ctrl C และ Ctrl V จาก http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?PHPSESSID=c0e867c1562dca13f3aef175d493c87c&topic=224542.msg4694475;topicseen#new เท่านั้น
ไม่ได้เพิ่มเติม ดัดแปลงเนื้อหาแต่อย่างใด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความนี้ตีพิมพ์เมื่อ มีนาคม 2519 เอา 2555 - 2519 = 36 ปีที่แล้ว ดูซิว่าฝรั่งมองเมืองไทยเราว่ายังไง ต่างจากเดิมหรือไม่!! ยาวหน่อยนะ ^^.....................................................
โฉมหน้าเมืองไทยในสายตาฝรั่ง
(แปลจากบันทึกของ เจอรรี่ แคนตัน แห่ง ร.ร.นานาชาติ กรุงเทพ โดย สมิงพระประแดง)
--------------------------------------------------------------------------------
คำว่า “ไทย” แปลว่า อิสระ ลักษณะความเป็นไปในประเทศนี้จึงอิสระเสรีมาก ทุกอย่างเป็นไปตามสบาย ไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอน สมกับคำขวัญประจำชาติที่ว่า “ทำได้ตามใจคือไทยแท้” เป็นดินแดนแห่งการยิ้มและการให้อภัย ซึ่งเป็นผลให้ตนเองต้องประสบความลำบากทุกข์ยากจนต้องยิ้มแห้งๆอยู่เสมอ แต่คนไทยทุกคนก็ยังพูดว่า “ไม่เป็นไร” และเขาก็อยู่กันได้โดยไม่เป็นอะไรตามแบบของเขาได้จริงๆ ประเทศไทยจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่น่าศึกษามาก.
ที่ตั้ง อยู่ในทวีปเอเชียใกล้เส้นศูนย์สูตร มีพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางไมล์ รูปพรรณสันฐานของประเทศคล้ายขวานหินเก่าๆ แต่คนไทยถือว่าประเทศของเขามั่งคั่งร่ำรวยที่สุด จึงเรียกแผ่นดินนี้ว่า “ขวานทองของไทย”.
อาณาเขต ทิศเหนือติดพม่าและลาว ตะวันออกติดลางและเขมร ทิศใต้ติดมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดพม่า แต่ตกมาถึง พ.ศ. 2518 เส้นกั้นอาณาเขตแต่ละทิศดูไม่แน่นอนเอาเสียเลย ลาวบอกว่าแม่น้ำโขงรวมทั้ง 16 จังหวัดภาคอีสานเป็นของเขา เขมาเขยิบเข้ามาทางปราจีนบุรี ส่วนมาเลเซียลงมือเยื้อแย่ง 3 จังหวัดภาคใต้อย่างไม่ลดละ เรื่องนี้คนในบางกอกสนใจฮือฮากันเป็นพักๆ.
ภูมิประเทศ ภาคกลางเป็นที่ราบกว้างใหญ่ใช้ทำไร่ไถนา ภาคเหนือเป็นภูเขาและป่าไม้ ภาคใต้เป็นสวนยาง และเหมืองแร่อยู่ติดทะเล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูงอันแห้งแล้ง แต่กล่าวโดยทั่วไป พื้นที่ทุกภาคของประเทศประกอบด้วยป่าไม้อันเป็นต้นน้ำลำธารที่เอื้ออาทรต่อ การทำเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันไม้ในป่าเมืองไทยถูกโค่นล้มทำไร่มันสำปะหลังเกือบหมดแล้ว ต้นน้ำลำธารจึงแห้งขอด ภูเขากลายเป็นเขาหัวโล้นฝนแล้ง คาดว่าแผ่นดินไทยจะกลายเป็นทะเลทรายไปทั้งประเทศในไม่ช้านี้.
ดินฟ้าอากาศ ประเทศไทยอยู่ในเขตมรสุม จึงเคยมี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว แต่เดี๋ยวนี้เอาแน่นอนไม่ค่อยได้ หน้าหนาวฝนอาจตกแฉ่ๆ หน้าฝนกลับแห้งแล้งร้อนตับแทบแตก ฝนจริงถ้าจะตกก็มาตกในเมืองบางกกอก ไร่นาบ้านนอกจึงมีแต่ฝนเทียม ที่ดินฟ้าอากาศคุ้มดีคุ้มร้ายและเกิดอุทกภัยเป็นเทศกาลประจำปีเช่นนี้ก็ เพราะป่าถูกทำลาย ดังกล่าวแล้ว แต่ทุกวันนี้การลักลอบตัดไม้ก็ยังคงดำเนินไปอย่างอุตลุด จึงเป็นที่เชื่อได้ว่า ต่อไปประเทศไทยจะมีแต่ฤดูเป็นบ้าหรือ ร้อนจริงโว้ยอย่างเดียวตลอดปี.
การเดินทาง ชาวต่างประเทศจะเดินทางมาเมืองไทยได้ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ซึ่งก็จำเป็นจะต้องเสียเวลาทำพาสปอร์ต วีซ่า ต้องผจญภัยกับวิธีในการตรวจคนเข้าเมืองอันยุ่งยาก แล้วก็อยู่เมืองไทยได้ไม่กี่วัน วิธีที่สะดวกที่สุดจึงควรมาทางใต้ดินคือเสียเงินให้หน้าม้าแล้วก็ไม่ทำอะไร จะมีคนไปเชิญเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย พร้อมทั้งเตรียมบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านไว้ให้อย่างเรียบร้อย สามารถอยู่อาศัยทำอะไรต่ออะไรในเมืองไทยได้หลายร้อยปี วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมกันมาก ติดต่อหน้าม้าตามชายแดนทั้ง 4 ทิศ.
ประวัติ ชาวไทยเป็นชนชาติใหญ่ที่เก่าแก่ ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่มณฑลยูนานในจีนแดง แต่ถูกจีนแทรกแซงรุกรานทั้งทางทหาร และทางเศรษฐกิจย่ำแย่ จะสู้รบก็สู้ไม่ไหวเพราะคนน้อยกว่า ทำมาหากินก็สู้ไม่ได้ เพราะขยันน้อยกว่าจึงพากันอพยพถอยร่นมาทางทิศใต้ คนไทยที่รักเสรีกลุ่มใหญ่ที่สุดซึ่งเรียกตัวเองว่า “ไทยน้อย” ได้ถอยล่วงหน้ามาจนเห็นว่าขืนถอยต่อไปต้องตกทะเลแน่จึงหยุดตั้งหลักอยู่ใน ประเทศไทยในปัจจุบัน จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของเมืองไทยคือ เป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครเลย นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่น่ายกย่องมาก.
พลเมือง มี 43 ล้านคน ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นคนเจ้าสำราญ ทำอะไรไม่ค่อยจริงจัง และเชื่อคนง่าย ผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตประจำวันของคนไทย จึงได้แก่นักโฆษณาเพราะไม่ว่าจะโฆษณาว่าอะไรดี คนไทยจะเชื่อเชื่อและทำตามทันที แล้วคนอื่นก็จะรีบเอาอย่างโดยไม่ชักช้า คนไทยเดี๋ยวนี้จะตำน้ำพริกต้องใส่ผงชูรส จะนอนกับเมียต้องดื่มลิโพวิตันดี ตื่นนอนตอนเช้าต้องดื่มยาคูลท์ ฯลฯ สุดแท้แต่จะถูกหลอกหรือขู่เข็ญให้ทำอะไร ถึงแม้จะมีใครมาบอกว่าอาจทำให้เกิดโทษหรือไร้ประโยชน์อย่างไรก็ทำไม่รู้ไม่ ชี้เพราะความเคยตัวและกลัวจะเป็นคนไม่ทันสมัย.
การปกครอง ประเทศไทยมีการปกครองแบบสมบูรณายาสิทธิราช มาแต่ดึกดำบรรพ์ พ.ศ. 2479 เปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ โดยเหล่าทหารหาญตบเท้าพาเหรดเวียนเทียนเปลี่ยนกันขึ้นครองอำนาจ โดยการปฏิวัติเป็นว่าเล่นจนถึง 14 ตุลา 2516 จึงเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยนายทุนใช้กฎหมู่ปนกฎหมายพัลวัน เกแบบไทยๆสนุกดีแต่เขาก็อยู่เขาได้สนุกดี.
ศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ความจริงคนไทยนับถือศาสนาพุทธปนพราหมณ์ และไม่รังเกียจศาสนาอื่น ในประเทศจึงมีวัด โบสถ์คริสต์ มัสยิด ศาลเจ้าคละเคล้าปะปนกันไปทุกแห่ง สำหรับวัดในพระพุทธศาสนาเดี๋ยวนี้เจ้าอาวาสวัดบ้านนอกแข่งกันสร้างโบสถ์และ พระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก วัดในบางกอกรีบแบ่งที่ดินออกขายหรือปลูกตึกแถวเก็บค่าเช่า พระลูกวัดเลยชักจะหันไปเอาดีทางนัดชุมนุมและเดินขบวน ทำให้เศียรพระพุทธรูปในวัดต้องร่อยหรอลงไปทุกทีเพราะไม่มีใครดูแล.
ภาษา ชาวไทยมีภาษาของตนเอง ภาษาไทยแปลกมาก ตรงที่มีระดับเสียงถึง 5 เสียง และมีการกำหนดเสียงแน่นอนไว้ทุกคำ ถ้าออกเสียงสูงหรือต่ำไปนิดเดียวความหมายอาจเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ นับเป็นสิ่งยุ่งยากสำหรับชาวต่างประเทศที่อยากพูดภาษาไทยเป็นอันมาก แต่การฟังคนไทยพูดนั้นถึงไม่รู้เรื่องก็ฟังสนุก เพราะมีเสียงสูงๆต่ำๆไพเราะเหมือนเครื่องดนตรี ตัวอักษรไทยมีความพิศดารไม่แพ้กัน คำหลายๆคำเขาจะเขียนติดกันเป็นพืดยืดยาวยังกับขบวนรถไฟ นานๆจึงจะหยุดพักเหนื่อยสักทีหนึ่ง ไม่เขียนเป็นคำๆ ไม่มีเครื่องหมายพูลสตอป ไม่มีคอมม่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่กลับมีสระ เครื่องหมายบังคับเสียงทั้งข้างบนข้างล่างมากมายน่าปวดหัวยิ่งนัก แต่ถึงอย่างไนภาษาไทยก็มีรูปแบบที่นับว่าก้าวหน้ากว่าภาษาจีนหรือภาษา ญี่ปุ่นอย่างมาก.
เมืองสำคัญ มีเมืองเดียวคือ บางกอก เพราะเป็นทั้งเมืองหลวง เมืองเก่า เมืองอุตสาหกรรม ศูนย์กลางการพาณิช ความเจริญทุกอย่างรวมอยู่ที่บางกอกหมด คนไทยส่วนมากโดยเฉพาะคนที่เป็นใหญ่เป็นโต จึงถือว่าบางกอกก็คือประเทศไทย เมื่อก่อนเคยใช่สมญาว่า “เวนิสตะวันออก” เพราะมีคลองมาก แต่เดี๋ยวนี้ถูกถมทำถนนจนหมดแล้ว เหลือแต่คลองน้ำเน่าส่งกลิ่นเหม็นอยู่ 2-3 สาย ชาวเวนิสตัวจริงกลัวพลอยเหม็นไปด้วยเลยห้ามใช้ชื่อนี้อีก แต่บางกอกก็มีจุดเด่นอย่างใหม่ที่ประทับใจชาวต่างประเทศมากที่สุดคือ สถานอาบอบนวด หมอนวดสาวไทยให้บริการแปลกใหม่พิลึกพิลั่นชั้นสุดยอดจนดังสนั่นไปทั่วโลก ในบางกอกมีสถานอาบอบนวดมากมายหลายร้อยแห่ง เมื่อบวกกับไลฟ็โชว์ในบาร์แถวพัฒพงน์ ที่สำแดงลามกกว่าชาติใดๆ จึงทำให้บางกอกได้รับสมญาใหม่อย่างโก้หรูว่า “ฟักกิ้งซิตี้”(เมืองเอากัน).
ทรัพยากรธรรมชาติ ภาคเหนือภาคตะวันออกเคยมีป่าไม้ ภาคใต้เคยมีสวนยางและเหมืองแร่ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้เกิดมีคำขวัญในหมู่คนไทยพวกหนึ่งว่า “ป่าไม้เป็นทรัพยากร ของธรรมชาติ ผู้ใดทำลายป่าไม้ผู้นั้นย่อมรวยอื้อซ่ามาก” เป็นเหตุให้เกิดมหกรรมทำลายป่าครึกโครมไปทั่วประเทศ ไม้ในป่าเมืองไทยปัจจุบันจึง***นเตียนหมดแล้ว สวนยางภาคใต้ที่หมดอายุก็แห้งตาย ที่ต้นยังดีๆโจรภาคใต้ก็ห้ามกรีดเด็ดขาด เหมืองแร่ใหญ่ๆรัฐบาลไทยก็ยกให้ฝรั่งทำหมด ทรัพยากรณ์ที่สำคัญของไทยจึงไม่มี
สินค้าออก สินค้าออกที่สำคัญของไทยได้แก่คน เนื่องจากทรัพยากรต่างๆถูกทำลายหรือขายให้คนต่างชาติหมด ผู้ชายไทยจึงรับจ้างรบทั่วเอเชียอาคเนย์ หมอไทยไปเป็นลูกจ้างหมอฝรั่งในสหรัฐ นักมวยไทยไปรับจ้างล้มมวยให้นักมวยญี่ปุ่นที่เขาพยายามฝึกหัดมวยไทย ส่วนผู้หญิงไทยไปเป็นหมอนวด โสเภณีที่ฮ่องกง ยุโรปและอเมริการ สินค้าไทยเหล่านี้คุณภาพดี แต่ราคาถูกจึงเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก ปัจจุบันตลาดฆ่าคนในเอเชียถูกปิดกิจการ ชาวไทยจึงขายไม่ค่อยออก แต่หมอนวดสาวไทยกลับฮิตระเบิดทั่วโลก รูปสาวไทยอ้าซ่าเป็นดาราในนิตยสารต่างประเทศพร้อมกับคำบรรยายสรรพคุณอย่าง ถึงอกถึงใจ ผู้หญิงเมดอินไทยแลนด์จึงขายดิบขายดี ทำรายได้ให้เอเย่นต์ในฟักกิ้งซิตี้ร่ำรวยฟู่ฟ่าไปตามๆกัน.
สินค้า เข้า ได้แก่ของที่มีอยู่แล้วและไม่เห็นจะน่าซื้อต่างๆเช่น ผลไม้กระป๋อง กะปิจากฮ่องกง กะทิกระป๋องจากฮาวาย ผ้าไหมจากอิตาลี่ ผ้าลูกไม้จากสวีสส์ กางเกงในจากฝรั่งเศส รวมทั้งบรรดาน้ำหอม เครื่องสำอางและของฟุ่มเฟือยทุกชนิดจากทุกประเทศในโลก สินค้าพวกนี้สั่งกันเข้ามาอย่างไม่อั้นและเก็บภาษีถูกๆ คนไทยจึงแย่งกันซื้อ “ของนอก” มาใช้โอ้อวดกันด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยเหตุนี้แหละสินค้าเมดอินสำเพ็งที่ติดยี่ห้อว่าเป็นของนอกจึงเซ็งลี้ฮ้อ ผลิตไม่พอขาย บรรดาอาเฮีย อาตี๋ต่างหัวร่อฮ่าๆต้องพากันเปลี่ยนฐานะเป็นเถ้าแก่เป็นอาเสี่ยไปอย่างช่วย ไม่ได้.
เศรษฐกิจ ในบางกอกมาสถานีโทรทัศน์สีถึง 4 แห่ง มีศูนย์การค้าโรงแรม โรงหนัง ภัตราคาร ไนต์คลับ อาบอบนวด ค๊อฟฟี่ชอฟ โบว์ลิ่ง ลานสะเก็ต ห้างสรรพสินค้าอันใหญ่โตโอ่อ่า มีรถยนต์ชั้นหนึ่งของโลกทุกยี่ห้อ สัญลักษณ์แห่งความเจริญสุดยอดทุกชนิด แต่พลเมืองส่วนใหญ่ยากจนค่นแค้น ขาดดุลย์การค้ากับต่างประเทศมากมาย ต้องกู้และขอเงินต่างประเทศใช้ทุกปี เศรษฐกิจของไทยจึงเหมือนปูโพรก แต่คนไทยถือว่าความหรูหราฟุ่มเฟือย คือเกียรติยศแห่งชีวิต รัฐบาลไทยจึงตั้งหน้าตั้งตากู้ และขอให้มากที่สุด เพื่อเกียรติยศของประเทศชาติ บรรดาประเทศเจ้าหนี้และนายทุนทั้งหลายต่างอิดหนาระอาใจ แต่ก็ยังให้เกียรติและยกย่องประเทศไทยด้วยการขนานนามให้ว่า “สุภาพบุรุษขอทาน”.
อาชีพของพลเมือง ประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม แต่คนไทยนิยมรับราชการเป็นอันดับหนึ่ง เพราะการเป็นข้าราชการไทยหมายถึงการเป็นเจ้านายชาวบ้าน สามารถโกงกินได้อย่างมีเกียรติ ผู้เข้ารับราชการจึงต้องมีเส้นมีสายอย่างสำคัญ จะทำงานบริษัทห้างร้านจะต้องพูดฝรั่งหรือแต้จิ๋วได้ หนุ่มสาวบ้านนอกไทยซึ่งขาดคุณสมบัติเหล่านี้ จึงหวังดีทางเป็นนักร้องลูกทุ่ง ถ้าเสียงไม่เอาไหน ฝ่ายชายจะไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง ฝ่ายหญิงถ้าพอมีทุนก็เรียนดัดผมตัดเสื้อ ไม่มีเงินก็เข้ามาเป็นคนใช้ในบางกอก คนไหนหน้าตาดีมักจะถูกชัดชวนไปเป็นหมอนวดโสเภณี ส่วนที่สิ้นหวังในอาชีพต่างๆเหล่านี้หมดแล้ว จึงจะหันกลับไปทำไร่ไถนาไปตามเรื่องราว กีฬาที่ฮิตที่สุดในบางกอกได้แก่โปลิศจับขโมย เพราะนักวิ่งราวมีอยู่ทุกแห่งตั้งแต่บนรถเมล์ ศุนย์การค้าไปจนถึงหน้าประตูบ้านของเราเอง รองลงมาเป็นประเภททีมได้แก่กีฬาล่านักขว้างระเบิดขวด ซึ่งตื่นเต้นน่าดูกว่าประเภทบุคคลอย่างแรกมากนัก ส่วนกีฬาที่ฮิตทัดเทียมกันทั่งประเทศได้แก่กีฬาล่าโจรขโมยรถและโจรเรียกค่า ไถ่ เกมส์อันน่าหวาดเสียวเหล่านี้ทางกรมตำรวจไม่เก็บค่าผ่านประตูแต่อย่างใด ส่วนกีฬาชนิดต้องเสียเงินดูที่นิยมกันมากที่สุดได้แก่มวยไทย ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มหัศจรรย์และอันตรายที่สุดในโลก.
การบันเทิง ที.วี. เมืองไทยถ้าไม่แน่ใจในความอดทนและไม่อยากเป็นคนปัญญาอ่อนอย่าเปิดดูดีกว่า ทุกสถานีโฆษณากันอย่างบ้าคลั่ง รายการส่วนมากก็ทำเหมือนของเด็กเล่น หนังไทยกำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา ถ้าจะดูเพื่อทัศนศึกษาก็ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าไม่แน่ใจบางกอกก็มีหนังของทุกชาติในโลกนี้ฉายให้ดู ทั้งหนังฝรั่ง อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟีลิปปินส์ อินโดนิเซีย เขมร ฯลฯ แต่ถ้าดูจนหมดทุกโรงแล้วยังบ่นว่าเซ็ง ก็เห็นจะเซ็งเพราะมันเป็นหนังแห้ง แบบนี้ต้องเปลี่ยนไปชมหนังสดและโชว์ในย่านพัฒน์พงศ์ ทีนี้ละนอกจากจะเลิกบ่นแล้วก็จะรู้ได้เสียทีว่าสมญา “ฟักกิ้งซิตี้”นั้นเหมาะกับบางกอกขนาดไหน.
สังคม คนไทยมีความสัมพันธ์ในครอบครัวดีเลิศ ประเพณีเคารพผู้สูงอายุและการเอื้อเพื้อเผื่อแผ่กันในหมู่ญาติ ทำให้ครอบครัวไทยมีความอบอุ่นอย่างลึกซึ้ง แต่คนไทยสามารถรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ได้ในระดับหมู่บ้านเท่านั้น เมื่อเป็นสังคมที่ใหญ่ขึ้นก็มีสภาพแย่ลงทุกที จนเมื่อพูดถึงสังคมส่วนรวมของคนในชาติก็กลับตรงกันข้ามเลยทีเดียว กลายเป็นสังคมชนิดตัวใครตัวมัน คนรวยแย่งกันกอบโกยเอาเปรียบกดขี่คนยากจน ชนชั้นบริหารโกงกินกันอย่างหน้าด้านๆ เป็นสังคมที่มีความแตกแยกอย่างน่ากลัว แต่ก็ยังรวมตัวกันอยู่ได้เพราะพระมหากษัตริย์เป็นจุดสูงสุด เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติไว้ด้วยกันเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์เมื่อใด ไทยแลนด์ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นอน.
--------------------------------------------------------------------------------
คนไทยหลายคนคงไม่ยอมรับความจริงบางอย่างในบันทึกนี้ ซึ่งผมก็ขอตอบอย่างเสรีว่า “ไม่เป็นไร” ครับ
--------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ เรื่องนี้คัดจาก ชาวกรุง ฉบับมีนาคม 2519 พิมพ์แจกเพื่อให้คนไทยได้อ่านกันมากๆ และเพื่อเป็นแนวทางให้ย้อนมามองตัวเองอย่างจริงจังเสียบ้าง จะได้ช่วยกันพื้นฟูตัวเองให้สมกับเป็นคนไทย และเป็นมนุษย์ผู้มีศาสนาเป็นสรณะ. (บทความนี้ได้มาจากวัดอุโมง จ.เชียงใหม่)
(แปลจากบันทึกของ เจอรรี่ แคนตัน แห่ง ร.ร.นานาชาติ กรุงเทพ โดย สมิงพระประแดง)
ที่มาครับ
http://www.whatami.net/thai/thai10.html