น้องใหม่ชอบทำงานคนเดียว1-2..ตอนจบ ( .อ่านหน่อยนะ )

  …ก่อนอื่นเรามาทราบตำแหน่งหน้าที่งานต่างๆ ของทีมงานเวลาออกถ่ายทำ ( บอกอีกครั้ง )..


   1.- ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ พูดง่ายๆก็คือ เป็นตัวแทนของลูกค้าที่ส่งมาควบคุมทีมงานโปรดัคชั่น ให้ทำงานตรงตามคำสั่งหรือตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้...
  2.- ตำแหน่งช่างภาพ   คือผู้ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ต่างๆผ่านเลนส์ลงเทป เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานว่าเหตุการณ์นี้เคยมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์.. 
    3.-  ตำแหน่งผู้กำกับ    คือผู้ที่รับผิดชอบ ในการควบคุมดูแลทีมถ่าย เช่น กำกับผู้แสดงให้แสดงออกมาตามบทที่ได้รับมอบหมายมา ,
      หรือกำหนดมุมถ่ายให้ช่างภาพและกำหนดอารมณ์ของภาพให้ถ่ายทอดออกมา สมจริงสอดคล้องกับตัวแสดง ที่ได้กำกับไว้..
   4. -  ตำแหน่งคนตัดต่อ  คือ ผู้ที่มีหน้าที่นำสต๊อกเทปงานทั้งหมด จากผู้กำกับที่ได้ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำมาตัดต่อเรียบเรียงให้ดีขึ้น เด่นชัดขึ้น …
      …( อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ไปหาอ่านเพิ่มเติมในบทความเก่าของผม หรือจากพี่ๆในเว็บแล้วกันนะคับ มีเยอะ...)


       เหตุผลที่ต้องนำมาเขียนอธิบายให้ฟังอีกครั้ง ก็ด้วยเพราะน้องใหม่หลายคนที่เข้ามาจับงานทางด้านโปรดัคชั่น มักจะทำงานคนเดียวเวลารับงาน
   นั่นหมายความว่าน้องใหม่คนนี้กำลังเป็นตัวแทนของคนทำงานทั้งหมด 4 ตำแหน่ง ( บางทีอาจมากกว่านี้ )   อยากบอกว่า ถ้าจะรับงานแล้วทำงานเพียงคนเดียว
    ( เนื่องจากงบน้อย เราเข้าใจ ) น้องใหม่ควรพยายามหาความรู้เพ่ิมเติมให้กับตัวเอง ให้รู้มากที่สุดเท่าที่จะเรียนรู้ได้ ..ก็เพื่อให้งานลูกค้าออกมาดีที่สุดไม่มีความเสียหาย

     1. ในฐานะตำแหน่งโปรดิวเซอร์ ตัวแทนลูกค้า เรากำลังทำงานให้ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดหรือเปล่า หรือเราละเลย บกพร่องจุดใดจุดหนึ่ง โดยไม่รับผิดชอบ
            เช่น มาถึงไม่ทำงานคุยเล่น , ไม่ตรวจเช็คอุปกรณ์ให้พร้อมทำงาน , ไม่ดูหลายสถานที่เพื่อคัดเลือกสถานที่ที่ดีที่สุด เรากำลังทำงานให้ลูกค้าเกิดความเสียหายอยู่หรือเปล่า ?..
      2.  ในฐานะผู้กำกับ เรากำลังคัดเลือกมุมภาพที่ดีที่สุด ( ดูหลายมุม ) และสร้างเหตุการณ์โดยกำกับตัวแสดงให้เล่นไว้หลายแบบ  หรือเรากำลังทำงานแบบปล่อยตามยถากรรม
               เมื่อเกิดปัญหาก็คอยคิดหาคำแก้ตัวกับลูกค้าเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด เช่น  ตัวแสดงงบน้อยก็เล่นได้แค่นี้..
      3.  ในฐานะช่างภาพ เราใช้ความคิดในการเรียบเรียง และคัดเลือกภาพที่ดีสุด ถ่ายผ่านเลนส์กล้องบันทึกเป็นเทป ดีที่สุดแล้วหรือยัง ซ้ายขวาของกล้องมีดีกว่านี้หรือไม่ , 
             ก่อนและหลังเหตุการณ์นี้ล่ะมีดีกว่านี้ไม๊ หรือเราเพียงแค่ถ่ายแล้วก็ถ่าย เมื่อภาพออกมาไม่ดี ก็เพียงคิดหาเหตุผลมาหักล้างเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด..
     4.  ในฐานะคนตัดต่อ เราได้เลือกภาพจากหลายเหตุการณ์ ที่ดีที่สุดนำมาตัดต่อ ร้อยเรียงเป็นเรื่องราว อย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง หรือรีบๆทำให้เสร็จเพื่อจะได้ไปรับงานอื่น


 น้องใหม่หลายคน รับงานจากลูกค้าแล้วทำงานเพียงคนเดียว เมื่อเกิดข้อผิดพลาด ( งานเสีย ) ก็มักจะโทษเหตุการณ์อื่นที่มาทำให้งานของตนเสียหาย 
     โดยลืมไปว่า ตัวเองกำลังรับผิดชอบคนทำงานอยู่ถึง 4 ตำแหน่ง ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลอะไร ก็คงไม่พ้น 4 ตำแหน่งนี้อยู่ดี …( คือตัวเราเองที่ทำเสียหาย )..


         ...... ทุกครั้งที่จับกล้องถ่าย คิดเสมอว่า...."  เรากำลังทำงาน 4 ตำแหน่งนี้ เพื่อให้งานของลูกค้าออกมาดีที่สุดแล้วหรือยัง?..".

โอ้ว เจ๋งเลย ขอบคุณครับ

ชัดเลยครับ

ผมก็อยากเป็นอย่างที่พี่ว่าแหละ อยากเข้าถึงรายละเอียดของตำแหน่งต่างๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับงานอะไรก็เถอะ แต่อยากทำเป็นหลายๆด้าน ขอบคุณคร้บ ^^

...เรามีข้อแนะนำจะทำอย่างไรให้มีข้อผิดพลาดในงานน้อยที่สุด...


1. พยายามหาความรู้เพิ่มเติมให้มากที่สุด ( พี่คนเก่งในเว็บทำได้ เพราะเขาบ่มเพาะประสบการณ์มาหลายสิบปี ) สำหรับน้องใหม่ที่เริ่มรับงานจะทำได้แต่ช้า 
    การมองงานมองไม่ขาด ทำให้ใช้เวลาในการตัดสินใจช้า จนเสียโอกาสดีๆในการทำงาน ( กว่าจะคิดออกว่าจะทำอย่างไร เหตุการณ์นั้นก็ผ่านพ้นไปแล้ว )


2. มีสติเตรียมร่างกายให้พร้อมในการทำงาน 100 % พรุ่งนี้มีงานถ่าย วันนี้ก็พยายามอย่าเที่ยวหรือดื่มกินจนดึก  ร่างกายไม่พร้อมสติไม่แล่น งานลูกค้าเสียหายแน่ๆคับ..


3. ดูวัตถุประสงค์ของงานให้ชัดเจน คิดผิดก็จะทำงานผิดทั้งงาน เช่น ลูกค้ารวมกลุ่มให้เราไปถ่ายงานแสดงของลูกสาวที่โรงเรียน นั่นหมายความว่า ลูกค้าต้องการเห็นหน้าลูกตัวเอง
    กำลังทำกิจกรรมต่างๆ ฉนั้น ถ้าแบ่งสัดส่วนของภาพในงาน 100 ส่วน  ต้องมีใกล้ 70 ส่วน เพื่อจะได้เห็นหน้าเด็กๆชัด ส่วนภาพเป็นกลุ่มหรือกว้างทั้งโรงเรียนมีได้แต่ไม่เยอะ 
    ( เพราะถ้าถ่ายกว้างก็จะไม่รู้ว่าหน้าเด็กเป็นใคร ) และถ้าเราสำคัญงานผิดคือ ถ่ายกว้าง 70 ส่วนไม่เห็นหน้าลูกสาวผิดวัตถุประสงค์ของลูกค้า วันส่งเทป..คุณตายแน่ๆนะคับ..


3. อย่าประมาทคิดทุกอย่างทางลบไว้ก่อนเสมอ  จำไว้ว่าทุกครั้งที่ออกทำงาน จะต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้นทำให้งานเสียหายอยู่เสมอ แม้เราจะป้องกันและระวังอย่างไรแล้วก็ตาม
    ควรหาทางแก้ไขปัญหาไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจริงเราก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที โดยใช้เวลาน้อยที่สุด เช่น มุมกล้องโดนบังต้องย้ายด่วน , ปลั๊กไฟดับ ฯลฯ


4. เรียงลำดับความสำคัญในงานวันนั้นออกเป็นส่วนๆ ส่วนใดสำคัญที่สุดในงาน ให้เทความสนใจและเตรียมพร้อมให้กับงานนั้นมากกว่าส่วนอื่น เช่น ส่วนการแสดงบนเวทีสำคัญสุด
    แต่ขณะเดียวกันก็มีเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นพร้อมกันอยู่ ถ้าคิดว่าโยกไปแล้วกลับมา งาน ณ จุดนี้อาจเสียหายได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไป ถ้าจะต้องเสียหายควรเลือกทางที่เสียหายน้อยที่สุด
    แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรไปถ่ายเหตุการณ์นั้นด้วย มีดีกว่าไม่มี ( กันลูกค้าด่า ) แล้วก็รีบกลับมาเตรียมตัว ณ จุดที่สำคัญแต่เนิ่นๆ ..


5.. ทุกครั้งที่จับกล้องถ่าย ท่องไว้ในใจเสมอว่า... 
    -  ลูกค้าให้เราทำแบบนี้ใช่หรือไม่ ? ผิดหรือถูกตามที่ได้คุยไว้แล้ว..ใช่หรือเปล่า?..        (ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ )
     -  เราให้คนเขาแสดงแบบนี้ดีที่สุดแล้วหรือยัง? ผู้กำกับคนอื่นเขาทำกันหรือเปล่า?       ( ตำแหน่งผู้กำกับ )
     -  เราถ่ายแพนๆซูมๆ เข้าออกแบบนี้ อารมณ์ภาพไม่ดีเปลี่ยนแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหม?     ( ตำแหน่งช่างภาพ )
     -   เราเล่นเอฟเฟคใส่เพลง ลูกค้าชอบหรือ ตรงกับวัตถุประสงค์ของลูกค้าหรือไม่?        ( ตำแหน่งตัดต่อ )


6. ไม่โกหกตัวเองในการทำงาน หรือหาทางแก้ตัวแต่เนิ่นๆ ( สำคัญสุดเอาไว้ท้ายสุดเสมอ ) เมื่อเกิดความเสียหาย ก็พยายามนำงานนั้นกลับมาปรับแก้ไขออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ( แม้จะสายเกินแก้แล้วก็ตาม ) อย่าพยายามเถึยงหรือบ่ายเบี่ยงหาเหตุผลมาหักล้างกับลูกค้า เพราะจะทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวล้ายลงมากขึ้น ความเสียหายที่เกิดจาการทำงาน
    ถ้าผิดพลาดด้วยเหตุสุดวิสัย ลูกค้าเขาไม่ตำหนิหรอกคับ เขาโตพอที่จะเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ยกเว้น ความเสียหายที่เกิดจากความประมาท ความเลินเล่อของตัวคุณเอง ( ตายหยังเขียดแน่ๆงานนี้ )..    


    จำไว้ว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วงานเสียหาย จงน้อมรับความผิดนั้นอย่างเต็มภาคภูมิ และจดจำไว้เป็นบทเรียนในครั้งต่อไป ( ว่าครั้งนี้เราผิดพลาดด้วยเพราะเหตุใด ) วิธีแก้ไขก็คือ พยายามฝึกฝนความคิดตัวเองอยู่เสมอ ให้เร็วและถูกต้อง ( เหมือนพี่ๆคนเก่งในเว็บ )..

 ."....คิดทุกครั้งที่นิ้วกดปุ่มREC ....มองภาพที่บันทึกแล้วคิดเสมอ ...ว่าเรากำลังทำงานถูกทางหรือเปล่า... มีดีกว่านี้ไหม
   ..... ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของลูกค้า ที่จ้างเรามาทำงานหรือไม่?..( คิดเช่นนี้ไว้ทุกวินาที..จนกว่าจะจบงาน )..




........อย่าลืมว่า การที่ลูกค้ามอบหมายงานให้เราทำ และเราทำงานผิดพลาดเสียหาย นั่นหมายถึง อนาคตและชีวิตของลูกค้าพังทลายลง
ในพริบตาด้วยเหมือนกันเพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับมาแก้ไขงานให้ดีดังเดิมได้ ?... 
      ...และในทางกลับกัน ถ้างานที่เสียหายเป็นงานของคุณเอง คุณจะมีความรู้สึกอย่างไร?...

ติดตามครับ  นำมาลงอีกนะ  ดีมากเลย  +1