps แล้ว conform กลับมาเป็น 24fps ก็จะไม่เห็นโกสแล้วครับแต่ต้องแลกกับการเสีย Resolution เป็น 1280x720
เวลาดูในโรงแบบระบบ Film ก็ไม่เท่าไหร่ครับ เพราะภาพมันไม่ค่อยชัด แต่เวลามาเป็นแผ่นนี่สุดๆ จริงๆ คือพูดง่ายๆ ครับว่า ดูรู้เลยว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายกับ DSLR ที่ไม่ใช่ 24P Native
ในโรงภาพยนตร์ที่เห็นไม่ชัดเนื่องจาก Timebase ตรงกับระบบโรงหนังใช้ครับ ก็คือ 24fps ส่วนในแผ่น DVD ต้องมีการ Pullup - Pulldown เลยเห็นเอฟเฟคโกสชัดเจนมากขึ้นครับ
ผมกำลังจะบอกว่าพวกท่านทำหนังออกมาได้ดีแล้ว ทั้งบทละคร ตัวแสดง ฉาก แสง สี เสียง มุมกล้อง ไม่มีที่ติแล้ว แต่มาตกม้าตายเรื่องกล้องราคาถูก เวลาดูหนังฝรั่ง รู้สึกไหมครับ ว่าภาพมันแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับหนังไทย เรื่องความนิ่งของภาพและความคมชัด อยากให้หนังไทยสมัยนี้ได้แบบนี้บ้าง
ของอย่างงี้ต้องอาศัยความเข้าใจของธรรมชาติของกล้องแต่ละชนิดครับว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ผมก็แค่มาบ่นๆ ให้ฟังเล่นๆ ครับเผื่อคนทำหนังที่เข้าฉายในโรงตอนนี้ได้อ่าน อาจจะได้ข้อมูลอะไรจากผมไปบ้าง คนที่บ่นแบบผมมีเยอะครับ ท่านๆ ควรรู้ไว้
ผมเจอคำถามลักษณะนี้มาเยอะครับ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างด้วยกัน เนื่องจากคนให้เงินบางท่านอาจไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคของกล้องจึงต้องอาศัยคนที่คอยอธิบายอย่างเราๆ นี่แหละ แต่บางทีอธิบายไปก็บอกว่ารับกับเอฟเฟคภาพที่เกิดขึ้นได้ หนังไม่มีตัง!
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ ครับ เผื่อใครนึกภาพไม่ออกว่า 24P Native กับ 24F มันแตกต่างยังไง
Canon HF S10 เป็นกล้องระดับ Consumer ที่สามารถถ่ายได้ภาพที่ออกมาได้ดีไม่แพ้กล้องตัวใหญ่ครับ แต่ด้วยขนาดของ Sensor 1/2.6" และบันทึกเป็น MPEG4,AVCHD มี Datarate ที่ 25 Mbits/s Chorma subsampling 4:2:0 เช่นกัน (กล้องตัวนี้จริงๆ มี Rolling Shutter ครับ แต่เป็นกล้องที่ถูกออกแบบมาเพื่อถ่ายวีดีโอจึงมีการจับภาพได้ดีกว่า DSLR กล้องพวกนี้ถ่ายขนาดภาพกว้างๆ ได้ดี แต่ถ้าหากถ่ายภาพขนาดแคบยังไม่สามารถทำได้ดีเท่า DSLR นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ใช้กล้อง DSLR เพราะหนังมีการเปลี่ยนขนาดภาพบ่อยๆ ขนาดภาพมีผลกับ DOF ซึ่งเกิดจาก Optics จริงๆ ที่ไม่ใช่ DIgital Zoom ต้องลองมาชั่งน้ำหนักดูว่าหนังลักษณะนี้ควรใช้กล้องชนิดไหนครับ

Subjective มากมาย =_=

จขกท จะรู้บ้างไหมว่าแม้แต่ RED ONE ก็มี Rolling Shutter


อาหารจานนึง จะอร่อยได้ ไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยอย่างใดอย่างนึ่งเพียงอย่างเดียวเน้อ และการที่ต่อให้อาหารจานนั้นจะอร่อยสุดยอดแค่ไหน หากมีคนสักคนไม่ชอบ เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี

ส่วนตัว ผมก็เห็นหนังเมืองนอกใช้ 7d ทำฉายโรงด้วยนะครับ ได้รับรางวัลด้วย (เรื่อง Tomboy เท่าที่ได้ไปดูมาในโรง)

ผมว่าใครๆ ก็คงอยากใช้กล้อง Red หรือ Film ทั้งนั้นแหละครับ แต่ทุนมันน้อย เลยต้องมาลดค่าอุปกรณ์


เรื่อง Rolling shutter ถ้าเป็นกล้อง digital มีหมดครับ แต่แค่ของ Red จะน้อยสุด
ทุกกล้องแก้ได้ด้วยโปรแกรม Rolling shutter ใน after effect กับ Nuke ครับ

ขอบคุณที่มาช่วยคอมเม้นครับ คุณ tkratt ครับ สิ่งที่ผมหมายถึงก็คือ คนไทยลงทุนกับอย่างอื่นไปตั้งเยอะ แล้วกะแค่กล้องถ่ายหนังจะซักกี่ตัวเชียวครับ ทำไมซื้อไม่ได้

ถ้าถ่ายเฟรมมาซัก 50-60 fps แล้ว conform กลับมาเป็น 24fps ก็จะไม่เห็นโกสแล้วครับแต่ต้องแลกกับการเสีย Resolution เป็น 1280x720

แบบนี้ผมว่าใครๆ ก็รู้ครับ แบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหากล้อง 24P Native หรอกครับ เอากล้องเปลี่ยนเลนได้ ค่ายไหนก็มี 50p 50i -  60p 60i กันหมดแล้ว
การถ่าย 60p 60i แล้วกลับมาเป็น 24F ย่อมไม่เกิด Rolling และโกสแบบเดิมๆ แน่นอน แต่จะเป็นโกสแบบใหม่ที่มันแปลงจาก 60P หรือ 60i > 24F นั่นเองครับ

คำว่า 24P ไม่ใช่ 24 Frame/Sec ครับ มันเป็นอารมณ์ของภาพที่ถ่ายทอดมาแบบ 24P ที่มีการทำ MotionBlur คล้ายระบบ Film และการกระตุกของภาพแบบเ 24P แท้ๆ ซึ่งหนังไทยในปัจจุบันไม่พบเห็นอีกแล้ว

จริงๆ แล้วเมืองนอกเขาก็มีการถกเถียงกันในเรื่องนี้อยู่มากมายครับ นี่เป็นเพียง 1 ตัอย่าง
http://forum.videohelp.com/threads/294510-List-of-really-true-native-24P-1920x1080-AVCHD-camcorders

อ้างอิงจาก Rep 13 ของคุณ Soopafresh ที่ยกตัวอย่าง 24F ของ DSLR ที่มีโกสแบบเห็นได้ชัด
http://forum.videohelp.com/attachments/128-1264934149/Fast_Pan_23.976.mp4

ผมคิดไม่เหมือนคุณครับ คิดแตกต่างไปจากคุณมากเสียด้วย อยากเพียงแต่เรียนให้ทราบว่า ไม่ได้อยู่ที่กล้องหรืออุปกรณ์นะครับ และก็ไม่ใช่ว่า กล้องราคาไม่กี่บาททำไมคนไทยไม่ลงทุน จะได้ภาพดีๆ สวยๆ เหมือนเมืองนอกเขา คือ อันที่จริงแล้ว ผมอยากเรียนว่า อุปกรณ์อะไรที่เมืองนอกมี ไทยเราก็มีหมดแหละครับ นายทุนไม่ได้กลัวเสียเงิน ถ้ามีผู้มีความสามารถใช้งานได้ และรับประกันว่า ได้อุปกรณ์แบบนี้แล้วจะทำให้หนังออกมาดูดีเหมือนเมืองนอกเขา นายทุนกล้าลงทุนให้ครับ ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนขี้คุยมากกว่าครับ เสียเงินซื้อของดีๆ มาให้ใช้ พอใช้งานจริงๆ ออกมาห่วยกว่ากล้องราคาถูกอีกครับ นั่นคือ มันไม่ได้อยู่ที่อุปกรณ์ครับ มันอยู่ที่คุณภาพของคนที่ใช้งานอุปกรณ์มากกว่า ไปชะโงกดูเขาทำแป็บเดียว ก็บอกแบบนี้กูก็ทำได้วะ แล้วซื้อของแบบเดียวกันมาใช้ แต่ทำไมงานออกมามันไม่เหมือนหว่า นั่นคือ ความเข้าใจในพื้นฐานการทำงานของอุปกรณ์นั้นยังไม่มีครับ แค่ดูๆ ก็คิดซะแล้วว่าเก่ง ว่าทำได้ พูดไปสารพัด พอทำจริงๆ แล้ว ดีแต่ปากครับ การจะพัฒนาอะไรนั้น ผมว่า พัฒนาที่ตัวคน และพัฒนาความคิดก่อนก็ดีนะครับ อย่าเพิ่งก้าวล่วงไปถึงเรื่องอุปกรณ์เลย เอาแค่พัฒนาทัศนะคติของคนในการทำงานให้ดีก่อน เรื่องอุปกรณ์มันมาทีหลังครับ จะแปลงเป็นกี่ fps จะแก้โกสต์ แก้ Rolling Shutter กล้อง DSLR ทำได้หมดแล้วครับ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะรู้หลักการ และรู้ว่าต้องถ่ายอย่างไร จึงจะเกิดปัญหาในข้อจำกัดเหล่านี้น้อยที่สุดครับ ขั้นตอน Post ก็จะเกิดปัญหาน้อยที่สุดครับ งานก็จะออกมาดูดีไม่แพ้กล้องใหญ่ๆ ราคาหลายล้านครับ คน กับ ทัศนคติ ครับ สำคัญที่สุด อุปกรณ์ หึ หึ หึ เรื่องขี้หมา ครับ

ด้วยความเคารพ

มีเงินพอใช้อันไหนก็ ใช้อันนั้นแหละครับ บางทีนั่งนึกว่า อยากได้นั้นได้นี่มาใช้มันก็ง่ายนะ แต่ชีวิตจริง มันยิ่งกว่าละคร อิอิ

เห็นด้วยกับคุณboonyarit

กระทู้นี้โดนบล็อค ระบบจะซ่อนข้อความหรือไฟล์แนบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ดูแล!

การที่มีกล้องราคาถูกมาให้เราได้ซื้อใช้ มันก็ช่วยเติมความฝันให้กับหลายคนที่อยากทำหนังของตัวเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงต้องนั่งฝันกลางวันแน่ๆ..เรียกว่าปิดโอกาสของเด็กๆ กันเลยทีเดียว เพราะกล้องที่ใช้ถ่ายภาพยนตร์จริงๆราคาแพงมาก ฟิล์มก็แพง.. พอมี DSLR เข้ามาเราก็ได้เห็นเด็กตัวเล็กตัวเริ่มมาสนใจ
การสร้างหนังมากขึ้น โครงการประกวดต่างๆเริ่มมีเด็กมัธยมส่งผลงานกันมากขึ้น...มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ได้ฝึกฝนได้เรียนรู้จากเล็กไปหาใหญ่
พอมีโอกาส มีเงิน ถึงตอนนั้นก็คงอัพเกรดกันอยู่แล้ว...

*ถึงแม้มันจะมีข้อดอยในหลายจุด แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีโอกาสได้เติมฝันให้ตัวเอง...

อ้างอิง

อ้างอิงโพส 9 ต้นฉบับโพสโดย boonyarit เมื่อ 2011-11-15 12:56 :
ผมคิดไม่เหมือนคุณครับ คิดแตกต่างไปจากคุณมากเสียด้วย อยากเพียงแต่เรียนให้ทราบว่า ไม่ได้อยู่ที่กล้องหรืออุปกรณ์นะครับ และก็ไม่ใช่ว่า กล้องราคาไม่กี่บาททำไมคนไทยไม่ลงทุน จะได้ภาพดีๆ สวยๆ เหมือนเมืองนอกเขา คือ อันที่จริงแล้ว ผมอยากเรียนว่า อุปกรณ์อะไรที่เมืองนอกมี ไทยเราก็มีหมดแหละครับ นายทุนไม่ได้กลัวเสียเงิน ถ้ามีผู้มีความสามารถใช้งานได้ และรับประกันว่า ได้อุปกรณ์แบบนี้แล้วจะทำให้หนังออกมาดูดีเหมือนเมืองนอกเขา นายทุนกล้าลงทุนให้ครับ ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนขี้คุยมากกว่าครับ เสียเงินซื้อของดีๆ มาให้ใช้ พอใช้งานจริงๆ ออกมาห่วยกว่ากล้องราคาถูกอีกครับ นั่นคือ มันไม่ได้อยู่ที่อุปกรณ์ครับ มันอยู่ที่คุณภาพของคนที่ใช้งานอุปกรณ์มากกว่า ไปชะโงกดูเขาทำแป็บเดียว ก็บอกแบบนี้กูก็ทำได้วะ แล้วซื้อของแบบเดียวกันมาใช้ แต่ทำไมงานออกมามันไม่เหมือนหว่า นั่นคือ ความเข้าใจในพื้นฐานการทำงานของอุปกรณ์นั้นยังไม่มีครับ แค่ดูๆ ก็คิดซะแล้วว่าเก่ง ว่าทำได้ พูดไปสารพัด พอทำจริงๆ แล้ว ดีแต่ปากครับ การจะพัฒนาอะไรนั้น ผมว่า พัฒนาที่ตัวคน และพัฒนาความคิดก่อนก็ดีนะครับ อย่าเพิ่งก้าวล่วงไปถึงเรื่องอุปกรณ์เลย เอาแค่พัฒนาทัศนะคติของคนในการทำงานให้ดีก่อน เรื่องอุปกรณ์มันมาทีหลังครับ จะแปลงเป็นกี่ fps จะแก้โกสต์ แก้ Rolling Shutter กล้อง DSLR ทำได้หมดแล้วครับ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะรู้หลักการ และรู้ว่าต้องถ่ายอย่างไร จึงจะเกิดปัญหาในข้อจำกัดเหล่านี้น้อยที่สุดครับ ขั้นตอน Post ก็จะเกิดปัญหาน้อยที่สุดครับ งานก็จะออกมาดูดีไม่แพ้กล้องใหญ่ๆ ราคาหลายล้านครับ คน กับ ทัศนคติ ครับ สำคัญที่สุด อุปกรณ์ หึ หึ หึ เรื่องขี้หมา ครับ

ด้วยความเคารพ

กด Like 10 ทีเลยครับ