สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 4968เข้าชม
  • 9ตอบกลับ

ขอถามเรื่องเกี่ยวกับการบันทึกเสียงครับ

ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
26
เงิน
1445
ความดี
382
เครดิต
253
จิตพิสัย
514
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
คือเวลา พวกที่ทำหนังสั้น และได้เสียงออกมา ค่อนข้างชัด(มีมิติ)  นี้เขาอัดแยกทีหลังในขั้นตอน Sound design

หรือ เขาใช้ไมค์บูม  เหน็บอัดตอนนั้นเลยอะครับ 


:)

บทความที่เกี่ยวข้อง

ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
249
เงิน
798
ความดี
3490
เครดิต
3070
จิตพิสัย
8316
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เสียงไดอะล็อกปะครับ หนังทุกชนิดกับละครต้องอัดสดครับ แต่ถ้าเสียงไม่ดีก็มาพากย์ทีหลังได้(ADR) แต่ใช้งบประมานเยอะเพราะต้องเข้าห้องเสียงครับ หนังสั้นทั่วไปจะไม่พากย์กันเพราะงบจำกัดครับ ส่วนอัดแยกหรือไม่แยกก็แล้วแต่ครับ ถ้าเป็นหนังใหญ่จะอัดแยกตลอดครับ เหตุผล 1.กล้องฟิล์มบันทึกเสียงไม่ได้ 2.กล้องDSLRบันทึกเสียงได้ แต่มีโอกาศเสียงแตก(Peak)ถ้าไม่มีความรู้เรื่องเรเวลเสียงอินพุท บอกให้ก็ได้ครับว่ากล้องDVและกล้องDSLRต้องอินพุทเสียงห้ามมากกว่า -20db ครับ แต่ยังไงต้องอัดมาสเตอร์ตอนถ่ายทำครับ หรือถ้าวางแผนไว้ว่าจะพากย์ใหม่ทั้งเรื่องก็ใช้ไมค์บูมอัดเสียงแค่เป็นไกด์ไว้ครับ ส่วนวิธีบันทึกเสียงหนัง ใช้ทั้งไมค์บูมและไวเลสบางกรณีครับเช่น ช็อทเฟรมกว้างซึ่งไมค์บูมเข้าไม่ถึง แต่ต้องแยกแทร็กครับอย่างไปรวมกับไมค์บูม ผมทำหนังแค่ปีเดียวคับ ที่เหลือทำละครกับรายการล้วนๆ ^_^ มีไรก็ส่งข้อความถามในเฟสบุ้คนะครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
329
เงิน
6834
ความดี
4806
เครดิต
5084
จิตพิสัย
6376
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
ยังไงก้อต้องอัดสดหน้ากองก่อน ใช้ได้ไม่ได้ ค่อยมางับตามเอาทีหลังครับ
แต่ส่วนมากหนังใหญ่ที่ผมเคยทำ ไม่ค่อยได้ใช้เสียงหน้ากองเลยครับ รวมทั้งเสียงไดอะล็อคแทบจะใช้ครึ่งๆ เพราะบอกตรงๆ engineer ตอนอัด กะตอนโพส มันคนละคน และมักจะไม่ค่อยลงรอยกัน อย่างผมทำโพส ผมรับคุณภาพตอนนั้นไม่ได้เลยจริงๆ

ผมต้องทำโฟเล่ วิ่งเอาไมค์บูมไปอัดเสียงแอมเบี้ยน บรรยากาศสดทีหลัง ส่วนนักแสดงก้อโทรจิกมาอัด เพราะอยากเห็นหน้าสาวๆสวยๆครับ เหตุผลหลักส่วนตัว

เรียนตรงๆว่าหนังไทยที่เราดูๆกันทั้งจากค่ายใหญ่วัยรุ่น ค่ายเก่าแก่ ทั้งหลายเลยไม่มีทางจะสู้ของนอกได้ ฟังยังไงก้อหลอกครับ (ระบบ 7.1) แต่ถ้าเป็น stereo นี่ผ่านสบายๆครับ
เครื่องมืออุปกรณ์เราใช้เหมือนเมืองนอก แต่ทำไมมันออกมาไม่้หมือนก้อไม่รู้

ของนอกเค้าผ่านสวยๆตั้งแต่หน้ากองครับ อัดกันแบบ 7.1 เลย จบข่าว
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
257
เงิน
19900127
ความดี
5226
เครดิต
5675
จิตพิสัย
5095
จังหวัด
สมุทรสาคร
เครื่องอััดเ้สียดดีสักเครื่อง + ไมค์ช๊อตกันดีๆสักอัน + ความรู้ในองศาและท่าในการถือไมค์บูมช๊อตกัน
เป็นส่วนประกอบหลักในการทำให้เสียงที่บัททึกชัดเจน

ส่วนทริกอีกเล็กน้อยที่ทำให้เสียงใส คือ ก่อนสั่งแอคชั้น ทุกคนต้องเงียบ เพื่อที่จะเก็บเสียง รบกวนเป็นแอมเบี้ยน รอบๆ หรือหลังจาก สั่งคัทแล้ว ก็ให้ทุกคน
เงียบก่อนสัก 5 วินาที เพื่อเก็บ เสียงรบกวนแอมเบี้ยนรอบๆ

คราวนี้ก็เข้าสู่ขั้นตอนการตัดแต่งเสียง โดยการใช้เสียงแอมเบี้ยนที่เป็นเสียงรบกวนรอบๆ มาเทียบเสียงกับรบกวนในเสียงพูด โดยโปรแกรมจะคำนวนและลบ
เสียงรบกวนนั้นออกตามที่เราปรับแต่ง ต้องมีความรู้เรื่องตัดแต่งเสียงอยู่พอควรครับ (สามารถใช้เสียงรบกวนบางช่วงที่เว้นวรรรคประโยคยาวๆภายในบนพูดมาเทียบลบเสียงรบกวนออกได้เช่นกัน )

ถูกผิดประการใด ขออภัยครับ ขอบคุณครับ

*ไมค์ช๊อต=(ไมค์บูมแบบ ช๊อตกัน องศารับเสียงจะแคบมากๆ 8-14 องศาแล้วแต่คุณภาพ)
โพสต์
834
เงิน
18821
ความดี
15969
เครดิต
16112
จิตพิสัย
16318
จังหวัด
ราชบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 4#  โพสต์เมื่อ: 2012-07-10
กระทู้นี้โดนบล็อค ระบบจะซ่อนข้อความหรือไฟล์แนบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ดูแล!
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
369
เงิน
10013
ความดี
8199
เครดิต
8313
จิตพิสัย
9992
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 5#  โพสต์เมื่อ: 2012-07-10
แต่งด้วย Nuendo มิติมาแน่นอน
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
59
เงิน
1269
ความดี
1047
เครดิต
935
จิตพิสัย
1100
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 6#  โพสต์เมื่อ: 2012-07-10
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
249
เงิน
798
ความดี
3490
เครดิต
3070
จิตพิสัย
8316
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 7#  โพสต์เมื่อ: 2012-07-10
จะบอกให้ก็ได้ครับว่าการทำหนังจะมีปัญหากว่าทำละครตรงที่บางครั้งผู้กำกับไม่ยอมถ่ายโคลสอัพ ไมค์บูมเลยอยู่ไกลเสียงเลยกว้างและไม่ไปพากย์ทีหลังเพราะประหยัดงบและเวลา เจอบ่อยคำพูดที่ว่า "ช่างมันถึงไม่ชัดแต่ก็ฟังไดอะล็อกรู้เรื่อง ผ่านๆซีนต่อไป" สมัยก่อนการถ่ายหนังจะถ่ายโคลสอัพทั้งซีน ตามด้วยมีเดียม และภาพกว้าง ซึ่งเสียงที่เราอัดมันชัดเต็มร้อยตั้งแต่ตอนโคลสอัพแล้ว ซึ่งเวลาตัดต่อภาพกว้างก็สามารถเอาไปใส่ได้ แต่สมัยนี้ไม่รู้เป็นไร เน้นเอาไวถ่ายไวเสร็จเร็ว ประหยัดงบประหยัดเวลา ซาวด์แมนเลยกลุ้มใจ เออผ่านก็ผ่าน เสียงก็ลอย ไม่ชัด ไวเลสจะติดก็มีปัญหาหลายอย่าง ยิ่งหนังบู้เกลือกกลิ้งกับพื้นยิ่งติดไวเลสไม่ได้เลย เพราะนักแสดงจะแสดงไม่ถนัด และอาจจะเห็นสายไมค์และบอดี้แพคตุงๆอยู่ที่กระเป๋า การทำงานควรที่จะปรึกษาผู้กำกับตลอดว่า จะถ่ายโคลสอัพทั้งซีนด้วยไหม ถ้าไม่ทั้งซีนก็ดูว่าช็อทภาพกว้างมีไดอะล็อกไหมถ้ามีก็ติดไวเลสซะ แล้วก็ใช้ไมค์บูมด้วย แยกแทร็ก การโครกันระหว่างฝ่ายเสียงกับผู้กำกับเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่งั้นจะมาเสียดายทีหลังที่เสียงมันไม่ชัด แต่ถ้าไปพากย์ทับตอนโพสก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่พากย์ละ ไม่อยากจะไปดูผลงานตัวเองในโรงหนังเลยด้วยซ้ำ ส่วนตอนง่ายทุกคนก็ต้องเงียบ มีเสียงแอร์เสียงตู้เย็นก็ถอดปลั้กออกให้หมดเลยครับไม่ต้องอาย ผมเห็นบ่อยไม่ว่าทำหน้าที่อะไรก็ตามถ้าพึ่งมาทำงานใหม่ๆจะงึกๆงักๆไม่กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ต้องทำ ประมาณว่ารู้ต้นเหตุแต่ไม่ทำ รอโดนด่าหน้างานค่อยวิ่งแก้ไข คนทำงานสายนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนะครับ คือเวลาพูดตอนทำงานต้องพูดเสียงดังฟังชัด มันจะทำให้คนรอบข้างเขามั่นใจในตัวเรามากขึ้น ถ้างึกๆงักๆคิดนานก็จะมีคนไปเม้าส์นินทาตัวเราได้ครับ ต้องเกบประสบการณ์เยอะๆ ขอโทษนะครับที่พิมพ์ยาวไปหน่อย แนะนำมือใหม่อีกหนึ่งอย่างครับไม่ว่างานหนังหรือละครก็ตาม เวลาไปถึงกองถ่ายแล้ว รีบทวงขอไปซีนหรือเบรกดาวน์และบททันที แล้วมาดูว่ามีซีนที่มีปัญหาในการอัดเสียงหรือป่าว เช่นถ่ายในรถ เราจะวางแผนใช้ไมค์อะไรติดตรงไหน ฉากลงน้ำ ถ้าบูมไปไม่ถึงจะทำอย่างไร แล้วก็ฉากที่มีสิ่งกีดขวางต่อการเดินของบูมแมน ทุกอย่างเราต้องวางแผนและจดใส่ชีตเลยว่าต้องทำอะไร และการคุยกับผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเขาจะรู้ว่าจะถ่ายอะไรอันไหนอย่างไรบ้าง
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 1 คะแนน ซ่อน
teerasay ความดี +1 2012-07-10 -
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
249
เงิน
798
ความดี
3490
เครดิต
3070
จิตพิสัย
8316
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 8#  โพสต์เมื่อ: 2012-07-10
อีกนิดครับ ข้อนี้เป็นสิ่งที่มือใหม่ห้ามทำ คืออย่าบันทึกเสียงผ่านไปวันๆ เสียงดีบ้างไม่ดีบ้าง ถ้าไม่ดีมากๆเดี๋ยวเขาไปพากย์เอาเอง อย่าไปทำแบบนั้นเด็ดขาดครับ ต้องบันทึกเสียงสดตอนถ่ายให้ดีที่สุด มีเทคนิคหรือวิชามารเท่าไรก็ขนออกมาใช้เลย แล้วลูกค้าและคนรอบข้างเขาจะคอมเม้นท์เราเองว่าผลงานออกมาดีฝีมือใช้ได้ ทำให้ไม่ต้องไปพากย์ทีหลัง ลูกค้าจึงไม่เสียงบตอนพากย์ใหม่ ที่สำคัญทำให้ลูกค้าเขาชื่นชมในผลงานของเรา และเรียกเรามาทำงานให้เขาตลอด เป็นการสร้างเครดิตให้กับตัวเราเองด้วยครับ และหลังจากนั้นก็จะเกิดปรากฎการณ์ปากต่อปากนั้นเอง คุณจะอึ้งและทึ่งที่อยู่ๆก็มีคนโทรมาขอคิวเราไปทำงานให้คนนู้นคนนี้อยู่เรื่อยๆ ถึงจะเป็นพนักงานประจำ แต่ก็สามารถไปฟรีแลนซ์ในวันว่างได้บ่อยมากเพราะมีคนรู้จักเรามากขึ้นเรื่อยๆ นั้นก็คือที่ไปที่มาของการเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว และที่สำคัญพยายามพบปะกับคนทุกตำแหน่งและแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน สักวันเขาจะโทรหาคุณเองในยามที่เขาขาดคนทำงานในวันนั้นๆ ^_^
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
329
เงิน
6834
ความดี
4806
เครดิต
5084
จิตพิสัย
6376
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 9#  โพสต์เมื่อ: 2012-07-10
like +1000
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้