ฉาก........เด็กมัธยมจูบกัน

ข่าวจากมติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1294800567&grpid=01&catid=&subcatid=


กก.วัฒนธรรมฯลงดาบแบนทีเซอร์ "เลิฟ จุลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก" อ้างมีฉาก "จูบ" ในชุด น.ร.

แหล่งข่าวจากสำนักภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เปิดเผย "มติชน" ว่า ขณะนี้สำนักภาพยนตร์ฯได้สั่งแบนทีเซอร์หรือภาพยนตร์ตัวอย่างของ "เลิฟ จุลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก" ภาพยนตร์ของบริษัท M39 แล้ว เพราะมีการฉายให้เห็นภาพที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพของนักแสดงซึ่งเป็นวัยรุ่นทำท่าเหมือนจะจูบกันแบบปากชนปาก โดยในทีเซอร์ซึ่งมีความยาวไม่มากนัก เน้นให้เห็นภาพนี้โดยตัวละครต่างๆ ถึง 4 ครั้ง และตัวละครเหล่านั้นล้วนสวมบทโดยนักแสดงวัยรุ่น บางตัวละครยังสวมชุดนักเรียนมัธยมต้นให้เห็นในเรื่องด้วยซ้ำ

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า แม้ทีเซอร์ภาพยนตร์ไม่ต้องเข้ากระบวนการจัดเรตเหมือนตัวภาพยนตร์ฉบับเต็ม แต่ก่อนฉายต้องส่งให้คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์พิจารณาอยู่ดี เพราะถือเป็นสื่อโฆษณาที่ต้องดูความเหมาะสม แต่ทีเซอร์ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมีการนำฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา และเพิ่งส่งให้คณะกรรมการพิจารณาเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งถือว่าผิดและหากมีผู้ร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551 ระบุว่ามีโทษปรับคนฉายหรือโรงภาพยนตร์ 200,000-1,000,000 บาท

"ในทีเซอร์มีฉากจูบแบบปากชนปากของวัยรุ่นถึง 4 ฉากในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เด็กๆ อาจจะเลียนแบบได้" แหล่งข่าวกล่าว และว่า จากการตรวจสอบกับบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ ก็ได้รับคำชี้แจงว่าก่อนหน้านี้เป็นช่วงหยุดยาวปีใหม่ จึงไม่สามารถส่งให้พิจารณาได้

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ทีเซอร์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมมากมาย โดยบางคนลงความเห็นถึงขั้นว่า นี่อาจจะเป็นภาพยนตร์อีโรติคแบบเรื่อง "น้ำตาลแดง" แต่เป็นฉบับของวัยรุ่น

ชอบ Paradox ... ^^

เฮ่อ เมืองไทย....ถ้ากลัวเด็กทำตามรบกวนไล่เก็บหนัง AV ตามที่สาธารณะ บิททอเร้นให้หมดด้วยครับ ไม่งั้นเด่วจะมีล้วงลับตับแตกบนรถไฟหรือที่สาธารณะนะ

จริงจัง...กันให้...ชัดเจน น่าจะเป็นการดีกว่านะครับ

http://www.pantip.com/cafe/gallery/topic/G7903691/G7903691.html 

อันนี้ก็ชุดนักเรียน ผมจะโดนแบนมั๊ยอ่ะ

อ.ผมกำกับค้าบ 555+
พี่คังฉิก แห่ง ซิกัมซ่า รุ่น3
แอบโปรโมท ฮ่าๆๆ

แบนๆๆๆๆ อย่าให้เด็กมันเห็น เดี๋ยวมันทำเป็น ตอนนี้มันยังทำไม่เป็นน
เดี๋ยวมันเห็นฉากจูบ มันจะเอาไปจูบกันในชุดนักเรียน
เด็กสมัยนี้ มันคิดเองไม่เป็นหรอก เห็นอะไรจากสื่อมันเอาไปทำตามหมดนั่นแหละ

อยากรู้ว่า ทุกวันนี้มันไม่มีเด็กจูบกันในชุดนักเรียนจริงๆบ้างรึไง

อยากเป็นพระเอก...

น้องโม รุ่นน้องผมเองครับ ไม่น่าโดนจูบเลย 5555

ส่งสัยเม็ดเงินไม่ลง ตัว

อ้างอิง

อ้างอิงโพส 5 ต้นฉบับโพสโดย pompady เมื่อ 2011-01-13 16:34  :
อ.ผมกำกับค้าบ 555+
พี่คังฉิก แห่ง ซิกัมซ่า รุ่น3
แอบโปรโมท ฮ่าๆๆ

ขอนอกเรื่องนิดนึง อ.คงฉึก จาก ม.บูรพาใช่มั้ยครับที่แต่ก่อน เคยมีกาตูนเรื่องซิกัมซ่า ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องคณะศิลปกรรมที่ ม.บูรพา เคยอ่านสมัยเป็นนักเรียน

เห็นด้วยกับคุณแต้คับ ...

เมื่อไหร่ถึงตาผมเป็นพระเอกมั่งครับ

น้ำตาลแดงก็มีจูบกันในชุดนักศึกษาครับ (ฟ้องกะเค้ามั่ง)

ช่วงหลัง ๆ เริ่มพอมีเวลา ก็จะเอาเรื่องนี้และอีกหลาย ๆ เรื่องมาขบคิด มามองหลาย ๆ มุม พยายามหาจุดยืนให้กับตัวเองเพื่อรักษาแนวทางปฏิบัติ และ แสดงความเห็นออกไปสู่สาธารณะ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการทำหนัง แต่ยังมีเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมอยู่ด้วย โอเคหนังอาจจะประสบความสำเร็จ ไปถึงซึ่งอารมณ์ ถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อได้อย่างสมบูรณ์ แต่โจทย์ที่จะต้องตอบให้ได้ด้วยตั้งแต่เริ่มคิิดในกระดาษ ก็คือ แล้วสังคมล่ะ หนังเรื่องนี้ให้อะไรต่อสังคม ส่งผลอะไรต่อสังคมเมื่อคนดูออกจากโรงไปแล้ว ... พลังอำนาจหนังหรือสื่ออื่น ๆ มีมากว่าที่ปรากฏเห็นได้ด้วยสายตา ...

หนังยังมีแค่ 3 มิติ แต่ชีวิตจริงมีหลายมิติให้ต้องคิดมากกว่าในหนัง ... หนังจบ แต่ชีวิตคนยังต้องเดินต่อ ... หนังจบสร้างใหม่ ชีิวิตคนจบแล้วสร้างใหม่ไม่ได้ พลาดแล้วย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ... จะหาความสมดุลย์ยังไง ระหว่าง อิสระในการสร้างงานศิลปะ ธรรมชาติของมนุษย์ ความรับผิดชอบต่อสังคม การรักษาขนบธรรมเนียมอันดีงาม ฯลฯ ...

ผมอายุเลยวัยไร้เดียงสาไปนานแล้ว แต่ความจริงคือ อิฐธิพลจากหนังที่ดูยังส่งผลถึงผมอยู่เลย ในด้านหนึ่ง ผมเคยนำเอาสิ่งที่ได้จากการดูหนัง มาสร้างแรงบันดาลใจ มาสร้างความฮึกเหิม มาพัฒนาการดำเนินชีวิต ยอมรับว่ามันมีค่าต่อชีวิตจริง ๆ คุ้มมากที่ได้ดู ... กลับกันในอีกด้าน ผมก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าหนังบางเรื่องทำให้ผมรู้สึก อยากเป็นโจร อยากเป็นนักเลง อยากขับรถเร็ว ๆ อยากแก้ปัญหาด้วยปืน อยากเป็นเพลย์บอยไล่ฟันหญิง ฯลฯ .. ที่ตลกไม่ออกคือ หลายอย่างทำไปแล้วด้วย! เพราะพอเมื่ออะไรต่าง ๆ มันมาบรรจบประจวบเหมาะกันพอดี มันก็ไปตามอย่างในหนังเป๊ะ ๆ อย่างอัตโนมัติเลย เหมือนภาพอะไรต่าง ๆ มันมีอยู่แล้วในหัว ถ่ายทอดออกมาเป็นเสต็บ ๆ อย่างคล่องแคล่ว ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย! โอเคจุดนึงยอมรับว่าเลว ไม่ได้หาข้ออ้างแก้ตัว แต่มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ... มันเกิดขึ้นได้ทั้งสองด้านไง แล้วแต่ใคร (แล้วแต่วุฒิภาวะ แล้แต่สถานะการณ์ แล้วแต่ ... ฯลฯ) จะเลือกหรือผลักดันให้เกิดการนำไป-รับไปใช้ ...

เชื่อว่าถึงจุดนึง ความสมดุลย์มันต้องมี จุดตรงกลาง ๆ มันน่าจะมีอยู่ ... แล้วผมก็เชื่อว่า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อันหนึ่ง ให้เข้าถึงซึ่งอารมณ์หนึ่ง หรือเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ขององค์ประกอบอะไรก็แล้วแต่ เราสามารถเลือกวิธีการได้หลายแบบ เราสามารถเลือกที่จะทำงานสร้างสรรค์ไปได้พร้อม ๆ กับความรับผิดชอบต่อสังคม แม้ว่ามันจะทำให้เราต้องคิดมากขึ้น ลดความมักง่ายให้น้อยลงหน่อยก็ตาม ...

ในจุดนี้ผมก็ไม่ได้สรุป หรือ พยายามจะชี้นำอะไร มันเป็นเพียงแต่การเสนอปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ที่เราควรจะมองให้รอบ มองให้หลากมิติิขึ้น ...