สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 5738เข้าชม
  • 26ตอบกลับ

ขอความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีภาพยนตร์ครับ

ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
พอดีมีการบ้านให้วิเคราะห์ภาพยนตร์ 3 เรื่อง และ 3 หัวข้อ เลยอยากถามในมุมมองของพี่ๆเพื่อนๆ ด้วยอะครับ

1. ขอบคุณที่รักกัน วิเคราะห์เรื่อง Contextual เกี่ยวกับบริบททางสังคม การเมือง
2. อุโมงค์มาเผมือง วิเคราะห์เรื่อง Feminism
3. รักจัดหนัก วิเคราะห์เรื่อง วาทกรรม และ มายาคติ

ปล. รบกวนพี่ๆเพื่อนๆ ช่วยสอนการบ้านผมหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

โพสต์
714
เงิน
25238
ความดี
25792
เครดิต
25951
จิตพิสัย
27913
จังหวัด
สุราษฎร์ธานี

ไหนๆก็ได้เรียนมาแล้ว  น่าจะลองอธิบายตามความเข้าใจ - ตามมุมมองของตนเองก่อน
แล้ว เอามาถก พูดคุย กันนะครับ

เพราะดูจากคำถามแล้ว....น่าจะยาวนะ่ครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
326
เงิน
11687
ความดี
9546
เครดิต
9640
จิตพิสัย
10372
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
จริงด้วยครับ อยากรู้ตามแบบที่เรียนมาด้วย รอฟังครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
451
เงิน
878
ความดี
10007
เครดิต
11895
จิตพิสัย
9646
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

ไม่ได้เรียนภาพยนตร์ มารอเก็บความรู้ครับ
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 4#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
ผมเรียนสายสังคมศาสตร์พอจะเข้าใจคำถามอยู่ แต่ยังไม่ได้ดูหนังเนี่ยอะดิ  เลยวิเคราะห์ไ่ม่ได้ อิอิ

จขกท เรียนอะไรครับ คำถามดูคล้ายๆกับ เรียนสายสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาเลย

ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 5#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
ผมเรียน นิเทศสาตร์ โท ภาพยนตร์ ครับ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 6#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
งั้นผมเอาเรื่อง รักจัดหนัก ก่อนละกันนะครับ ในความคิดของผมเป็นแบบนี้ครับ

รักจัดหนัก (LOVE, NOT YET)

เรื่องนี้ เกี่ยวกับการท้องของผู้หญิงวัยรุ่นในสังคมไทย ในภาพยนตร์เรื่อง "รักจัดหนัก" นั้นมีเรื่องย่อยๆแบ่งออกเป็น 3 เรื่อง ดังต่อไปนี้
1. การไปเที่ยวเกาะเสม็ดระหว่างคู่รักคู่หนึ่งและเพื่อนๆ หลังจากนั้นเมนไม่มา 1 อาทิตย์
2. ผู้หญิงอายุ 17 ปี ที่ท้องและไม่กล้าออกไปไหน
3. ทอมคนหนึ่งที่ไปกินเหล้าบ้านเพื่อนและเมาจนเผลอมีอะไรกับเพื่อนจนท้อง
วาทกรรม ของเรื่องนี้ คือ ผู้หญิงในช่วงวัยรุ่นนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งจะทำอะไรก็ต้องระวังหรือคิดให้ดี ซึ่งทั้งเรื่องจะบ่งบอกเกี่ยวกับการท้องของผู้หญิงในลักษณะที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นความจริงและเรื่องปกติของการท้องที่ไม่ได้ตั้งใจในสังคมไทย ส่งผลถึงมายาคติในสังคม

มายาคติ ของเรื่องนี้ คือ ความเชื่อที่ว่า ผู้หญิงในช่วงวัยรุ่นถ้ามีแฟนแล้วไปไหนสองต่อสอง หรือดื่มของมึนเมา หรืออยู่ท่ามกลางผู้ชาย ในเวลาและสถานที่ที่ไม่เหมาะสม ก็จะมีโอกาสในการพลาดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกับเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ของหนังอาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะแต่ละคนมีวาทกรรมไม่เหมือนกัน

ปล. ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ผิดถูกยังไง แนะนำด้วยนะครับ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 7#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
ต่อมาก็เรื่อง อุโมงค์ผาเมือง ละกันนะครับ

Feminism ของเรื่องนี้ จะเน้นไปที่นางเอก อย่าง พลอย ซึ่งรับบทเป็นบ่าวที่รับใช้เจ้าชาย ซึ่งต่อมาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน ก็มีความเปลีี่ยนแปลงเป็น สามี ภรรยากัน ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของ พลอย อยู่แล้ว แต่ก็มีเหตุการณ์ฆาตรกรรมเจ้าชายเกิดขึ้น และมี 3 ตัวละคร ที่พูดว่าตัวเองเป็นคนฆ่า เอง
1.พลอย ซึ่งพูดเพราะว่า เจ้าชายได้รับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพลอยกับโจรป่า จึงฆาตกรรมเจ้าชาย ซะ
2.โจรป่า พูดเพราะ ตนเองมีความสามารถที่จะฆาตกรรมเจ้าชายได้
3.เจ้าชาย พูดเพราะ ตนเองสะดุดแล้ววิ่งไปชนกับดาบเงิน

ปล. Feminism ผมไม่เข้าใจเลยครับ ว่าจะอธิบายยังไงดี ผมว่าผมมั่วเกินไปละ ยังไงชี้แนะด้วยครับ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 8#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
สำหรับ Contextual ในเรื่อง ขอบคุณที่รักกัน

คือ ในภาพยนตร์จะมี ตัวละคร 3 คู่ ซึ่งทุกคู่ล้วนแต่มี conflict ทั้งหมด ซึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจกัน แต่ก็ฝันฝ่า conflict ไปได้จน happy ending และตรงกับบริบททางสังคม การเมือง คือ ในช่วง 2-3 ปีผ่านมา ในประเทศมีเหตุการณ์ การเมืองเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งได้แบ่งเป็น สีต่างๆ และมีการทะเลาะ ขัดแย้งในเรื่องต่างๆด้วยกัน จึงเป็นที่มาของ ภาพยนตร์เรื่อง ขอบคุณที่รักกัน

ปล. ช่วยชี้แนะในทฤษฎี นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 9#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
Feminism นี่จะไปเน้นที่ มองความเป็นผู้หญิงกับความเป็นชายในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่
ประมาณพวกสิทธิสตรีอะไรพวกนี้อะครับ แล้วมันแยกแยกย่อยออกไปอีกหลายสาย

ลองเอาไปอ่านดูครับ http://www.museum.msu.ac.th/webMuseum2/article/19.pdf

อธิบายในนี้ผมว่าเข้าใจยากง่ะ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 10#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
แล้ว Contextual กับ วาทกรรม ละครับ เป็นยังไงบ้างครับ

ปล. อยากให้แนะนำความคิดของพี่ๆในนี้ด้วยน่ะครับ
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 11#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
เรื่องรักจัดหนักที่ผมคิดว่า ต้องมองวาทกรรมแยกเป็นตอนๆนะ เพราะแต่ละคนมันก็เรื่องไม่เหมือนกัน
วาทกรรมอธิบายง่ายๆก็คือกรอบความคิดเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนื่ง ที่มีลักษณะของการสืบทอดต่อกันมา
แสดงออกจากการพูดหรือการเขียนอย่างต่อเนื่องเพื่อคงวาทกรรมเอาไว้ มันจึงเป็นเหมือนกันอธิบายความจริงตามความคิดของคนที่อยู่ในวาทกรรมนั้น

การจะวิเคราะห์วาทกรรมต้องศึกษาถึงขั้นตอนกระบวนการแล้วก็รายละเอียดยิบย่ิอยในการสร้างเอกลักษณ์และความหมายของวาทกรรม ว่ามันมีความเป้นมายังไง อะไรทำนองนี้อะครับ

ตอนเที่ยวเกาะเสม็ดเนี่ย มันจะมีคำว่า ไปเสม็ดเสร็จเสมอ ประโยคนี้ก็เป็นวาทกรรมนะ เราก็ต้องมาดูละว่า
เห้ย ทำไมไปเสม็ดแล้วต้องเสร็จ มันมีปัจจัยอะไรเกื้อหนุนให้เสร็จเสมอเลยล่ะ มองแบบองค์รวมเลยอันนี้ เอาแบบปัจจัยรอบด้านเลยครัีบ

ตอนที่สอง ท้องแล้วไม่กล้าออกไปไหน ผมมองว่า เกิดจากวาทกรรมที่การท้องก่อนแต่งเนี่ย ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในสังคมไทย มีความคิดว่าการท้องก่อนแต่งเป็นเรื่องน่าอับอายกับตัวเองและวงศ์ตระกูล  เลยทำให้นางเอกนั้นอายจนไม่กล้าออกไปไหน เพราะกลัวคนนินทา

ตอนที่สาม นึกออกละ วาทกรรมเรื่องนี้คือ ผู้ชาย มองทอมยังไงก็เป้นผู้หญิงวันยังค่ำ ได้ก็เอาไม่เกี่ยง  ในขณะที่ทอมคิดกับผุ้ชายแบบไ่ม่มีอะไร คิดกับผู้ชายเหมือนตัวเองเป็นพวกเดียวกันกับผู้ชาย มั๊ง


ลืมบอกว่าผมมองแบบนักสังคมวิทยาครับ พอดีเรียนสายนี้มา อาจไ่ม่ตรงกับสายนิเทศน์ก็ได้ ลองเอาไปวิเคราะห์ดูนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อที่ผมพูดทั้งหมด
[ แก้ไขล่าสุดโดย bryan เมื่อ 2011-09-28 20:48 ]
โพสต์
644
เงิน
16847
ความดี
14761
เครดิต
14339
จิตพิสัย
20875
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 12#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
ตายล่ะ ยังไม่ได้ดูทั้งสามเรื่องเลยครับ ต้องขออภัย
ด้วยความเคารพ
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 13#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
เรื่องอุโมงผาเมืองกับแนวคิด Feminism

ก่อนอื่นต้องมองที่เรื่อง Sex กับ Gender  


Sex คือ เพศที่กำหนดโดยธรรมชาติ ดูความแตกต่างทางสรีระเป็นเกณฑ์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
Gender  คือ เพศที่กำหนดโดยสังคม/วัฒนธรรม เป็นการหล่อหลอมผู้คนให้มีบทบาท คุณลักษณะ ตามที่สังคมคาดหวัง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามวัฒนธรรมของแต่ละสังคม และกาลเวลา

แล้วก็อธิบายตามสายของสตรีนิยมที่เค้าแบ่งอะครับ
ก็ีมีสายอนุรักษ์นิยม สายเสรีนิยม สายมาร์กซิสต์ สายหัวรุนแรง สายจิตวิเคราะห์  รายละเีอียดก็ลองค้นดูนะครับ

หัวข้อนี้มองในหนังน่าจะหาได้ไม่ยากนะครับ จะเป็นในเรื่องของ การมองหเพศญิงเป็นเพศที่ด้อยกว่าผู้ชาย ไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เป็นช้างเท้าหลัง เช่น ในวัฒนธรรมอิสานในวันพระจะมีการเอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอขมาสามีในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไป อะไรทำนองนี้อะครับ เป้นเรื่องความไม่เท่าเทียม
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 14#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
"มายา" คือ สิ่งที่ไม่ใช่ความจริง หลอกลวง
"คติ" คือ ความเชื่อ ค่านิยม ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ฯลฯ

หมายถึงสิ่งที่เรามองและตัดสินใจเองว่ามันจะดีหรือชั่วแต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เรากำลังมองมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ใน
ความคิดของเรา ซึ่งจากการฉายภาพมายาคติขึ้นมานั้นเพื่อสอดคล้องกับภาพที่ทุกคนกำลังมอง
"มายาคติ" ก็คือการที่ คนเราคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม เชื่อว่า สิ่งที่พวกตนเชื่อ สิ่งที่พวกตน
ปฏิบัตินั้นเป็นความจริงเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ซึ่งเกิดขึ้นจากการสร้างความหมายให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ไม่ว่าจะสร้างกันเองในกลุ่มหรือถูกสร้างมาก่อนแล้วก็ตาม โดยเรียกความหมายที่สร้างนั้นว่า "วาทกรรม" ซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่ทรงพลังอย่างมาก เพียงพอที่จะทำให้คนหรือกลุ่มคนที่ถูกนิยามความหมายจากวาทกรรม
นั้นๆ สูญสิ้นความเป็นคนไปก็ยังได้ ทั้งนี้วาทกรรมเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างมาเพื่อรับใช้สังคม
อธิบายง่ายๆ คือต้องมีการสร้าง "วาทกรรม" ก่อนจึงจะเกิด "มายาคติ"
มายาคติก็คือการเลี่ยงที่จะพูดถึงสิ่งใดๆ ก็ตามด้วยความหมายที่แท้จริง

ในหนัง รักจัดหนัก อ่านจากสรุปที่ให้มามันน่าจะมีความเชื่ออื่นๆอีกก็เป็นได้ที่มันซ่อนอยู่ แต่ไม่ทันมองไม่ทััน
สังเกต พอดียังไม่ได้ดู เลยเอาเท่าดูเทรลเลอร์มา  ความเชื่อที่ว่าแตกนอกแล้วไม่ท้อง นี่ก็มายาคติ ฟังต่อๆกันมา
ท้องแล้วต้องรับผิดชอบ  ท้องก่อนแต่ง มันน่าอาย เมนส์ไม่มาอาิทิตย์นึงก็คิดว่าตัวเองท้องแล้ว มันออกแนวๆอะไรที่เราคิดว่าทำแล้วถูกต้องคนในสังคมยอมรับว่ามันถูก มันควร แต่จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้ เขาจึงเรียกว่ามายาคติ โอย พิมพ์เองงงเอง เรียนมาตั้งแต่ตอน ปีสอง ได้มานั่้งเปิดตำราเลยนะเนี่ย 

[ แก้ไขล่าสุดโดย bryan เมื่อ 2011-09-28 21:33 ]
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้