อยากทำรายการส่งช่อง ( ฟรีทีวี - เคเบิ้ลทีวี ) ..ยินดีต้องรับเศรษฐีใหม่และยาจกล่วงหน้าด้วยเลย
..มีคำสุภาษิตของคนทำทีวีไว้ว่า..…" อยากเป็นเศรษฐีในพริบตาให้ทำรายการโทรทัศน์ และอยากเป็นยาจกในพริบตาก็ให้ทำรายการโทรทัศน์
( เพิ่มเติม ) แต่ถ้าอ่านบทความของ p0p-it รับรองเป็นเศรษฐีแน่นอน... เริ่มตามขั้นตอนที่ผมแนะนำ ทีละขั้นช้าๆ อย่ารีบร้อน ( กรุงโรมไม่ได้สร้่างเสร็จในวันเดียว )
เริ่มแรกอ่านประวัติเศรษฐี100 ล้าน หาแนวทางเดินตามรอยท่าน ค้นมาได้ตามขั้นตอนดังนี้.-1. เริ่มต้นไปดูดวง, ดูลายมือ, ดูไพ่ยิบซี หมอดูทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ..คุณจะรวยไม่หยุด เปิดบริษัทฯเดือนเดียวคนมายืนเต็มบริษัทฯ ..อย่างนี้ต้องรีบๆๆๆ...เปิด
2.
หาทำเลตามข้อมูลเศรษฐี 100 ล้าน หนังสือเขียนไว้ว่า บ้านดีถูกหลักฮวงจุ้ย หน้านำ้หลังภูเขาซ้ายหงส์หยกขวาเสือขาว ดันไปเจอออฟฟิศเศรษฐี ที่เก็บไว้เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงอดีต
ปกติไม่เคยให้ใครเช่า แต่ไหงมาเกิดถูกชะตาน้องใหม่ ให้เช่าแถมราคาก็ถูกแสนถูก เดือนละ 2 หมื่น 4 คูหา ติดถนนใหญ่ รวมที่จอดรถ 50 คัน
( ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ) รีบจองวางมัดจำ 3 ปี แถมคุยเผื่อไว้ว่า ถ้าเกิดผมมีเงินท่านเศรษฐีจะขายสักเท่าไหร่ ระบุในสัญญาเลยกลัวท่านเปลี่ยนใจ
3.
ทำอะไรต้องยิ่งใหญ่ สุภาษิตจีนกล่าวไว้ ( หมายถึงต้องมีชื่อเสียงก่อนแล้วเงินจะตามมาทีหลัง ) งั้นต้องปรับปรุงออฟฟิศ รวมถึงอุปกรณ์โปรดัคชั่น กล้องไฟ ไมค์ เลนส์ ซื้อใหม่ยกชุด
( ในคอลัมน์ คุยเรื่องกล้อง ทดสอบเทสอุปกรณ์ อุปกรณ์เสริม ) เงินสดไม่พอ รูดปรื๊ดๆๆ ( ไม่ต้องห่วงหมอดูทุกคนบอกเราจะรวยมากๆ เราชอบความรวย )
4.
หาทีมงาน ถามตัวเองก่อนว่ามีความรู้เรื่องโปรดัคชั่นหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องหาทีมงานมาเสริมทัพ เริ่มแรกบริษัทเล็กๆ เอาแค่ตำแหน่งสำคัญๆก่อน ช่างภาพ, ช่างตัดต่อ, ช่างหางาน
( แผนกตลาด ) แต่ถ้าตัวเองมีความรู้อยู่แล้ว เป็นช่างภาพ เราก็หาอีก 2 คนมาเสริมทัพเท่านั้นพอ...อุปกรณ์พร้อม,ทีมงานพร้อม
ภาษาเอ๊กซ์ตรีมเขาว่า ออกรบยิงไม่เสียดายกระสุน5.
ขู่คู่ต่อสู้ มีทำเลดีแล้วเปิดตัวต้องกระหึ่มกว่าทุกโปรดัคชั่น มีสิงห์โตมาต่อตัวเชิดสูงเท่าตึก 2 ชั้น, เกจิอาจารย์ดังเจิมป้าย
ชื่อ " บริษัทไม่รวยเราไม่เลิก " ประกาศศักดาในตัวว่า
เสือหลับตัวนี้กำลังตื่นพร้อมขยำ้คู่ต่อสู้ ใครไม่เจ๋งจริงอย่าโผล่มาให้เห็นหน้า....( พี่ๆไทยดีฟิล์มถอยไปให้ห่างๆๆๆหน่อย )
6. …..
เริ่มงานวันแรกช่างหางาน ไปพบลูกค้า ฤกษ์ดีได้มา 1 เจ้า..งบ 3 หมื่น ช่างภาพ ออกถ่าย ช่างตัดต่อรับช่วง ฝีมือระดับเทพ 3 วันส่ง ลูกค้าเห็นงานถึงกับตะลึงร้องไห้โฮ.โอมายก๊อด..
" เป็นบุญตาของข้าพเจ้า ที่ได้เห็นงานดีแบบไม่มีที่ติ ชีวิตนี้ตายข้าพเจ้าก็ไม่เสียดาย " ดูไปร้องไห้ไป
( อยากเห็นงานชิ้นนั้นจัง ).. 7.
……ลูกค้าติดใจส่งมาอีก 1 ชิ้น งบสูงกว่าเดิม 5 หมื่น ช่างภาพโชว์สุดฝีมือ ช่างตัดต่อโชว์สุดฝีเท้า 3 วันส่งงาน ลูกค้าเห็นงานถึงกับตะลึงร้องไห้โฮ.. โอมายก๊อด..
" ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตนี้ ไม่เคยเห็นงานที่ห่วยสุดๆแบบนี้ " ถามช่างหางานว่า ..จะเอาไกลหรือเอาใกล้ ..( ถ้าใกล้ก็จะทิ้งลงถังขยะ แต่ถ้าเอาไกลจะปาไปโน่นแล้วให้วิ่งไปเก็บ )..
..3 วันผ่านไป ..แก้ครั้งที่ 1 ไม่ผ่าน .. ถ่ายซ่อม 3 วัน 3 คืน ไม่ได้นอน เพราะรีบส่งห้องตัดต่อ
..7 วันผ่านไป ..แก้ครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน .. ตัดต่อเพิ่ม 3 วัน 3 คืน ไม่ได้นอน เพราะต้องรีบให้ช่างหางานไปพรีเซ็นต์ลูกค้า
..10 วันต่อมา... แก้ครั้งที่ 3 ไม่ผ่านอีก …เรียกประชุมทีมงานด่วน …
ช่างภาพ........" เฮ้ย มาร์เก็ตติ้งพรีเซ็นต์ลูกค้าอะไรวะ ไม่เห็นงานผ่านซะที "…
ช่างหางาน..... " อ้าวก็จะผ่านได้ไง ตัดต่อห่วยขนาดนี้ "(…อ้าวช่างตัดต่องานเข้าแล้วคับ มีหรือจะให้โดนด่าคนเดียว )
ช่างตัดต่อ......." ก็จะให้งานออกมาดีได้ไงล่ะ ก็ไอ้ช่างภาพมันใช้มือถ่ายหรือใช้อะไรถ่าย งานถึงห่วยออกมาแบบนี้ และช่างหางานก็ช่วยเถียงลูกค้าหน่อย ไม่ใช่อะไรๆก็ยอม
อย่างนี้คนทำงานก็ทำงานตายกันพอดี "
….. สรุปประชุมในวันนั้น โดนด่าทุกคน ( ต่างคนต่างด่า )..เลยเจ๊ากันไป แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขงานจนเสร็จปิดจ๊อบสำเร็จ ..
8.
ลูกค้าเจ้าเดิมจ้างให้ทำงานอีก งบ 1 แสน ( ไอ้ลูกค้าคนนี้ไม่รู้จักใครเลยในวงการหรือไงเนี่ย ) บริษัทไม่รวยไม่เลิก ชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้ว..
เอางี้แล้วกันเรียกประชุมทีมงานวางแผนด่วน คือทะเลาะกันก่อนทำงานดีกว่า เสร็จงานแล้วค่อยมาทะเลาะ เหมือนครั้งที่แล้วไม่ไหว ( ออฟฟิศแทบแตก ) ว่าแล้วก็หันซ้ายขวา
มีแต่ ช่างภาพ , ช่างตัดต่อ อยู่ 2 คนในออฟฟิศ แล้วไอ้ช่างหางานไปไหน โทรหามันซะ..ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ ตู๊ดๆๆ..
ช่างภาพ. …" เฮ้ย ช่างหางานอยู่ไหน จะเรียกประชุมงานชิ้นใหม่ "
ช่างหางาน … " อยู่สมุยพักผ่อน มีอะไรก็เมล์มา "
ช่างตัดต่อ … " เฮ้ย ครั้งที่แล้วก็บอกพักผ่อนอยู่ภูเก็ต เห็นหน้าเอ็งแค่ 4 วัน ส่วนข้า 2 คนทำงานทุกวันอดหลับอดนอนจะตายอยู่แล้ว อย่างนี้ก็ไม่แฟร์ซิวะ 3 หารนะเว้ย "
ช่างหางาน … " แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตูฟะ ก็พวกเอ็ง 2 คนมันทำงานห่วย ลูกค้าก็ต้องแก้เป็นธรรมดา ใช้มือทำซิวะ งานจะได้ผ่านเร็วๆ "
บริษัทไม่รวยเราไม่เลิก จะเลิกก่อนรวยซะแล้วช่างตัดต่อ .. " เฮ้ย พูดแบบนี้ก็ไม่สวย ถ้าข้าตัดไม่ดีลูกค้าเขาจะรับงานได้ไง "
ช่างภาพ … " เฮ้ย เอ็ง 2 คนลืมข้าไปหรือเปล่า ถ้าข้าถ่ายไม่ดี ลูกค้าไม่รับงาน พวกเอ็ง 2 คนจะได้เงินได้ไง "
ช่างหางาน .. . " เฮ้ยถามหน่อย ลูกค้าให้งานก็เพราะข้า ถ้าไม่มีข้าพวกเอ็งก็ไม่มีงานทำ ไม่พอใจเอาไปให้โปรดัคชั่นอื่นทำก็ได้วะ ลาออก ถอนหุ้นโว้ย "..
… สุดท้าย บริษัท ไม่รวยไม่เลิก ก็รวยจริงๆ แต่รวยหนี้เพราะไม่ได้ถามหมอดูให้หมด และก็มีคนมาหาเต็มบริษัทฯ เพราะมาทวงหนี้ เฟอร์นิเจอร์ ค่าไฟ ค่านำ้ โทรศัพท์ไม่ยอมจ่าย
รวมถึงเศรษฐี 100 ล้านก็มายืนรอคิวกํับเขาด้วย ต่างคนต่างแบ่งของไปคนละส่วน 3 หารเท่าๆกัน ช่างภาพได้ กล้องไป ช่างตัดต่อได้คอม ช่างหางานได้ขากล้องและชุดไฟ
……นี่คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นเป็นวัฏจักร เมื่อใดก็ตามที่เราเอาเพื่อนมาเข้าหุ้น จะมีเหตุการณ์แบบนี้ให้เห็นจนทุกวันนี้ สุดท้ายเพื่อนก็ขาดเพื่อน
( รักเพื่อนอย่าทำธุรกิจร่วมกัน ) จริงๆแล้วประเด็นนี้ผมเคยเขียนตอบในประเด็นที่คนถามมาว่าจะเปิดบริษัทรับงาน แต่เลยขอมารวบบรวมขยายเป็นนิทานให้อ่านและได้มองเห็นเด่นชัดมากขึ้นว่า การทำงานกับศิลปิน
ทำยากมากๆๆๆๆๆ ไม่รู้จะตีค่าเป็นตัวเงินของแต่ละคนอย่างไร ช่างภาพ ช่างตัดต่อ ช่างหางาน ทุกส่วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันและกัน แยกออกจากกันไม่ได้ แต่ก็รวมกันไม่ได้เหมือนกัน
( หมายถึงตีราคาค่าเป็นเงินค่าจ้าง ) ฉนั้น ขอแนะนำก่อนว่า ถ้าเป็นเพื่อนกันควรทำเป็นฟรีแลนซ์กันจะดีกว่า ไม่มีก็ไม่ว่า มีน้อยให้น้อย มีมากแต่ให้น้อยไม่เป็นไร (ถ้าไม่รู้ )
สำหรับช่างหางาน ปัจจุบันอาจเป็นโปรดิวเซอร์ที่เอางานมาให้ และถ่ายทอดความต้องการของลูกค้าผ่านโปรอักชั่นอีกทอดหนึ่ง โดยไม่ให้โปรดัคชั่นคุยงานโดยตรงกับลูกค้า
เพราะกลัวรู้งบที่ได้จริง เช่น ได้จากลูกค้ามา 5 หมื่น มาบอกโปรดัคชั่นว่าลูกค้ามีงบในราคา 3 หมื่น ถ้าโปรดัคชั่นไหนรับงานแบบนี้รับรอง อนาคตเป็นหนี้อย่างที่เขียนไว้ในข้อแนะนำ
รับงานสำหรับมือใหม่ เพราะคุณทำงานก็ต้องมีกำไรอีก 1 หมื่น เนื้องานจริงเหลือ 2 หมื่น ต่างกันกับเงินก้อนแรก 5 หมื่น คุณภาพของงานก็ต่างกัน ฉนั้นโปรดัคชั่นนี้แก้งานตายแน่
แนะนำกรณีนี้ว่า ถ้าโปรดิวเซอร์ไหนหรือช่างหางานคนไหนไม่ให้คุยกับลูกค้าโดยตรง ขอบอกอย่ารับงานมาทำเด็ดขาด ( เราเตือนคุณแล้ว ) เพราะขนาดเราคุยกับลูกค้า
โดยตรงยังไม่รู้เรื่องเลย ( กรณีน้องใหม่รับงาน MV ลูกค้าต้องการโรเมนติก กลับเข้าใจว่าลูกค้าให้ทำชีวิตบัดซบ ) เพราะลูกค้าไม่เข้าใจภาษาทีวี บางทีที่เขาพูดว่าทำแนวชีวิตบัดซบ
เขานึกว่าคือแนวโรเมนติก ลูกค้าสับสนถ่ายทอดผ่านโปรดิวเซอร์ โปรดิวเซอร์จับประเด็นผิดมาถ่ายทอดผิดที่โปรดัคชั่น สุดท้ายความผิดจะตกหนักที่โปรดัคชั่นเพียงคนเดียว
จะบอกลูกค้าไปตรงๆว่าโปรดิวเซอร์ถ่ายทอดมาผิดๆก็ไม่ได้เดี๋ยวปิดจ๊อบไม่ได้ การแก้ปัญหากรณีนี้คือ บอกโปรดิวเซอร์หรือช่างหางานว่า คุณอยากได้เท่าไหร่เราไม่ว่า แต่ขอเราคุยกับลูกค้า
โดยตรง เพราะงานมันอาจเข้าใจผิดพลาดได้ ถ้าลูกค้าความต้องการสูงมากและงบที่ให้มาน้อยอยู่แล้ว แต่ช่างหางานกินไปอีกครึ่ง ก็ต้องต่อรองกับช่างหางานว่าถ้างบขนาดนี้ทำงาน
ตามที่ลูกค้าต้องการไม่ได้แน่ พบกันครึ่งทางไม๊ บวกลบค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ที่เหลือแล้วหารครึ่ง วินๆทั้งคู่ แต่ถ้าช่างหางานไม่ยอมก็ถอนตัวดีกว่าจะมาแก้งานแล้วไม่จบในภายหลัง
..ว่าจะเขียนแนวทางทำรายการส่งช่อง ขอยกยอดไปตอน 2 แล้วกันนะคับ ( กลัวยาวจนเบื่อ ) เพราะถ้าไม่เข้าใจส่วนนี้ ส่วนต่อไปก็จะหลงประเด็นไปไกล
..ให้เวลาน้องใหม่คิดก่อนว่า จะเปิดบริษัทผลิตรายการฯ แบบไหนดี แบบหุ้นส่วน หรือแบบหุ้นเดียว ( มีข้อดีและข้อด้อยทั้งคู่ ) ...คอยติดตามตอน 2 ภาคต่อไม่นานหรอกคับ..
..ขอบอกพี่ๆไทยดีฟิล์มล่วงหน้า ทุกวันนี้ เวลาไปทำงาน มีน้องใหม่มาถามเกี่ยวกับเรื่องโปรดัคชั่น กระซิบบอกน้องว่า ไปเปิดเว็บไทยดีฟิล์มแล้ว Serch หา p0p-it
เท่านี้ก็รู้หมดทุกเรื่อง รวมถึงความรู้จากพี่คนอื่นๆก็สุดยอดปรมาจารย์ทั้งนั้น.. ( ผมก็ทำงานเพิ่มยอดจำนวนสมาชิกให้ไทยดีฟิล์มเหมือนกันนะคับ )
อยากทำรายการส่งช่อง ( ฟรีทีวี - เคเบิ้ลทีวี ) เรามีแนวทางให้คุณ ( ตอน 2 จบ )…เอาล่ะคับให้เวลาคิดว่าจะหาเปิดบริษัทแบบหุ้นเดี่ยว หรือแบบหุ้นส่วน รายละเอียดขอผ่านนะคับ ขึ้นอยู่กับสไตล์แต่ละคนแล้ว มาถึงรายละเอียดเน้ืองานกัน สำหรับคนที่จะยึดอาชีพนี้จริงจัง
ผมอยากให้คุณมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ให้ได้ก่อน ขอแบ่งเป็นข้อๆเพื่อที่จะได้เข้าใจ ( สำหรับน้องใหม่เพิ่งเริ่ม หรือมีความรู้ไม่มาก )
..ว่าคุณจะหางานทั่วๆไปในสายอาชีพนี้ได้จากไหนบ้าง....1.
หาค่าข้าวก่อน กองทัพเดินด้วยท้องฉันใดคนต้องกินข้าวเพื่ออยู่ อยากให้คุณทำอะไรก็ได้ที่มีรายได้ เช่น อาจไปเป็นผู้ช่วย รายได้เล็กๆน้อย ไม่เป็นไร สั่งสมประสบการณ์พร้อมเก็บ
เล็กเก็บน้อยประทังชีวิตไปให้รอดในแต่ละเดือนก่อน ( สำหรับเวลาว่างที่ไม่มีงานอื่นให้ทำ ) แต่ถ้าคุณเก่งเป็นช่างภาพแต่งานยังไม่ชุก ว่างก็รับเป็นผู้ช่วยได้ไม่ผิดกติกาคับ..
2.
หาค่าเช่าบ้าน พยายามรับงานจากญาติพี่น้อง เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานสัมมนาอะไรก็ตาม รายได้อาจน้อย เพราะเราอาจยังไม่เก่ง ไม่เป็นไร หัดทำ เพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้
ถึงตอนนี้ผมว่าลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นแล้ว เพราะแต่ละครอบครัวจะมีงานให้เราทำครอบครัวละ 3-4 อย่าง เช่น โตขึ้น
งานบวช เรียนจบ
งานรับปริญญา ทำงานมีเงินเก็บก็
งานแต่งงาน ผู้สูงอายุก็
งานศพ ( งานที่คุณจะได้ทำก็คือสีแดง ) ญาติพี่น้องเยอะยิ่งได้เปรียบ อาจมีพ่วงจากงานสัมมนาที่ผู้ใหญ่ทำงานอยู่ ครอบครัวนี้ไม่มีงานเพราะเด็กยังเล็กไม่เป็นไร ครอบครัวอื่น
อาจมีงานให้เราบ้าง เฉลี่ยเดือนละ 1 - 2 งานอยู่ได้แล้ว
3.
หาค่่าผ่อนรถ (ถ้า 1-2 ยังมีเวลาว่างอยู่ ) ถึงขั้นตอนนี้คุณต้องเก่งขึ้นแล้ว คุณสามารถรับงานฟรีแลนซ์ที่เป็นช่างภาพ ช่างตัดต่อ หรือผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ตามที่คุณถนัดเพื่อเพิ่มรายได้
อีกทาง สะสมยอดเก็บไว้เพื่อเปิดบริษัทในอนาคต..
4.
หาค่าแหวนเพชรให้ภรรยา ( ผ่าน 1 - 4 ได้ แสดงว่าสุดยอดมีฐานะดีขึ้น ) คุณสามารถรับงานมาทำเองได้กำไรก็มาก ถ้างานใหญ่เกินอาจหาพี่ๆในเว็บนี้มาช่วยดูแลได้
นี่คือหลักขั้นตอนแต่ละขั้น ( ก้าวหน้า ) ในสายอาชีพคนโปรดัคชั่นโดยทั่วๆไป จะช้าเร็ว ขึ้นอยู่กับดวงและความขยันของคุณเองด้วยเหมือนกัน ทีนี้สั่งสมประสบการณ์ในการทำงาน
มานานถึง 4 ขั้นตอนแล้ว ก็เปิดบริษัทรับงานได้แล้ว การผลิตงานส่งช่อง ขอแยกประเภทเป็น 2 ประเภทคือ ฟรีทีวี ( 3 5 7 9 11 ทีวีไทย ) และ เคเบิ้ลทีวี
ประเภทฟรีทีวี บอกได้เลยว่าค่อนข้างยากมากๆๆๆสำหรับโปรดัคชั่นเล็กๆ เรียกได้ว่าปิดประตูตายลืมไปได้เลย เพราะสถานีเขาดูผู้ผลิตด้วยว่า มีเงินทุนพอที่จะทำรายการมีคุณภาพ
เช่น ฉากอลังการ์ 3 แสนขึ้น รูปแบบ พิธีกรต้องดาราเท่านั้น ฉนั้น ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเป็นแค่เจ้าประจำเท่านั้น ที่มีงบเงินทุนมากพอที่จะลงทุนก่อนแล้วค่อยหาสปอนด์เซอร์ตอนหลัง
แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางเดินเลย ถ้าอยากทำจริงๆ ..
- ลองพยายามสืบหาญาติพี่น้องที่มีพลังภายใน หรือรู้จักเป็นการส่วนตัวโดยตรงกับทางสถานีนั้น
แล้วนำเสนอรูปแบบรายการที่คุณมีผ่านคนที่รู้จัก ถ้ารายการคุณดีจริงมีคุณภาพ และสามารถพิสูจน์ให้เจ้าของสถานีรูว่า รายการคุณสามารถเพิ่มยอดคนดูได้และเพิ่มชื่อเสียงให้สถานีได้ ทางสถานีอาจจะให้โอกาสคุณเหมือนกัน
-
ลองผ่านทางสปอนด์เซอร์ผู้สนับสนุนรายการของคุณ เช่น คุณทำรูปแบบรายการเกี่ยวกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนเมืองกรุง อาจให้ทาง กทม. เป็นผู้ส่งแผนนำเสนอแทนคุณ
โดยมีข้อตกลงว่า ถ้าได้เวลาเรายินดีออกค่าใช้จ่ายค่าเวลา และค่าผลิตให้ก่อน แล้วค่อยมาเก็บเงินตอนหลัง ( กรณีนี้ถ้ารูปแบบรายการคุณดีจริง ผู้สนับสนุนอาจสนใจนำเสนอ )
แต่กรณีนี้คุณจะสู้กับคนที่มีเวลาออนแอร์อยู่และ ติดต่อมายัง กทม. ซึ่งสามารถผลิตได้เลย ไม่ต้องรอเวลานำเสนอ
ประเภทเคเบิ้ลทีวี อันนี้ง่ายหน่อยมีโอกาสมากๆ ติดต่อขอเช่าเวลาได้เลยไม่มีปัญหา และคุณก็หาสปอนด์เซอร์ผู้สนับสนุนรายการเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ( เวลาและค่าโปรดัคชั่น )
-
อาจติดต่อญาติพี่น้องที่รู้จัก ที่มีกิจการอะไรที่คิดว่าพอไปได้กับรูปแบบรายการของคุณที่ออกแบบไว้ ถ้ารายการคุณดีมีคนสนใจเยอะ รู้จักผลิตภัณฑ์ที่เป็นสปอนด์เซอร์ก็จะสามารถ
เพิ่มยอดขายได้ เจ้าของธุรกิจนั้นอาจสนใจก็ได้ ( ถ้าบวกลบคูณหารแล้วรายได้ที่กลับมาคุ้มกับการลงทุนที่ลงไป )
-
อาจติดต่อโดยตรงกับเคเบิ้ลทีวีนั้นว่า ขอเป็นพาร์ทเนอร์คนละครึ่ง หมายความว่า คุณอาจผลิตรายการส่งโดยไม่คิดค่าผลิต (ทางสถานีได้รายการฟรี และมีรายการออกไม่ขาด )
ยิ่งถ้ารายการคุณมีคุณภาพ ก็เท่ากับยกคุณภาพของเคเบิ้ลทีวีช่องนั้นด้วย เขาอาจลงทุนร่วมกับคุณโดยจ่ายค่าผลิตเป็นเวลาออนแอร์ 5 นาทีแทน โดยอนุญาติให้คุณนำเวลาที่
ทางช่องให้ไปขายเป็นรายได้เข้าบริษัทคุณ ( ถ้าขายได้ก็ได้เงิน ขายไม่ได้ก็ไม่ได้เงิน )
ประเภทประชาสัมพันธ์ทางเว็บ ( ยูทูบ ) อันนี้ผมว่าน่าจะมีแนวโน้มมากๆสำหรับคนรุ่นใหม่ คือการปั่นเว็บยูทูปนั่นเอง หมายถึงคุณอาจติดต่อไปยังเจ้าของกิจการที่มีผลิตภัณฑ์ต้องการ
นำเสนอ เช่น บริษัทรักษาความปลอดภัย แล้วทำเป็นคลิปหนังสั้นแปลกๆให้คนดูตื่นเต้นคิดว่าเป็นเรื่องจริง โดยแทรกผลิตภัณฑ์นั้นๆลงในยูทูปเพื่อให้เป็นการจดจำ กระตุ้นยอด
ทางเว็บ ณ ปัจจุบันนี้ บริษัทหน่วยงานโดยเฉพาะบริษัทต่างชาติ จะไม่เห็นโฆษณาทางทีวี เขามีงบลงโฆษณาทางเว็บโดยจ้างทีมผลิตพวกคนรุ่นใหม่ทำคลิปที่แรงและจดจำ
งบบางบริษัทเยอะกว่าลงทางฟรีทีวีอีกนะคับ ปัจจุบันบริษัทในไทยเริ่มทำกันมากขึ้นแล้วคับ ใครที่มีไอเดียดีๆ ลองคิดแล้วนำเสนอ บริษัทต่างๆเขากำลังต้องการทีมงานแบบนี้
มากๆ แต่ต้องเป็นความลับมากๆ นะคับ คิดได้อย่าบอกใครนำเสนอเลย หรือจะลองทำตัวอย่างหนึ่งลงยูทูป แล้วคุณเอายอดคนที่เปิดดูไปนำเสนอว่านี่คือไอเดียของคุณ
เห็นไม๊สดมากๆ มีคนดู ล้านกว่าคน ยังไม่หมด ผมมีไอเดียแบบนี้อีก 100 ไอเดีย รับรองรวยเละ ( เอาความลับมาเปิดเผยอีกแล้ว )
…เท่าที่เห็นแนวทางสำหรับคนทำโปรดัคชั่นจริงๆก็มีเท่านี้ ( นึกได้ตอนนี้ ถ้ามีจะมาเพิ่มเติม ) ..หลายคนถามว่าเมื่อไหร่ผมจะรวยสักที ทำงานโปรดัคชั่นมานานแล้ว
คนที่ถามอาจรวยอยู่แล้วแบบไม่รู้ตัวก็ได้ วิธีเช็คความรวยของคนโปรดััคชั่นจะต่างกับอาชีพอื่น ก็คือ..ถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้คุณรวยแล้วหรือยัง ...
…..เขาจะถามกันว่า ตอนนี้คุณกำลังมีความสุขอยู่หรือเปล่า ถ้าคุณตอบว่า ไม่มีเวลามีความสุขเลย เพราะทำงานตลอด นั่นแสดงว่าคุณน่ะรวยอยู่แล้วแบบไม่รู้ตัว ( เพราะมีงานทำ )
ส่วนคนที่มีความสุขคือคนไม่รวยเพราะไม่มีงานทำ ( ถึงมีความสุขไง ไปเดินเล่น ดูหนัง ฟังเพลง ) เราให้คุณเลือกทางเดินอีกแล้ว.
. ......ถามหน่อยนะ ตอนนี้ใครมีความสุขอยู่บ้าง ...ผม p0p-it ถึงมีเวลามาเขียนให้คุณได้อ่านกัน เพราะถ้าผมไม่มีความสุข คุณก็อาจไม่ได้เห็นข้อความที่เป็นประโยชน์แบบนี้..
.......ดีใจกับคนที่กำลังไม่มีความสุขอยู่ขณะนี้นะคับ...
[ แก้ไขล่าสุดโดย p0p-it เมื่อ 2012-07-26 09:20 ]
