..ช่วงนี้ มีโปรดัคชั่นรับสมัครงานเพียบ ( จริงๆแล้วคนในวงการตอนนี้กำลังขาดคนมากๆๆๆ ) ก็เลยคิดว่ามีข้อเขียนอีกแล้ว ( อยากเขียนน่ะ )บทความนี้ ผมจะเปลี่ยนผันตัวเองมาเป็นเจ้าของโปรดัคชั่น มองกลับไปยังน้องใหม่ที่มาสมัครงานว่า... กำลังหาและต้องการอะไร ? ( ความคิดส่วนตัวนะคับ.. )
น้องใหม่หลายคนที่ไปสมัครงาน แล้วกระทำการหลายอย่างที่เป็นการฆ่าตัวเองโดยไม่รู้ตัว ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
( อ่านหลายรอบเลยนะ ถ้ากำลังไปสมัคร )1. อย่าพูดมากๆๆๆๆๆๆๆ ให้นิ่งไว้ ถ้าบริษัทฯไม่ถามก็อย่าพูด เพราะยิ่งคุณคุยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเผยไต๋ให้เขารู้มากเท่านั้น งานบางงานที่คุณคิดว่าสุดยอดแล้วในปฐพี ( ในกลุ่มของคุณเอง ) แต่สำหรับโลกภายนอกแล้ว ยังมีความรู้แค่หางอึ่ง ฉนั้นเงียบไว้ถ้าจะคุยก็ถ่อมตัวหน่อย อย่าคุยจนเวอร์เกินเหตุ ถามอะไรก็ตอบว่าได้ไว้ก่อน เพราะเวลารับสมัครเขาอาจนัดสัมภาษณ์หลายคนในวันเดียวกัน เพราะถ้าคุณคุยโอ้อวดมากไป จะกลายเป็นสร้างความหมั่นไส้ให้คนสัมภาษณ์เปล่าๆ
...พาลคิดไปข้างหน้าถึงเรื่องงานที่คุณต้องรับผิดชอบ " แหม..ผ่านงานมาแค่นี้คุยซะเว่อร์ คนอื่นเขาผ่านงานมามากกว่าคุณ เขายังไม่คุยเลย .."
2. เวลาไปหาผู้ใหญ่มีของฝากติดไม้ติดมือไปด้วยก็ดีนะคับ ( ผู้ใหญ่สอนไว้ ) มีผลงานหนีบติดตัวไปเล็กน้อย 2-3 รายการ หลายรูปแบบไม่ต้องมาก พอให้เขารู้ว่าเรา ผ่านประสบการณ์แบบไหนบ้าง วัยรุ่น สารคดี ท่องเที่ยว ( ถ้ารู้ว่าบริษัทนั้นผลิตรายการประเภทไหน ก็เลือกตัวอย่างานให้ตรงกับประเภทนั้น ๆก็ดี ..ถ้ารู้ )
3.
ดูว่า บริษัทน้ันทำรายประเภทไหน รูปแบบอะไร ก่อนเดินเข้าบริษัท สำรวจดูซ้ายขวา ตารางผังรายการ คิวถ่าย ชื่อรายการ คะเนให้รู้ว่าบริษัททำรูปแบบหนัก
ไปในแนวไหน เวลาคุยถามตอบจะได้เน้นไปทางนั้นให้มากขึ้น เช่น สารคดี , เอ็มวี, ท่องเที่ยว ฯลฯ
4.
อย่ากังวลเรื่องวุฒิน้อย ช่างภาพระดับแนวหน้า ในวงการหลายคนไม่จบปริญญาตรี อย่างมากก็แค่ ปวส. ที่เหลือก็อาศัยประสบการณ์ล้วนๆ
อาจมีจบปริญญาตรีบ้างก็ยังน้อยอยู่ ในวงการโปรดัคชั่นจริงๆ เขาต้องการคนที่มีความสามารถในการทำงานมากกว่าวุฒิการศึกษา แต่ถ้ามีทั้ง 2 ยิ่งดี และถ้ามีทั้ง 3
คือ เก่งด้วย มีวุฒิด้วย นิสัยดีด้วย โห เขาเรียกโปรดัคชั่นนั้นถูกรางวัลที่ 1 สองใบซ้อน คนเก่งในโปรดัคชั่น ส่วนมากจะรู้จักกันแค่ชื่อเล่น ไม่เคยถามวุฒิ
อย่าว่าแต่ถามวุฒิการศึกษาเลยชื่อจริงนามสกุลจริงยังไม่รู้เลย ถ้าสนใจก็เรียกตัวมาเลย บอกทำประจำไม๊.. ถ้าคนนี้เก่งก็จะบอกต่อๆกันไปว่า คนนี้ใช้ได้
เก่งขยันหามุม นิสัยดี ฯลฯ ฉนั้น ในมุมของน้องใหม่ที่เข้าวงการ แล้วมีวุฒิก็ดีคับ เพราะคุณสามารถเข้าไปสมัครงานได้กว้างขึ้น เช่น รับราชการ สถานีโทรทัศน์
รัฐวิสาหกิจ ฯลฯรับประกันไปทำบริษัทไหนเงินเดือนไม่ตำ่กว่าวุฒิแน่นอน แต่สำหรับโปรดัคชั่นเล็กๆ จริงๆแล้วเขายังต้องการฝีมือมากกว่าวุฒิ ในกรณีที่คุณ
ไม่มีประสบการณ์จริงๆ ถ้าเขารับก็ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวเขาสอนให้คุณเอง เพราะข้อดีของคนมีวุฒิคือ จะเรียนรู้ได้เร็ว และต่อยอดได้ง่าย
5.
รูปแบบการรับสมัคร ส่วนมากจะรับสำหรับช่างภาพที่ไม่ได้ถ่ายในระบบโอบี เพราะเมื่อช่างภาพโอบีลาออกก็มีคนรอขึ้นแทนอีกเพียบ ( ผู้ช่วยกล้อง )
ฉนั้นถ้าจะฝึกเป็นช่างภาพ ควรเน้นฝึกสำหรับช่างภาพที่ไม่ใช่ระบบโอบี ( แต่ถ้าทำได้ควรฝึกทั้ง 2 แบบ ) เพราะปัจจุบันเคเบิ้ลทีวีเข้ามามาก อาจต้องการช่างภาพ
ระบบโอบีด้วยเหมือนกัน
6.
ความรับผิดชอบของช่างภาพ ใครเคยทำกับฝรั่งจะรู้ว่า เขาทำงานดูตลกดี เริ่มงานช่างภาพตัวจริงนั่งกินกาแฟดู ( เฉยๆ ) ผู้ช่วยเดินมาดูมุมที่จะถ่าย เอาขาตั้ง
เซ็ตกล้อง เปลี่ยนเลนส์ ปรับโฟกัส เรียกว่าทำทุกอย่างเลย พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรียกช่างภาพตัวจริงมาดู ช่างภาพตัวจริงมาดู พยักหน้าหงึก แล้วก็กดปุ่มพอเสร็จ
ก็กลับไปนั่งเฉยๆดูต่อ ผู้ช่วยก็ทำงานต่อเปลี่ยนมุมหรืออะไรก็ทำไป ฯลฯ สำหรับโปรดัคชั่นใหญ่ๆในไทยก็คล้ายๆกัน ถามว่า ทำไมในเมื่อผู้ช่วยกล้องทำงานแทน
ช่างภาพตัวจริงได้ ทำไมไม่เป็นช่างภาพ มาทนลำบากเป็นผู้ช่วยอยู่ทำไม ใครนึกออกบ้างคับ..( ให้เวลานึกก่อน )...
...ที่ไม่ทำก็เพราะคำว่า
" ความรับผิดชอบ " ไงล่ะคับ
ใครที่รักจะเป็นช่างภาพต้องน้อมรับคำคำนี้ไว้ในก้นบึ้งของหัวใจเลยนะคับ ผู้ช่วยทำหน้าที่ได้เทียบเท่าช่างภาพ
จริง แต่เขาไม่ต้องรับผิดชอบ คุณทำงานน้อยกว่า ลำบากน้อยกว่า แต่เมื่องานเสร็จในวันนั้นแล้ว คุณยังนอนตาไม่หลับนะคับ เพราะไม่รู้ว่างานของคุณที่ส่งต่อไปยัง
ส่วนอื่นๆนั้น เขากำลังดีใจหรือเสียใจกับผลงานของคุณ แต่สำหรับผู้ช่วยเลิกงานกินเบียร์นอนหลับพักผ่อนสบาย รองานใหม่ต่อไป ( ใครสบายกว่ากันเนี่ย )
6.
อย่าเพียงได้ยินว่าบริษัทนั้นไม่ดีแล้วไม่ไปสมัครหลายครั้งที่เวลาคุณจะไปสมัครทำงานแล้วบอกเพื่อน จะได้ยินคำนี้ อาจมาจากรุ่นพี่เก่าบอกไว้ แล้วก็เล่าต่อๆกันมา
อาจจะจริงหรือไม่จริง ไม่อยากให้คุณไปสนใจ ถ้ามีโอกาสไปสมัครเถอะคับ รุ่นพี่อาจเจอมาจริงแต่คุณไปสมัครอาจไม่เจอแบบนั้นก็ได้ เช่น ผู้บริหารคนเก่าลาออก
หรือเป็นเพราะเขาเกิดถูกชะตากับคุณ ให้งานชิ้นใหญ่กลายเป็นคนดังไปเลยก็ได้ ให้เข้าไปทำก่อนจนกว่าคุณจะประสบด้วยตัวเองว่า มันไม่ดีเหมือนรุ่นพี่พูดไว้
ก็ลาออกมาซะถ้าทนไม่ไหว แล้วจึงจะพูดคำที่รุ่นพี่พูดได้ แต่ถ้าเมื่อใดคุณยังไม่เข้าไปทำ และยังไม่เจอสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คุณก็พูดคำนั้นไม่ได้..
5.
การฝึกงาน น้องใหม่หลายคนมองการฝึกงานเพียงแค่ผ่าน บริษัทอะไรก็ได้ใช่ที่เรียนมาหรือไม่ ( ไม่สนใจ ) ขอแค่มีลายเซ็นต์ส่งครูแล้วจบออกมาก็พอแล้ว
บอกเลยว่า ใครที่คิดแบบนี้ให้คิดใหม่ ก็เพราะความคิดแบบนี้แหละที่ต้องทำให้คุณมานั่งลำบากในตอนนี้ ( กำลังหางานทำ ) อย่าลืมนะคับว่า การฝึกงานบางคน
ฝึก 3 - 6 เดือน นานจนสนิทกันแทบจะเรียกชื่อพ่อแม่แทน แล้วเมื่อจบฝึกงานบริษัทนั้นเขายังไม่รับคุณ..( .แสดงว่าอนาคตข้างหน้าคุณลำบากแน่แล้ว..)
คุณต้องไปสมัครในบริษัทใหม่ที่เขาไม่รู้จักคุณเลยเขาจะรับคุณได้ยังไง ฉนั้น ใครที่กำลังจบควรเลือกบริษัทที่คิดว่าเขาจะรับคุณ
คือควรเลือกบริษัทให้ตรงกับสาขาที่คุณเรียนจริงๆ อย่าเลือกเพียงจบ สำคัญนะคับ ( คิดผิดคิดใหม่ ) ...สำหรับบริษัทที่คุณไปฝึกเป็นขนาดเล็กแล้วเขารับคุณ
ไม่ได้จริงๆเนื่องจากงบจำกัด ก็ไม่เป็นไรอย่างน้อยคุณก็ยังได้รับประสบการณ์โดยตรง เพื่อจะนำไปต่อยอดในงานของคุณในอนาคต..( ควรได้ฝึกกับประสบการณ์จริง )
6. อ
ย่ากังวลแม้ไม่มีคนรู้จักเลยในวงการ สำหรับน้องต่างจังหวัดที่ต้องการเข้ามาทำงานในวงการ กลัวว่าเวลาไปสมัครจะสู้คนที่เรียนสถาบันดีๆในกรุงเทพไม่ได้
และยิ่งถ้าพี่คนที่รับสมัครเรียนสถาบันเดียวกันด้วย น้องคนนั้นได้ชัวร์ ..ถูกต้องแล้วคับ มีส่วนจริงมากในการที่ไปสมัครแล้วมีรุ่นพี่อยู่ก่อน การเข้างานจะง่ายขึ้น
แต่อย่าไปโกรธสถาบันนั้นเลย เป็นใครๆก็ต้องทำ สมมติคุณเป็นรุ่นพี่เรียนสถาบัน A มีน้องมาสมัคร สถาบัน A B C เป็นคุณ คุณก็ต้องรับน้องที่เรียนสถาบัน A
เดียวกัน และยิ่งคุยไปคุยมาเรียนมาจากอาจารย์เดียวกันด้วย โอ๊ยเหมือนรู้จักกันมาเป็น 10 ปี แต่อย่าเพิ่งกังวล
มันมีข้อปลีกย่อยอีกที่คุณมองไม่เห็นก็คือ กรณีนี้ น้องทั้ง 3 คนต้องมีความสามารถทัดเทียมหรือเท่ากัน รุ่นพี่คนนั้นจึงต้องรับน้องสถาบันเดียวกัน แต่ถ้าคุณมีความสามารถมากกว่าสถาบันอื่น
แม้คุณมาจากสถาบันต่างจังหวัดเล็กๆที่ไม่มีคนรู่้จัก รุ่นพี่คนนั้นเขาก็ต้อง ( จำใจ ) รับคุณเข้าทำงานเหมือนกัน เพราะคุณเหนือกว่าทุกๆด้าน ขืนรับสถาบัน
เดียวกันแต่ทำงานไม่ได้ ตัวคนรับจะเสียชื่อเอง ฉนั้น การที่คุณจะชนะคู่แข่งได้ต้องมีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นให้ได้ 100 % หรือ 1 เท่าตัว
....คนอื่นฝึก จันทร์-ศุกร์ เราต้องฝึกหนักกว่าเขา ฝึกทุกวัน จันทร์ - อาทิตย์
....คนอื่นฝึกวันละ 8 ชม. เราฝึกเลยอย่างตำ่วันละ 12 ชม. แล้วค่อยพัก .....เหมือนคุณมีรถญี่ปุ่นเก่าๆ แต่ต้องการขับเบนซ์ บอกเลยว่าอนาคตคุณเหนื่อยแน่ เพราะรถเบนซ์ราคาแพง แต่ใช่ว่าคุณจะมีไม่ได้ ขยันซะวันนี้เพื่ออนาคตวันหน้าว่างๆตอนกลางคืน ลองเปิดดูพี่ๆเขาคุยกันในแชตซิ เขาทำงานกันทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ได้นอนหลับสบายเหมือนอย่างคนอื่นๆเขา นั่นแหละเศรษฐีตัวจริงขี่เบนซ์ทั้งนั้น...7.
ข้อสุดท้ายเก็บไว้สำคัญกว่าทุกข้อที่กล่าวมา เข้าใจภาษาคน พูดภาษาไทยและฟังภาษาไทยรู้เรื่อง อย่าเห็นเป็นเรื่องขำ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง จะว่าประชดหรือเปล่า ก็ไม่รู้ มีบริษัทหนึ่ง อยู่ๆผู้บริหารก็ตะโกนบอกกับคนรับสมัครว่า " ทีหลังเวลารับสมัครคนโปรดัคชั่นน่ะ เพิ่มอีกข้อต่อท้ายด้วยว่า ฟังภาษาคนรู้เรื่องหรือเปล่า.."
เข้าใจอารมณ์เจ้าของบริษัทไม๊ ที่พอสั่งงานโปรดัคชั่นทีไร เป็นโดนอัดกลับทุกที เช่น นัดลูกค้าส่งงานวันพรุ่งนี้ พอถาม ฝ่ายโปรดัคชั่นบอกยังไม่เสร็จ พร้อมเหตุผล
108 -1009 ไม่มีเวลา งานเยอะ กราฟฟิคยาก ฯลฯ ... บริษัทบางแห่งเขาก็เบื่อ ณ ตอนนี้ เขารับคนที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้แล้วนำมาสอนเริ่มตั้งแต่ ก ข ค
เพื่อมาทำงานเฉพาะที่เขาต้องการ เช่น คนตัดต่อร้อยรายการ ทำกราฟฟิคตัวหนังสือ ทำงานง่ายๆที่ไม่ซับซ้อน ฯลฯ
...ณ วันนี้ วงการโปรดัคชั่นโตมากขึ้น จนกลายเป็นก้าวกระโดด เพราะวงการเคเบิ้ลทีวีเปิดกันมาก มีเงินทุนไม่มากเช่าดาวเทียมเปิดสถานีเป็นของตัวเองได้แล้วจึงทำให้ต่างก็แย่งตัวบุคลากรคนเก่งๆกัน น้องใหม่หลายคนที่รักจะทำงานทางด้านนี้ ต้องรีบฝึกตามบทเรียนที่ผมให้ไป เป็นโอกาสทองของคนที่รักงานทางด้านนี้ใครที่ไม่มีวุฒิแต่อยากทำงานต้องรีบฝึก ฝึกให้ตัวเองพร้อมเสมอทุกเวลา ใครที่มีเครื่องมือไม่พร้อม เช่น ขากล้องกระจอก แพนกระตุก ซูมกระตุก นั่นแหละดียิ่งนักหัดแพน หัดซูม หัดกลั้นหายใจ ให้ทุกอย่างในร่างกายทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนไหนพลาดส่วนอื่นก็ต้องรีบช่วย เช่น ถ้ามือกดซูมเร็วไปมือที่แพนกล้องต้องเร็วขึ้นด้วยและเมื่อใดที่คุณไปทำงานกับบริษัทที่มีเครื่องมือพร้อม เช่น ใช้ขานำ้มันตัวละแสน คุณอาจไม่จำเป็นต้องกลั้นหายใจนานเหมือนขาที่คุณมี การทำงานก็จะง่ายและเร็วขึ้นฝึกให้พร้อมตลอดเวลา เพื่อที่เมื่อใด...มีใครโพสเข้ามาต้องการคน เราก็สมัครได้ทันที ( ฝึกถ่ายหลายๆแบบ สารคดี ละคร MV ) เพราะความมั่นใจที่เราได้ฝึกอยู่ทุกวัน...... ไม่ใช่พอเห็นเขารับสมัครแล้วเราค่อยมาฝึก มันไม่ทันการณ์นะคับ เพราะความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนฝึกแป๊บเดียวได้ฐานแล้วไปทางไหนก็ปรับได้หมด แต่บางคนฝึกทุกวันยังไปไม่ถึงไหน...
เริ่มเลยคับ ณ ตอนนี้ เวลานี้ นำทุกบทเรียน ที่ผมเขียนไปหาเองนะ( ลองค้นหาดูบ้างนะ ไม่ใช่เอะอะก็รอให้พี่ๆโพสให้ ) ปริ้นออกมาเป็นแผ่นกระดาษ แล้วฝึกตามเลย ทำทุกวันที่ว่าง เบื่อถ่ายก็ไปนั่งดูหนัง ดูวิธีกำกับ วิธีตั้งกล้อง วิธีตัดไม่ใช่ดูสนุกนะ ดูตามที่ผมแนะนำ ดูเสร็จก็กลับมาฝึกต่อ อาจฝึกแบบอื่น ฝึกดูมุมกล้อง ทำทุกวันที่ว่าง ไม่เกิน 3 เดือนถ้าทำแบบนี้ทุกวัน แล้วไปสมัครงานที่ไหนไม่มีคนรับเม้นท์มาหาผมเลย แต่มีข้อแม้นะ " ครั้งเดียวต้องผ่านไม่มีซำ้สอง ".[ แก้ไขล่าสุดโดย p0p-it เมื่อ 2011-07-01 10:37 ]