ผมทำสารคดีท่องเที่ยวมาหลายปี ช่วงหลังๆจะหันมาถ่ายภาพธรรมชาติและสัตว์ป่ามากขึ้น ได้ไป
สัมผัสธรรมชาติบ่อยๆ ชีวิตก็สดชื่นดีนะครับ แต่ก็ต้องศึกษาการทำงานในวิธีใหม่ๆพอสมควร
เพราะประสบการณ์ด้านนี้น้อยเหลือเกิน
ในต่างประเทศจะมีที่ให้ถ่ายภาพโดยเฉพาะ ด้วยการนั่งรถซาฟารีออกไปตามเส้นทางต่างๆที่จัดไว้
ทำให้เราถ่ายภาพสัตว์ป่าได้ไม่ยากนัก
แต่ในเมืองไทย เข้าป่าทีไร สัตว์ป่าหาดูได้ยากยิ่ง กว่าพ่อเจ้าประคุณแต่ละตัวจะโผล่หน้าออกมาให้เห็น
และเจ้าพวกนี้มันไม่ฟังเรากำกับ
ทางเดียวที่จะได้ภาพคือการแอบถ่าย ซึ่งการแอบถ่ายนี้ เป็นคนละแบบกับคลิปที่หลายคนรังเกียจ
แต่ลักลอบสะสม
การแอบถ่ายส่วนใหญ่ใช้วิธีนั่ง Blind หรือบังไพร นั่งซุ้ม หรือจะเรียกอะไรก็ได้ แต่ต้องนั่งให้เงียบกริบ
และควรไร้กลิ่นแปลกปลอม
สำหรับมือใหม่ที่มีประสบการณ์น้อยนิดอย่างผม ต้องเผชิญกฏง่ายๆแต่ทำยากเช่น ไม่ควรใช้โรลออนทาตัว
ต้องเปลี่ยนไปใช้สารส้มที่มันแสนจะบาดจั๊กกะแร้ ในซุ้มบังไพรก็ต้องเก็บกลิ่น แม้กระทั่งการผายลม หรือที่เรียกกัน
อย่างเป็นกันเองว่าตด
ช่างภาพชื่อก้อง หรือคุณก้อง บารมี เต็มบุญเกียรติ ช่างภาพ widelife มืออาชีพที่ผมนับถือ กรุณาเล่าเทคนิค
ให้ฟังว่า การพรางซุ้มให้กลมกลืนกับผืนป่า เขาใช้มูลช้าง มูลกระทิง เอามาโรยรอบๆซุ้ม โอ...ถึงขั้นต้องจับขี้กันเลย
โดยเฉพาะเรื่องเสียง ต้องเงียบกริบเท่านั้น การนั่งบังไพร จึงเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนสูงมากครับ ทั้งอั้นทั้งดม
เพื่อความสมบูรณ์ของการแอบถ่าย
ส่วนกล้อง ต้องมีทางยาวโฟกัสหลายขนาด แต่ส่วนใหญ่ เราจะเน้นเลนส์ยาวๆไว้ก่อน แต่จะยาวเท่าไหร่ อย่างไร
และเมื่อเราใช้กล้อง DSLR ทำงานลักษณะนี้ จะเป็นอย่างไร ผมมีประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเป็นเนื้อหาของผู้เฒ่า
แสนซนในวันนี้ ขอใช้ชื่อตอนว่า ชุดเลนส์โรคจิต
หลังจากทดสอบมาหลายทริป มีบุญได้ลองทั้ง 500 mm. 600 mm. ซึ่งมีดีตรงที่ได้ทางยาวมากและหล่อเกินหน้า
เกินตา
บริษัทแคนนอนไทย กรุณาให้เลนส์มาทดสอบที่เขาบันได ห้วยขาแข้ง ในภาพใช้เลนส์ 600 มม.
ติด triple extender รวมแล้วความยาวเกิน 3,000 มม. เกินไปเท่าไหร่ ช่างมันเถอะครับ ผมก็ลืมไปแล้ว
ผมพบว่า เมื่อใช้ DSLR ไปถ่ายวิดีโอสัตว์ป่า เลนส์ 100-400 กลับเป็นเลนส์ที่เหมาะสมกว่า เพราะเป็นเลนส์ทางยาว
ที่สุดที่สามารถซูมเข้าออกได้ ( อันที่จริงมีเลนส์ 50-500, 150-500 และ 170-500 ของ Zigma และอื่นๆที่ผมไม่รู้ และไม่เคยลอง )
อันนี้เลนส์ 100-400 ที่ใช้งานอยู่ ออกแนวเน่าเล็กน้อย
ทำไมต้องซูม เหตุผลแรก เพราะงานที่ถ่าย เราควรมีภาพหลายขนาด ทั้งแคบและกว้างเพื่อการตัดต่อเล่าเร่ือง
ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องมานั่งด่าตัวเองทีหลังว่า ทำไมถ่ายมาขนาดเดียววะ
เหตุผลที่สอง ระยะเวลาในการเปลี่ยนเลนส์ แม้ว่าจะซักซ้อมอยู่เสมอ เพื่อให้เร็วที่สุด เช่น 5 วินาที แต่มันอาจจะ
เป็นเวลาของการสูญเสียฟุตเทจไป 5 วินาทีเช่นกัน เพราะเราไม่ได้ถ่าย กำลังเปลี่ยนเลนส์อยู่ และเจ้าสัตว์ตัวนั้นมันเดินหายจ้อยไปแล้ว
เหตุผลที่สาม ขณะที่ผมเปลี่ยนเลนส์ไปมา หากเกิดเสียงดังก๊อกแก๊กเพียงนิดเดียว สัตว์อาจจะตกใจหนี หรือไม่ก็อาจจะ
เหม็นหน้า หันมาด่า หรือปรี่เข้ามาทำร้าย จากผู้เฒ่าแสนซน ผมก็จะกลายเป็นผู้เฒ่าสาบสูญ เมื่อเราอยู่ในป่า เท่ากับเราอยู่ในบ้าน
ของสัตว์ป่านะครับ เกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ
และเหตุผลสนับสนุนอีกข้อหนึ่งก็คือ ผมแอบอยู่ในซุ้มบังไพร จึงหมดสิทธิ์เดินหน้าหรือถอยหลัง อย่างที่ช่างภาพมักเรียกกันว่า
ดอลลี่เท้า เพื่อให้เฟรมมันพอดีตามต้องการ ไม่เหมือนเอาเลนส์ fix 50, 85 ไปถ่ายกิ๊กที่ข้าวสาร อันนั้นเดินเด้งหน้าเด้งหลัง เลือกเฟรมกัน
ได้จนพอใจ
การเปลี่ยนแปลงขนาดภาพด้วยเลนส์ fix จึงต้องขึ้นอยู่กับสัตว์ทั้งหลายว่ามันจะมาโผล่อยู่ไกลหรือใกล้ ออกมาตรงไหนก็ตรงนั้น
ไปสั่งพี่เขาไม่ได้
เลนส์ที่ซูมได้ จึงช่วยงานของผมได้ดีกว่า ด้วยประการฉะนี้ครับ
แต่การใช้เลนส์ 100-400 ในหลายครั้ง สัตว์โลกผู้น่ารักก็ยังอยู่ไกลเกินไป ดังนั้น ผมจึงเริ่มความซนด้วยการมองหาตัวช่วย
และพบว่าโลกนี้มี extender ขนาด 1.4 X สำหรับเพิ่มความยาวของโฟกัส จึงไปหามาทดลอง
Extender 1.4
ซึ่งก็ได้ผลนะครับ เข้าได้ใกล้ขึ้น แต่ผมยังไม่หยุด เมื่อพบว่ามีขนาด 2.0 X อีกด้วย จึงไปหามาทดลอง ประหนึ่งการหาเมียน้อยมาช่วยเมียหลวง
Extender 2.0
ซึ่งก็ได้ผลอีก เข้าได้ใกล้ขึ้น แต่ผมยังไม่หยุด เมื่อใคร่ครวญดูแล้วว่า มันน่าจะเอามาต่อกันได้ จึงเอา extender ที่มีอยู่แล้วมาลองบวกกันเข้าไป
คล้ายความพยายามให้เมียหลวงกับเมียน้อยมีความสามัคคี
Double Extender
โดยที่ยังไม่ดูผลการทดสอบ ผมก็หน้ามืดไปซื้อ 2.0 X มาเป็นกิ๊กเพิ่มอีกหนึ่ง รวมเป็นสาม อาการโรคจิตเข้าสิงเสียแล้ว ค่อนไปทางบ้ากาม
เล็กน้อยอย่าถือสานะครับ มันเป็นแค่ฝันของชายวัยกลางคน
เลนส์ 100-400 เมื่อรวมกับ extender ทั้งสามตัว ทำให้เลนส์ตัวนี้มีทางยาวโฟกัสยาวสุดที่ 2,240 มิลลิเมตร เมื่อใช้กับกล้อง full frame
Triple Extender และ 100-400 วางเทียบกับขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร
คู่มือการใช้เลนส์และ extender ทุกเล่ม ห้ามนักหนาว่าอย่าเอามาทำแบบนี้ แต่ผมกลับคิดว่า อย่ามายุ่งได้ไหม กูกำลังบำบัดตัวเอง
จากนั้นก็เริ่มทดสอบความซน แต่เนื่องจากรอบๆไม่มีหอพักหญิง ผมจึงต้องแอบส่องนกในสนามที่บ้าน ระยะที่ผมซุ่ม ห่างจากกลุ่มนกหน้าโหล
พวกนี้ราว 15-20 เมตร ผลที่ได้ เป็นดังน้ีครับ
หลังจากหนำใจ จึงได้ข้อสรุปจากความซนว่ามันมีข้อเสียหลายอย่างคือ
เสียแสง ภาพนกที่เห็น ถ่ายด้วย F กว้างทีี่สุดคือ 11 เท่านั้นเองครับ ส่วน ISO นั้น บางภาพต้องดันให้สูงถึง 4000 ทั้งๆที่มีแสงมากมาย
จึงเกิดการมาเยือนของ noise ถ้าใครไม่รู้จัก nosie ให้นึกถึงเฟิร์สช้อยส์หรืออิออนตอนสิ้นเดือน นั่นล่ะ น่าเกลียดน่ากลัวระดับเดียวกัน
เสียสี สีสันมันถูกชดใช้ไปกับความโลภครั้งนี้มากมาย ภาพนกของผม กลายเป็นนกจืดๆ ดูโง่ๆยังไงไม่รู้
สั่นเป็นเจ้าเข้า เลนส์ยิ่งยาว ยิ่งสั่นง่าย เป็นกฏหลักอยู่แล้ว ผมเล่นบวกเข้าไปไม่ดูตาม้าตาเรือ ช็อตดีๆ บางทีก็ต้องตัดทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
ไม่รู้จะด่าใคร
ขณะที่เลนส์ 100-400 ยามเมื่อปลอดจากตัวช่วยใดๆ มันใสกว่ากันเห็นๆ ผมมีภาพเปรียบเทียบให้ดูชัดๆเลยครับ
นอกจากนี้ ยังพบว่ากล้องร้อนเร็ว รับประทานแบตเตอรี่มูมมาม ไม่รู้ว่าเซ็นเซอร์จะอายุสั้นลงด้วยหรือเปล่า
แต่เมื่อพิจารณาจากงานที่ผมกำลังทำ โอกาสในการถ่ายภาพสัตว์ป่าแต่ละช็อต หายากมากเหลือเกิน จนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าจะต้องแลกกับ
ความสมบูรณ์ทางภาพไปจำนวนหนึ่ง ก็อาจจะต้องยอม โอกาสในการพบเห็นและถ่ายภาพนั้น น้อยนิด เมื่อเทียบกับโอกาสในการเก็บเงินไป
ซื้ออุปกรณ์ใหม่
ซื้อของ ชีวิตนี้ยังพอเก็บตังค์ได้ แต่โอกาส หาซื้อไม่ได้นะครับ ในเซเว่นก็ไม่มีขาย เธอจะขายแต่ซาลาเปา
ฟุตเทจทั้งหมด ที่จะนำมาสู่กระบวนการตัดต่อ ไม่ได้มาจากชุดเลนส์โรคจิตทุกคัตทุกช็อต มันผสมผสานจากเลนส์หลายตัวตามความ
เหมาะสม ที่สำคัญ สิ่งที่ผมยึดไว้เป็นหลักในการทำสารคดี คือการเล่าเรื่อง หากภาพที่สูญเสียความงามจากเลนส์ชุดนี้ไปบ้าง แต่ช่วยในการ
เล่าเรื่องให้สมบูรณ์ได้มากขึ้น ผมก็เลือกใช้โดยไม่ลังเล
แหม ฟังดูดีจัง
ผมมีตัวอย่างจากงานที่ไปทำ เป็นภาพงานที่ได้จากป่าห้วยขาแข้ง 5 ทริป ต่างสถานที่ ต่างเวลา ภาพเหล่านี้ถ่ายทำด้วยเลนส์หลายขนาด
ซึ่งรวมช็อตที่ใส่ไอ้ชุดโรคจิตเข้าไปด้วย เอามาตัดรวมๆกันเพื่อดูว่าเป็นยังไง มีปัญหาอะไรหรือไม่
หลังความซนได้รับการบำบัด ผมได้ชุดเลนส์ที่สร้างความมั่นใจมากขึ้น สนุกขึ้น กระตือรือร้นมากขึ้น รู้จุดแข็งและจุดด้อยของมัน
ทำให้เลือกใช้ได้เหมาะสมกันสถานการณ์ ที่สำคัญ สองภรรยาบวกหนึ่งกิ๊ก ได้สร้างความสุนทรีย์ในการทำงานให้ผู้เฒ่าแสนซนเหลือเกิน เอิ๊ก เอิ๊ก
....................................................................
ในชีวิตการทำงาน มีความซนคอยผลักดันให้ผมได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย ส่วนใหญ่ มักเกี่ยวข้องกับวิชาชีพ จนกระทั่งงานได้กลาย
เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่เรารัก วันนี้จึงนับว่าโชคดีไม่น้อย
แม้ว่าสิ่งที่ผมทำ จะผิดแผกจากงานของพี่ๆน้องๆในเว็บนี้อยู่สักหน่อย
แต่ผมเชื่อว่า เมื่ออดทนอ่านเรื่องนี้จบลง หลายคนอาจจะไม่ได้วิ่งไปหาเลนส์มาทดลองบ้าๆบอๆเหมือนผม แต่อย่างน้อย มันมีข้อพิสูจน์เรื่อง
ความซน ความอยากรู้ และพยายามอย่างยิ่งในการไขว่คว้าหาคำตอบ ซึ่งไม่ได้จำกัดหรือเฉพาะเจาะจงว่าเราจะต้องซนอยู่กับเรื่องอุปกรณ์อย่างเดียว
ความซนมันเกิดขึ้นได้ในทุกเรื่อง ในทุกขั้นตอนของการทำงาน สงสัยเรื่องอะไร หาคำตอบให้ได้ แม้ว่าการเดินไปสู่ปลายทาง อาจจะต้องใช้ความ
หมกมุ่นสักเล็กน้อย
ใครว่าการหมกมุ่นเป็นเรื่องไม่ดี สำหรับผมแล้วมันตรงกันข้าม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่อยากชูมือสนับสนุนในทุกๆความซน ตราบใดที่เราหมกมุ่น
แล้วเกิดประโยชน์ในการใช้ชีวิต การทำงานหรือการเรียน ว่างแล้วค่อยหมกมุ่นเรื่องมิยาบิ อิ อิ ไต ไต
พบกันครั้งหน้ากับผู้เฒ่าโรคจิต เอ๊ย ผู้เฒ่าแสนซน ในบ้านอบอุ่นหลังนี้ thaiDFILM ครับ
ตอนหน้า
ผมสนใจและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการบันทึกเสียง ระยะนี้ เริ่มรวบรวมอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับการบัันทึกเสียง ทั้งไมค์หัวกล้อง ไมค์บูม
ไวร์เลส และอุปกรณ์บันทึกหลายๆประเภท เท่าที่จะมีปัญญา ตั้งใจว่าจะมีโอกาสทดสอบในรูปแบบต่างๆ และเอามาฝากกันเพื่อเป็นข้อมูล ติดตามได้ที่นี่ครับ
สวัสดีทุกท่าน
[ แก้ไขล่าสุดโดย icestylecg เมื่อ 2011-05-21 02:23 ]