อ้างอิงโพส 14 ต้นฉบับโพสโดย vfspostwork เมื่อ 2011-01-13 21:06 :
ช่วงหลัง ๆ เริ่มพอมีเวลา ก็จะเอาเรื่องนี้และอีกหลาย ๆ เรื่องมาขบคิด มามองหลาย ๆ มุม พยายามหาจุดยืนให้กับตัวเองเพื่อรักษาแนวทางปฏิบัติ และ แสดงความเห็นออกไปสู่สาธารณะ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการทำหนัง แต่ยังมีเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมอยู่ด้วย โอเคหนังอาจจะประสบความสำเร็จ ไปถึงซึ่งอารมณ์ ถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อได้อย่างสมบูรณ์ แต่โจทย์ที่จะต้องตอบให้ได้ด้วยตั้งแต่เริ่มคิิดในกระดาษ ก็คือ แล้วสังคมล่ะ หนังเรื่องนี้ให้อะไรต่อสังคม ส่งผลอะไรต่อสังคมเมื่อคนดูออกจากโรงไปแล้ว ... พลังอำนาจหนังหรือสื่ออื่น ๆ มีมากว่าที่ปรากฏเห็นได้ด้วยสายตา ...
หนังยังมีแค่ 3 มิติ แต่ชีวิตจริงมีหลายมิติให้ต้องคิดมากกว่าในหนัง ... หนังจบ แต่ชีวิตคนยังต้องเดินต่อ ... หนังจบสร้างใหม่ ชีิวิตคนจบแล้วสร้างใหม่ไม่ได้ พลาดแล้วย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ... จะหาความสมดุลย์ยังไง ระหว่าง อิสระในการสร้างงานศิลปะ ธรรมชาติของมนุษย์ ความรับผิดชอบต่อสังคม การรักษาขนบธรรมเนียมอันดีงาม ฯลฯ ...
ผมอายุเลยวัยไร้เดียงสาไปนานแล้ว แต่ความจริงคือ อิฐธิพลจากหนังที่ดูยังส่งผลถึงผมอยู่เลย ในด้านหนึ่ง ผมเคยนำเอาสิ่งที่ได้จากการดูหนัง มาสร้างแรงบันดาลใจ มาสร้างความฮึกเหิม มาพัฒนาการดำเนินชีวิต ยอมรับว่ามันมีค่าต่อชีวิตจริง ๆ คุ้มมากที่ได้ดู ... กลับกันในอีกด้าน ผมก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าหนังบางเรื่องทำให้ผมรู้สึก อยากเป็นโจร อยากเป็นนักเลง อยากขับรถเร็ว ๆ อยากแก้ปัญหาด้วยปืน อยากเป็นเพลย์บอยไล่ฟันหญิง ฯลฯ .. ที่ตลกไม่ออกคือ หลายอย่างทำไปแล้วด้วย! เพราะพอเมื่ออะไรต่าง ๆ มันมาบรรจบประจวบเหมาะกันพอดี มันก็ไปตามอย่างในหนังเป๊ะ ๆ อย่างอัตโนมัติเลย เหมือนภาพอะไรต่าง ๆ มันมีอยู่แล้วในหัว ถ่ายทอดออกมาเป็นเสต็บ ๆ อย่างคล่องแคล่ว ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย! โอเคจุดนึงยอมรับว่าเลว ไม่ได้หาข้ออ้างแก้ตัว แต่มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ... มันเกิดได้ขึ้นทั้งสองด้านไง แล้วแต่ใคร (แล้วแต่วุฒิภาวะ แล้แต่สถานะการ แล้วแต่ ... ฯลฯ) จะเลือกหรือผลักดันให้เกิดการนำไป-รับไปใช้ ...
.......