สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 6048เข้าชม
  • 8ตอบกลับ

ห้องเรียนหนังตอนที่ 5 แรงบันดาลใจ

โพสต์
644
เงิน
16847
ความดี
14761
เครดิต
14339
จิตพิสัย
20875
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

ห้องเรียนหนังตอนที่ 5
แรงบันดาลใจนี้เราได้แต่ใดมา...

ก่อนอื่นต้องขอโืทษเพื่อนๆทุกคนเลยครับ ที่เงียบหายไปกว่าสามสัปดาห์ เพราะว่าติดภาระกิจอันหนักหน่วงในการจัดตั้งออฟฟิศ ...ตอนนี้ผมก็มีออฟฟิศเป็นของตัวเองโดยได้ตังค์มาลงทุนจากคนรอบข้างครับ ทำให้ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ทำเอาชีวิตยุ่งเหยิงไปไม่น้อย

กลับมาที่เรื่องของเรากันต่อ เรารู้เรื่องประเภทของหนัง และแนวหนังกันไปแล้ว หลายคนอาจจะคิดว่ามันเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ในปัจจุบัน เพราะว่าเดี๋ยวนี้หนังมันไปไกลกว่านั้น มันเกิดการควบรวมกันไปหมดจนไม่อาจจะวิเคราะห์ได้แล้ว แต่เชื่อเถอะครับ ว่าถ้าเราไม่ได้ทำหนังเพื่อดูเองแล้ว สิ่งที่ได้พูดไปนั้นจะทำให้เราชัดเจนขึ้นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ตรงไหน มันเป็นการสร้างความชัดเจนครับ

เรื่องต่อมาของการทำหนังครับ ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ


1 ภายนอก / หน้าออฟฟิศ /กลางวัน

    เมษชายหนุ่มวันสามสิบต้นๆที่ดูท่าทางยังไม่้เป็นโล้เป็นพาย นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าออฟฟิศ
    เขาเขี่ยขี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยซึ่งตอนนี้มันพูนสูงขึ้นมาจนแทบล้น แล้วก็มีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น

                                                                  เจ
                                                           (off scene)
                                                             "พี่ครับ ๆ"

    เมษเงยหน้าขึ้นมองดูทางต้นเสียง
    เจ ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนยิ้มให้เขา แววตาเปี่ยมไปด้วยความฝัน

                                                                  เจ
                                              "ผมอยากทำหนังครับพี่ครับ"


    เมษบี้บุหรี่ลงในที่เขี่ย พร้อมกับมองหน้าเจและทำท่าทางให้ดูขึงขังขึ้น

                                                                 เมษ
                                      "ดีครับ ...ทำเลยสิ มีอะไรให้ช่วยก็บอก"
                                                                 เจ
                                 "มีครับ ผมติดแค่ว่า ผมไม่รู้จะทำเรื่องอะไรครับ"
                                                                เมษ
                                                         (มองหน้านิ่ง)
                                                  "ไม่รู้จะทำอะไร งั้นก็..."

    เจยืนรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
    เมษยิ้มให้พร้อมกับค่อยๆลุกขึ้น

                                                               เมษ
                                                         "ไม่ต้องทำ..."

    เมษพูดเดินออกไปพร้อมกับทิ้งเจเอาไว้คนเดียว

                                                                เมษ
                            "เอาใว้ให้รู้่ว่าอยากทำอะไรก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่นะ"

    เจมองตามไปอย่าง งง งง

                                                                                                                                 ตัดไป

นั่นเป็นสิ่งที่ผมเจอบ่อยมากในช่วงหลังๆครับ ผมว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องที่แปลก ที่น้องๆเดี๋ยวนี้อยากทำหนังโดยที่ไม่รู้ว่าอยากจะทำเรื่องอะไร ก็เลยได้แต่ตอบกลับไปว่า ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็ไม่ต้องทำครับ เพราะว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไร

ทีนี้คำถามก็คือ แล้วไอ้เรื่องที่เราอยากจะทำเนี่ยมันอยู่ที่ไหน และมันก่อร่างสร้างตัวเองขึ้นมาได้อย่างไร มันเลยเป็นที่มาของตอนนี้ครับ ว่าสิ่งแรกที่สำคัญมากที่สุดสำหรับการทำหนังนั่นคือ

"แรงบันดาลใจ"

คำง่ายๆที่กว่าจะได้มามันช่างยากเย็็นเหลือเกินครับ  ผมเคยเขียนบทความเก่าๆเรื่องนี้ไว้ และลงไว้เมื่อนานมากแล้ว แต่คิดว่ามันน่าจะยังคงใช้ได้อยู่ครับ เราลองกลับไปดูกันดีกว่าครับ...

สำหรับคนที่อยากทำหนัง ไม่ว่ามันจะเป็นหนังสั้น หรือหนังยาว หรือหนังอะไรก็แล้วแต่ หลายคนอาจจะมีเรื่องที่อยากจะเล่าอยู่ในหัวอย่างละเอียด หลายคนอาจจะมีแค่แกนเล็กๆ หรืออาจจะเป็นแค่ไอเดีย แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่อยากทำหนังแต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี  ไม่มีใครผิดและก็ไม่มีใครถูกนะครับ

สำหรับการทำหนังมีกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำมันให้เสร็จสมบูรณ์ออกมาได้ สิ่งนั้นคือ แรงบันดาลใจ  แรงบันดาลใจมันจะช่วยให้คุณใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งที่เริ่มต้นและมันควรจะอยู่ไปจนถึงบทสุดท้าย แรงบันดาลใจคืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณมีไฟอยากสร้างสรรค์เรื่องราวต่อ คืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณอยากลงมือเขียน อยากลงมือถ่าย  อยากโชว์ อยากแบ่งบัน อยาก อยาก อยาก อยาก อะไรก็ได้เต็มไปหมด ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถ้าวันหนึ่งคุณเดินไปในวันปรกติ แล้วเจออะไรที่เข้ามากระทบ แล้วทำให้คุณอยาก....คุณต้องไม่ปล่อยให้คุณลืม  คุณต้องรีบคว้ามันเอาไว้  จดมันซะ  จำมันไว้  ถ้ามันติดอยู่ในหัวคุณและยากที่จะลบออกนั่นแหละ ควรจะรู้ว่าคุณควรจะทำอะไรซักอย่าง

ที่เขียนมาทั้งหมดข้างต้นดูเป็นนามธรรมเสียเหลือเกิน แต่ผมเชื่อว่าทุกคนเคยผ่านภาวะที่ได้แรงบันดาลใจมาแล้ว ....แต่ใครล่ะที่คว้ามันมาทำอะไรซักอย่าง


แรงบันดาลใจหาได้ที่ไหน ?

หาได้ทั่วไปทั้งแบบต้องจ่าย ต้องแลก หรือไม่ต้องทำอะไรเลย บางทีนั่งอยู่เฉยๆมันก็จะมาเอง  เปิดตาให้กว้าง เปิดใจให้กว้าง เพราะนี่คือต้นกำเนิดของสิ่งที่คุณจะทำต่อไปทั้งหมด  
ครั้งหนึ่งตอนผมเรียนปี 2 ที่ลาดกระบัง ตอนนั้นผมอยากทำหนัง แรงบันดาลใจในการทำหนังมีเต็มเปี่ยม แต่ในด้านเรื่องราวกลับไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรดี มีโครงเรื่องอยู่ในหัวเต็มไปหมด แต่ไม่มีอะไรที่อยากหยิบจับขึ้นมาเลยแม้แต่เรื่องเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนของผมที่เรียนด้วยกัน มันเอาการ์ตูนที่มันเขียนเองมาให้อ่าน ตอนนั้นมันเพิ่งเขียนไปได้ตอนเดียว การ์ตูนเรื่องนั้นมีชื่อว่า อริยสัจ 4  เรื่องราวทั้งหมดมี 4 ตอน แบ่งเป็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นเรื่องของหญิงชายคู่หนึ่งที่จมอยู่กับปัญหาในวัยเด็ก เป็นความทุกข์ที่ติดตัวทั้งคู่มาตลอด และที่สำคัญคือเขาและเธอรักกัน และช่วยกันก้าวพ้นทุกข์นั้นด้วยแบบฉบับของพวกเขาเอง และทั้งหมดก็ลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมอันแสนหวาน... นั่นคือเรื่องราวที่กระทบใจผมมาก ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  และในที่สุด เก้าเดือนหลังจากนั้น ผมก็ได้คลอดหนังเรื่อง 4  (เก้าเดือนนะครับ! ผมยังอดทึ่งตัวเองไม่ได้)  เก้าเดือนที่อยู่ในกระบวนการทำหนังอันยาวนาน ไม่มีสตางค์ ทั้งหมดถูกขับเคลื่อนด้วยแรงบันดาลใจของผมล้วนๆ และเมื่อหนังออกมา มันเป็นหนังเรื่องหนึ่งในชีวิตของผมที่ห่วยมาก  แต่มันกลับเป็นผลงานที่ผมภูมิใจมากที่สุด...

ถ้าคุณมีแรงบันดาลใจของเรื่องราวที่มากมาย ก็ขอให้คุณเลือกเรื่องที่คิดว่า มันติดอยู่ในใจคุณมากที่สุดเหตุผลเพราะว่า คุณจะต้องอยู่กับเรื่องราวนั้นอีกยาวนาน....



พูดกันมาถึงตรงนี้ บางคนยังนึกไม่ออกว่าตัวเองอยากทำอะไร นี่คือข้อเสนอแนะบางอย่างที่อาจจะช่วยได้  

ลองไปดูหนัง
หลายต่อหลายครั้ง ที่หนังของคนอื่นก่อให้เกิดแรงบันดาลใจบางอย่างกับผม สมัยที่ผมเรียนมัธยม ผมชอบหนังเรื่อง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว (อาร์เอสฟิล์ม) มาก ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร สิ่งที่ผมชอบมากๆ คือความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้อง ตอนนั้นผมกับเพื่อนๆเลยทำหนังออกมาเรื่องหนึ่ง เป็นหนังมัธยมที่ใช้เพื่อนๆเล่นเหมือนกัน เป็นเรื่องของพี่น้อง คนพี่เป็นสารวัตรนักเรียน  ส่วนคนน้องเป็นเด็กที่อยู่ในก๊วนเด็กเกเร ที่ดันไปเกี่ยวพันกับแก๊งค์ศิษย์เก่าที่ค้ายาบ้าในโรงเรียน  ฟังดูเหมือนโลกทั้งใบฯมากใช่มั๊ย  ช่ายผมยอมรับ... ถ้าเป็นวันนี้ผมคงทำงานหนักมากกว่านั้น แต่สำหรับตอนนั้น นั่นคือพลังที่ทำให้ผมทำหนังเรื่องนั้นจนเสร็จ และที่สำคัญความคล้ายโลกทั้งใบ ทำให้ผมมีทีมงานมาทำงานด้วยมากมาย และแต่ละคนก็เป็นคนที่ชื่นชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกันทั้งนั้น หนังถ่ายเสร็จแต่ไม่ได้ตัดต่อ (สมัยนั้นยังไม่มีการตัดบนพีซีที่ง่ายเหมือนสมัยนี้) ทุกวันนี้ผมยังมีฟุตเทจเก็บไว้อยู่เลย ถึงหนังจะไม่เสร็จ แต่ตอนนั้นผมก็ได้รับประสบการณ์ต่างๆที่ดีมากมาย  ขอบคุณ พี่ราเชนท์ และอาร์เอสฟิล์ม ที่สร้างโลกทั้งใบ ให้แก่โลกใบนี้ครับ...

ฟังเพลง
เชื่อว่าหลายคนคงมีเพลงในดวงใจ  แรงบันดาลใจหลายๆครั้งก็มักจะมาจากการฟังเพลง ผมเคยชอบเพลงเพลงหนึ่ง แล้วก็เหมือนเคยครับ เริ่มต้นจากเพลงๆนั้น มันก็กลายมาเป็นบทหนังของผมอีกหนึ่งเรื่อง ที่ผมได้ถ่ายทำจนเสร็จ  ไม่น่าเชื่อ....!

อ่านหนังสือ
ลองเลือกหนังสือที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็น วรรณกรรม การ์ตูน อะไรก็ได้ ไม่นานมานี้ผมได้อ่านการ์ตูนเรื่อง เอย์จิ  หลังจากที่เมื่อก่อนเคยอ่านมานานแล้วพอกลับมาอ่านใหม่อีกรอบกลับรู้สึกสนุกกว่าเก่า  พอดีมีอยู่ตอนหนึ่งที่ชอบมาก ฆาตกรเป็นคนที่เกลียดผู้หญิงที่ขายตัว จึงทำให้ออกตามฆ่าผู้หญิงเหล่านั้น  เผอิญว่าตอนนี้ผมอยากทำหนังที่ว่าด้วยเรื่องการขายตัวผ่านทางอินเตอร์เนท แรงบันดาลใจจากการ์ตูนเรื่องนี้ ทำให้ผมสามารถแก้โจทย์ข้อสงสัยบางอย่างที่เกิดขึ้นในบทของผม และเมื่อเวลาผ่านไป ผ่านการขัดเกลา แก้ไข ลงลึกกับตัวละครในบท มันได้ทำให้ผมค้นพบทิศทางที่เหลือของบทหนังของผม...

ข่าว สาร บ้านเมือง
ข่าวสารตามหน้าหนังสือพิมพ์ ในโทรทัศน์ เป็นแหล่งแรงบันดาลใจชั้นดีของผม  หลายครั้งที่ดูข่าวแล้วทำให้ผมอยากเจาะเรื่องราวจากข่าวนั้น และยิ่งหาข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งเห็นถึงความน่าสนใจของเรื่องราวเหล่านั้น ล่าสุดได้ดูข่าวที่มีอุบัติเหตุที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิสองสามี ภรรยา กำลังช่วยกันขนมอเตอร์ไซด์ขึ้นท้ายรถกระบะ แล้วเดชะบุญมีรถคันหนึ่งที่คนขับเมา  ชนสองสามี ภรรยาคู่นั้นบาดเจ็บสาหัส ภาพที่ห็นในโทรทัศน์ตอนนั้นกระทบใจผมเป็นอย่างมาก ผมเกิดแรงบันดาลใจอยากที่จะทำหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของคนที่ชน ว่าหลังจากนั้นเขารู้สึกอย่างไร  
เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผลกระทบต่อชีวิตของเขาขนาดไหน สิ่งเหล่านั้นได้ก่อกำเนิดเป็น โครงเรื่องขยาย(Treatment) คร่าวๆขึ้นมา และมันจะพัฒนาต่อไป



เปิดหู เปิดตา
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ทำอะไร เปิดหูเปิดตาให้กว้างไว้  เหตุของแรงบันดาลใจอาจจะเกิดขึ้นเองเพียงชั่วเสี้ยวนาที ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น รีบคว้ามันไว้! อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไป... เพื่อนของผมคนหนึ่ง ได้ยินสองสามีภรรยาคู่หนึ่งทะเลาะกันที่ป้ายรถเมล์ เป็นต้นเหตุของหนังสั้นเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมาก มันเป็นเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ไม่ยอมพูดกัน จนกระทั่งจากปัญหาเล็กๆก็ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข

เพื่อนฝูง / คนรู้จัก
นึกอะไรไม่ออกลองออกไปนั่งเล่น สังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้าง บางอย่างในตัวเพื่อนของเราอาจจะทำให้เรารู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างก็ได้  เพื่อนผมหลายๆคน  มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาๆ แต่พอเมาเมื่อไร จากคนธรรมดาก็กลายเป็นมนุษย์เจ้าหลักการ หรือไม่ก็ที่ออฟฟิศของผมก็มีคนที่มีสัมผัสพิเศษ ไปไหนก็เป็นต้องโดนผีหลอก คือการเห็นผีเป็นเรื่องธรรมชาติของเขาไปแล้ว

ความฝัน
เชื่อหรือไม่ว่า เจ้าปีศาจเล็บเหล็กเฟรดดี้ ครูเกอร์ ถือกำเนิดมาจากความฝันของ เวส คราเว่น บวกกับข่าววัยรุ่นที่หลับแล้วตายในยุคนั้น....!  


เห็นมั๊ยครับว่าแรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่เราต้องรู้จักสังเกต รู้จักคิดให้เร็ว  เพียงเท่านี้แหล่งข้อมูลที่มาของแรงบันดาลใจต่างๆ ก็มีอยู่เต็มไปหมด   

ตอนนี้ถ้ามีแรงบันดาลใจแล้ว  กลับกลายเป็นว่ามีแหล่งที่มาของเรื่องราวที่อยากจะเล่าเต็มไปหมด  ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ไหนก่อน ก็ขอบอกว่าเอาเรื่องที่คุณชอบที่สุด  หรือว่ารู้สึกกับมันที่สุดในช่วงเวลานั้น  เพราะว่าเดี๋ยวคุณจะต้องอยู่กับมันไปอีกนาน ถ้ายังไม่รู้อีกว่าเรื่องไหนที่คุณรู้สึกกับมัน ก็เอาเป็นว่าเรื่องไหนที่คุณอยู่ว่างๆ แล้วมันผุดขึ้นมาให้คุณคิดบ่อยๆ  ก็เรื่องนั้นแหละ ...ลุยเลย...


พอจะเห็นมั๊ยครับว่ามันไม่ได้ยาก แต่เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนจับความรู้สึกกับสิ่งรอบข้าง ถ้าเห็นอะไรที่น่าสนใจก็อย่าปล่อยมันผ่านไป รีบจดรีบเขียน ตัดไว้ บันทึกไว้ เซฟไว้ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ให้แรงบันดาลใจนั้นหายไป เพื่อเก็บไว้ใช้ต่อไปครับ คราวหน้าเราจะมาดูกันว่า การเริ่มต้นจากแรงบันดาลใจ มันจะพาเราไปสู่บทหนังได้อย่างไร


การบ้าน

ให้คุณลองหาแรงบันดาลใจที่คุณรู้สึกมาหลายๆอย่างในหนึ่งสัปดาห์ แล้วลองเขียนมาเล่าสู่กันฟังว่า เพราะอะไรคุณจึงชอบสิ่งนั้น ถ้าเป็นข้อความหรือชิ้นงานใดๆกรุณาให้เครดิตเจ้าของด้วยนะครับ...

ใครที่ต้องการจะติชมใดๆ ก็สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างเช่นเดียวกันครับ

บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 3 คะแนน ซ่อน
gooddream ความดี +1 2012-03-10 -
exits ความดี +5 2012-03-04 -
gigapixel ความดี +1 2012-03-04 โดนใจอย่างแรง
ด้วยความเคารพ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
394
เงิน
7818
ความดี
8913
เครดิต
9171
จิตพิสัย
9646
จังหวัด
นครนายก
  ได้ข้อคิดดีๆเพียบเลยครับพี่ขอบคุณมากๆครับ

ผมชอบประโยคที่พี่บอกว่า  " คุณต้องไม่ปล่อยให้คุณลืม  คุณต้องรีบคว้ามันเอาไว้ " เสียดายที่หลายต่อหลายครั้งมันมากระทบ
แต่ผมก็ปล่อยมันไป T-T ต่อไปนี้จะไม่ยอมปล่อยอีกต่อไปแล้วครับขอบคุณจริงๆที่ทำให้ผมคิดได้
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
15
เงิน
184
ความดี
169
เครดิต
88
จิตพิสัย
199
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ผมมีแรงบันดาลใจอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกับการบ้านนัก มันเป็นแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์เมื่อปี 2547 เมื่อ8ปีที่แล้ว

ผมมีโอกาศได้นั่งคุยกับผู้กำกับภาพยนตร์คนหนึ่ง ซึ่งก็รู้จักกันมาตั้งแต่ผมเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก เรานั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่ห่างหายกันไปนาานว่าทำอะไรมาบ้าง

จนผมก็บอกว่าผมนั้นก็ชอบการทำหนังเหมือนกันชอบคิดชอบเล่นกับเพื่อนเหมือนแสดงหนังกัน แกก็เลยชวนผมให้มาทำงานกับแก

และบอกว่า"มาเป็นผู้กำกับเอาไหม" ผมก็คิดนะว่าอยากทำมาก แต่ก็รู้ตัวว่าเราเองไม่ได้ศึกษาด้านนี้มาเลยมีแต่ความชอบ

เลยตอบไปว่า ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ขอแค่ได้ทำอะไรเล็กๆน้อยในกองถ่ายศึกษาไปเรื่อยๆได้ไหม

แกก็เลยพูดมาคำหนึ่ง ซึ่งผมจำไว้ตลอดเวลาเลย ก็คือ ".. .เคยดูโฆษณา ซีเร็คทูน่าไหม"

ผมก็บอกว่าเคยดู ปลากระป๋องใช่ไหมครับ

หลังจากนั้น เราก็โทรคุยกันบ้าง จนงานแกเยอะมากเลยไม่ได้ติดต่อกันอีก

ทุกวันนี้ผมทราบแล้วว่า " ซีเร็คทูน่า=โอกาศมีไว้สำหรับคนที่พร้อมเสมอ "

แม้วันนี้ความรู้ความสามารถผมจะยังไม่พร้อม แต่ใจผมมีความหวังเต็มเปี่ยมเสมอ พล็อตหนังหลายๆเรื่องที่เขียนเก็บเอาไว้ และส่งไปให้พิจราณาบ้าง

แม้มันอาจจะไม่ถูกอ่านเลยแต่ผมก็ คิดและทำเรื่องใหม่ต่อไป

วันนี้โอกาศจะเป็นเด็กในกองถ่ายเล็กๆที่ไหนซักแห่ง ผมยังไม่มีเลย

แต่แรงบันดาลใจผมยังมีเสมอ เพราะผมอยากกินปลากระป๋องซีเร็คทูน่าให้ได้ซักวัน
โพสต์
644
เงิน
16847
ความดี
14761
เครดิต
14339
จิตพิสัย
20875
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

อ้างอิง
อ้างอิงโพส 2 ต้นฉบับโพสโดย exits เมื่อ 2012-03-04 16:03  :
ผมมีแรงบันดาลใจอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกับการบ้านนัก มันเป็นแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์เมื่อปี 2547 เมื่อ8ปีที่แล้ว

ผมมีโอกาศได้นั่งคุยกับผู้กำกับภาพยนตร์คนหนึ่ง ซึ่งก็รู้จักกันมาตั้งแต่ผมเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก เรานั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่ห่างหายกันไปนาานว่าทำอะไรมาบ้าง

จนผมก็บอกว่าผมนั้นก็ชอบการทำหนังเหมือนกันชอบคิดชอบเล่นกับเพื่อนเหมือนแสดงหนังกัน แกก็เลยชวนผมให้มาทำงานกับแก
.......




นี่ก็เป็นอะไรที่ปรับใช้ในชิ้นงานได้นะครับ  
ด้วยความเคารพ
โพสต์
1036
เงิน
21774
ความดี
14792
เครดิต
14177
จิตพิสัย
24522
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 4#  โพสต์เมื่อ: 2012-03-04
ผมไม่แน่ใจว่าอันนี้เรียกว่าแรงบันดาลใจได้รึเปล่า ส่วนตัวเป้นคนชอบหนังแนวโรแมนติค คอมเมอดี้อยู่แล้ว และช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป้นอาทิตย์ที่ผมดื่มหนักมาก ด้วยความที่เกิดจากภาพเก่าๆบางอย่างวนเวียนอยู่ในหัว แล้วมีโอกาสได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกัน เขาถามผมว่า กินไปแล้วตื่นขึ้นมามันหายรึเปล่า บางคนก็ให้คำถามใหม่กับผมเช่น ถ้ามันช่วยได้คงไม่มีคำว่า เวลาเยียวยาความเจ็บปวด ช่วงนี้เลยเริ่มน้อยลง แต่เนื่องจากการถูกถามจากเพื่อนที่ห่วงใยของผมหลายคนจนผมตอบด้วยคำตอบที่กวนประสาทออกไปว่า จริงแล้วที่กินเพราะ 70 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายมนุษย์มีส่วนประกอบจากน้ำ และน้ำมีผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเติมน้ำเข้าไปในร่างกายให้มากขึ้นเพราะกลัวมันจะต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนครับเป้นคำตอบที่ไร้แก่นสารและตั้งใจกวนประสาทล้วนๆ จนเมื่อหลายวันก่อนผมเพิ่งเจอกระทู้เกี่ยวกับดาราเมืองนอกคนหนึ่งกำลังจะแต่งงาน จึงเกิดความคิดบางความคิดในหัวขึ้นว่า ถ้าคนธรรมดาหนึ่งคนหลงรักซุปเปอร์สตาร์ข้างเดียวโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยทั้งที่เป็นเพื่อนกัน และเลือกทางเดินที่จมอยู่กับอดีตและกองสุรา สาเหตุที่เขาจะลุกขึ้นมายืนอีกครั้งมีอะไรบ้าง แน่นอนครับเรื่องนี้ผมรวม nothing hill ลงไปผสมด้วย เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดต่อ ที่ทำก็เพียงแค่จดเอาไว้ก่อนและเมื่อคิดได้ต่อก็จะเอามาผสมปนเปกันมั่วๆตามประสาต่อไปครับ ไม่แน่ใจว่าใช้ส่งเป็นการบ้านได้รึเปล่า ผิดถูกขออภัยเด้ออ้าย
โพสต์
644
เงิน
16847
ความดี
14761
เครดิต
14339
จิตพิสัย
20875
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 5#  โพสต์เมื่อ: 2012-03-04
อ้างอิง
อ้างอิงโพส 4 ต้นฉบับโพสโดย job4922 เมื่อ 2012-03-04 21:59  :
ผมไม่แน่ใจว่าอันนี้เรียกว่าแรงบันดาลใจได้รึเปล่า ส่วนตัวเป้นคนชอบหนังแนวโรแมนติค คอมเมอดี้อยู่แล้ว และช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป้นอาทิตย์ที่ผมดื่มหนักมาก ด้วยความที่เกิดจากภาพเก่าๆบางอย่างวนเวียนอยู่ในหัว แล้วมีโอกาสได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกัน เขาถามผมว่า กินไปแล้วตื่นขึ้นมามันหายรึเปล่า บางคนก็ให้คำถามใหม่กับผมเช่น ถ้ามันช่วยได้คงไม่มีคำว่า เวลาเยียวยาความเจ็บปวด ช่วงนี้เลยเริ่มน้อยลง แต่เนื่องจากการถูกถามจากเพื่อนที่ห่วงใยของผมหลายคนจนผมตอบด้วยคำตอบที่กวนประสาทออกไปว่า จริงแล้วที่กินเพราะ 70 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายมนุษย์มีส่วนประกอบจากน้ำ และน้ำมีผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเติมน้ำเข้าไปในร่างกายให้มากขึ้นเพราะกลัวมันจะต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนครับเป้นคำตอบที่ไร้แก่นสารและตั้งใจกวนประสาทล้วนๆ จนเมื่อหลายวันก่อนผมเพิ่งเจอกระทู้เกี่ยวกับดาราเมืองนอกคนหนึ่งกำลังจะแต่งงาน จึงเกิดความคิดบางความคิดในหัวขึ้นว่า ถ้าคนธรรมดาหนึ่งคนหลงรักซุปเปอร์สตาร์ข้างเดียวโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยทั้งที่เป็นเพื่อนกัน และเลือกทางเดินที่จมอยู่กับอดีตและกองสุรา สาเหตุที่เขาจะลุกขึ้นมายืนอีกครั้งมีอะไรบ้าง แน่นอนครับเรื่องนี้ผมรวม nothing hill ลงไปผสมด้วย เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดต่อ ที่ทำก็เพียงแค่จดเอาไว้ก่อนและเมื่อคิดได้ต่อก็จะเอามาผสมปนเปกันมั่วๆตามประสาต่อไปครับ ไม่แน่ใจว่าใช้ส่งเป็นการบ้านได้รึเปล่า ผิดถูกขออภัยเด้ออ้าย   




อันนี้ล่ะครับ เรียกว่าต่อมสร้างสรรค์ทำงานครับ  เราเจออะไร รู้สึกอะไร มันสามารถนำมาต่อยอดได้เกือบทุกอย่างครับ พวกที่คิดพล๊อตเร็วๆนี่เพราะว่าผ่านการฝึกคิดมาเยอะครับ คิดบ่อยๆ ที่สำคัญในขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรผิดหรอกครับ เจออะไรแล้วก็ต่อยอดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวกระบวนการที่เหลือที่จะทำให้มันกลายเป็นบทหนังที่ดี หรือบทหนังที่เลวนั้นยังอีกยาวไกลครับ


เล่าสู่กัันฟัง


วันก่อน นานแล้วเหมือนกัน ผมได้ดูตีสิบ ตอนที่คุณแอ๊ด ที่ร้องเพลงปั้นปึง มาออกรายการครับ เขาเป็นโรคประสาท และเกือบตายเพราะเหล้าครับ ทานจนอ้วกเป็นเลือด แล้วเห็นภาพหลอนครับ เห็นคนเข้ามาในบ้าน เห็นเขามาใช้ห้องน้ำ คนที่มาก็คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ชวนเขาคุยซะด้วย จากเรื่องนี้บวกกับเรื่องของเพื่อนของผมที่เมาเป็นเห็นผี ก็เลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าที่พี่แอ๊ดเห็นมันไม่ใช่ภาพหลอนล่ะครับ แต่เขาศื่อสารกับวิญญาณได้จริงๆ แต่เฉพาะตอนทานเหล้า แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นหมอผีขึ้นมาล่ะ มันจะเป็นยังไง 


คิดออกแล้วก็เขียนไปเรื่อยครับ มั่วๆเก็บไว้ ถ้าคิดต่อได้อย่างเมามันก็อาจจะขึ้นทรีตเมนท์ได้เลยทีเดียว
ด้วยความเคารพ
ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
27
เงิน
500
ความดี
411
เครดิต
321
จิตพิสัย
524
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 6#  โพสต์เมื่อ: 2012-03-10
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คิดไว้ในหัวนานแล้วครับ เพราะด้วยเป็นคนทำการ์ตูนเลยมีเรื่องที่อยากทำเต็มไปหมด

    เรื่องก็เกี่ยวกับเครื่องรางของขลังของไทยนี่แหละครับ  ประมาณว่ามีเด็กชนบทคนหนึ่งอายุประมาณ 8 ขวบชื่นชอบการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ทางโทรทัศน์มากๆ
และที่บ้านก็ประกอบอาชีพเป็นสำนักเข้าทรงคือมีพ่อเป็นหมอผีนี่เองเพราะทางชนบทยังมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์อยู่ค่อนข้างสูง
.. อยู่มาวันหนึ่งเจ้าเด็กนี่จะออกไปเล่นกับเพื่อนเลยจะหาดินเหนียวเอาไปปั้นเล่นกับเพื่อน  เห็นก้อนดินเหนียวในห้องของพ่อก็ไม่คิดอะไรเลยเอาติดตัวออกไปด้วย
หารู้ไม่ว่านั่นเป็นดินปลุกเสกเพื่อที่จะทำควายธนู..เด็กนี่ก็เอาดินไปปั้นเล่นกับเพื่อนที่ท้ายวัด ปั้นเป็นตัวการ์ตูนตามจินตนาการที่เด็กคนนั่นชอบ แน่นอน เจ้าเด็กนั่นย่อมต้องปั้นฮีโร่ของตัวเองตามที่จินตนาการไว้ ก็ปั้นเสร็นเอาไปผึ่งแดดจนแห้งแล้วเก็บใส่ย่ามของตัวเองและกำลังจะกลับบ้านเพราะมืดแล้ว
ขากลับบังเอิญไปเห็นการส่งยาเสพติดเข้าโดยบังเอิญเลยถูกตามมาทำร้ายเพื่อปิดปากและหุ่นดินในย่ามก็แสดงอิทธิฤิทธิ์เพื่อปกป้องนายของมัน แปลสมการ จากควายธนู เป็นซุปเปอร์ฮีโร่
ซึ่งก็เป็นฮีโร่แบบไสยศาสตร์หรือแสตน ในเรื่อง โจโจ เวอร์ชั่นแบบไทยๆนั่นเองครับ...
โพสต์
644
เงิน
16847
ความดี
14761
เครดิต
14339
จิตพิสัย
20875
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 7#  โพสต์เมื่อ: 2012-03-11
อ้างอิง
อ้างอิงโพส 6 ต้นฉบับโพสโดย hana เมื่อ 2012-03-10 09:40  :
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คิดไว้ในหัวนานแล้วครับ เพราะด้วยเป็นคนทำการ์ตูนเลยมีเรื่องที่อยากทำเต็มไปหมด

    เรื่องก็เกี่ยวกับเครื่องรางของขลังของไทยนี่แหละครับ  ประมาณว่ามีเด็กชนบทคนหนึ่งอายุประมาณ 8 ขวบชื่นชอบการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ทางโทรทัศน์มากๆ
และที่บ้านก็ประกอบอาชีพเป็นสำนักเข้าทรงคือมีพ่อเป็นหมอผีนี่เองเพราะทางชนบทยังมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์อยู่ค่อนข้างสูง
.. อยู่มาวันหนึ่งเจ้าเด็กนี่จะออกไปเล่นกับเพื่อนเลยจะหาดินเหนียวเอาไปปั้นเล่นกับเพื่อน  เห็นก้อนดินเหนียวในห้องของพ่อก็ไม่คิดอะไรเลยเอาติดตัวออกไปด้วย
.......




เจ๋งครับ เป็นไอเดียเริ่มต้นเรื่องที่ดี และน่าจะต่อยอดไปได้ไกล ไม่ทำเป็นหนังล่ะครับ ผมว่าน่าจะโอเคเลยนะ 
ด้วยความเคารพ
ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
27
เงิน
500
ความดี
411
เครดิต
321
จิตพิสัย
524
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 8#  โพสต์เมื่อ: 2012-03-11
ผมเองก็กะว่า ถ้าทุกอย่างลงตัว มีเวลาว่างจากงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จะลองทำเป็นอนิเมชั่นให้ดูฟรีใน youtube ครับ
ซึ่งมันต้องใช้พลังมากจริงๆ แต่รักจะเดินทางนี้ ก็ไปให้สุดครับ...คงได้ชมตัวอย่างอีกสักครึ่งปีนี้ครับ..
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้