อยากรู้ว่าเราควรได้เงินค่าจ้างในการทำอาชีพโปรดัคชั่นเท่าไหร่ เราไม่ตอบแต่ เมื่อคุณอ่านเสร็จคุณจะเป็นคนกำหนดเงินเดือนคุณเอง
ปัญหาโลกแตกระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
ลูกจ้างอยากได้เงินเยอะๆ นายจ้างอยากจ่ายเงินน้อยๆ
เดินไปไหนในบริษัทเห็นพนักงานนั่งรวมกลุ่มหัวเราะงอหายไม่ต้องเข้าไปฟังก็รู้ว่ากำลังนั่งนินทาเจ้านาย จริงๆแล้วไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้นายจ้างกับลูกจ้างทะเลาะกัน
ก็คือ ตัว " ลูกค้า " นั่นเอง อยากรู้ใช่ไม๊ เราจะพาคุณนั่งไทม์แมทชีนย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของปัญหา (ใครไม่ไปไม่รู้คำตอบนะคับ )
อันดับแรกเมื่อมีลูกค้าติดต่อ ให้เราโค๊ดราคาค่าใช้จ่ายสำหรับงานสารคดี 1 เรื่อง ( งบไม่อั้นคุณภาพเต็มราคา )
เริ่มต้นก็คิดราคาค่าใช้จ่ายก่อนสำหรับน้องใหม่ที่สงสัยการตั้งราคารับงาน มีขั้นตอนอย่างไร ( ปฏิบัติตามนี้เลยคับ )
1.
คิดราคาจากการที่เราจ้างคนมาทำงาน ( แม้เราเป็นเจ้าของก็ถือเป็นคนทำงาน 1 คนด้วยเหมือนกัน )
งานเกรด A - ช่างภาพ รวมอุปกรณ์ในการทำงาน ( อุปกรณ์ทั่วๆไป ) วันละ 4,000 บาท
- โปรดิวเซอร์ วันละ 2,000 "
- คนเขียนบท ( ในกรณีเป็นงานสารคดี ) บทละ 5,000 "
- คนกำกับ วันละ 3,000 "
- คนตัดต่อทำกราฟฟิค วันละ 2,000 "
- ค่าดำเนินการ( ค่านำ้มัน , ค่าติดต่อ, ส่งแก้หลายรอบ ) เรียกเผื่อ 5,000 "
นี่คือราคาค่าใช้จ่ายอย่างคร่าวๆ ราคาต่อวันนะคับอย่าลืม ( ตัวเลขเฉลี่ยโดยทั่วไป )
2.
คิดต่อไป ( ลงรายละเอียดเยอะหน่อย ) ดูรายละเอียดของงานแล้ว น่าจะเป็น 2 วันถ่ายเสร็จ
- มีอุปกรณ์เพิ่มเครนดอลลี่หรือเปล่า / ค่าเช่าไฟ เครื่องปั่น / มีก็คิดค่าเช่าเพิ่มไป
- ตัดต่อรวมกราฟฟิคคิดว่าใช้เวลากี่วัน ก็คูณเข้าไปตามจำนวนวันที่เพิ่ม ( รวมทีมงาน-ค่าโปร-กำกับ ช่างภาพ ฯลฯ )
…..นี่คือวิธีคิดงานคร่าวๆ กรณีที่ลูกค้าให้งานมา เราก็บอกกว้างๆไปเท่าที่เราประมาณ ( คิดราคาจากการจ้างคนอื่นทำงาน )
ทีนี้เรามาสรุปงาน A สำหรับค่าใช้จ่ายรวมท้งหมดคือดังนี้. -
คิดราคา ข้อ 1 + ข้อ 2 = 21,000 บาท/วัน , คูณด้วย 2 = 42,000 + 10,000 ( ค่าเช่าเครนดอลลี่/ไฟ )
รวมทั้งหมด 52,000 บาท ยังไม่หมดคับนี่คือต้นทุน บวกกำไร 30 % = 15,600 เอาเลขกลมๆ 15,000 พอ ( ใจดีลดให้ )
ฉนั้นรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดจริงๆบวกกำไรด้วยคือ 67,000 บาท ( คิดทันไม๊คับ )นี่คือวิธีคิดค่าใช้จ่ายงานลูกค้าจำไว้ใช้ได้เลย
ทำใบเสนอราคาส่งลูกค้าพร้อมระบุชื่อทีมงาน ผู้กำกับพี่ฟูลมูนไม่มองคนอื่น,ช่างภาพพี่กาแซง,คนตัดอาจารย์เนสคนอื่นไม่เกี่ยวถอยไป
...ยังไงงานนี้ต้องได้ทำอยู่แล้วปรมาจารย์เรียกพี่ทั้งนั้น ( 7 วันผ่านไป ลูกค้าเล่นตัว )…..ในที่สุดลูกค้าตอบเมล์กลับมา...
" ช๊อบชอบ ทีมงานแตกเนื้อหนุ่มดังเปรี๊ยะๆแบบนี้หายาก ผมตกลงจ้างทีมคุณทำงาน
( ..เย้ๆๆๆ.ช่วยกันดีใจหน่อย..) แต่ขอลดค่าใช้จ่ายลงครึ่ง...ขอคุณภาพเท่าเดิม
( ทะเลาะกับทีม A พี่ฟูลมูน,พี่กาแซง,อ.เนส ไปเรียบร้อยแล้ว-งบน้อยไม่กล้าจ้าง) ทำราคาตั้งแต่ต้นใหม่ ลดทุกอย่างครึ่งหมด ตกราว 35,000 บาท ( คุณภาพเท่าเดิมแต่เกรด B ) ทำใบเสนอราคาใหม่ระบุชื่อทีมงาน
…ผู้กำกับพี่ฮาฟมูน (เกรด B), ช่างภาพพี่กาโม่ (น้องพี่กาแซง ) ,คนตัดลูกศิษย์อาจารย์เนสก็พอ (ใครก็ได้ ) วันเดียวลูกค้าเมล์กลับ
" ช๊อบชอบ ทีมงานแตกยังเนื้อหนุ่มดังอยู่ แบบนี้หายาก ผมตกลงจ้างทีมคุณทำงาน
( ..เย้ๆๆๆ.ช่วยกันดีใจอีกครั้ง..) แต่ขอลดค่าใช้จ่ายลงมากกว่าครึ่ง..ขอคุณภาพเท่าเดิม
คือเหลือ12,000 ได้เลยคับ ( ตัดหางเลิกคบกับทีม B อีกทีม) จ้างคนเดียวเลย ไอ้กามั่ว ( ตูเองโว๊ย ) ทำมันทุกตำแหน่ง กำกับ ช่างภาพ ช่างตัดต่อ
( นี่แหละลูกค้าตัวปัญหาทำให้เราทะเลากัน )ขอเสริมนะคับ การคิดราคาเป็นการจ้าง จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เมื่อลูกค้าต่อราคาลงดูเหมือนทำไม่ไหว
แต่เนื่องจากเราสามารถทำได้หลายหน้าที่ในคนเดียว โดยรวมเราอาจได้รายได้มากกว่าทุกคน ( เช่นกรณีที่ 3 เกรดC )
เขียนมายืดยาว ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเงินเดือนคนทำงานโปรดัคชั่น ใจเย็นๆคับ จำต้องอธิบายให้คุณเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะไปต่อไม่ได้
นี่คือวิธีการทำงานจริง( โดยทั่วไป ) ของโปรดัคชั่นในวันนี้
สรุปนะคับ..ถ้าได้รับการติดต่อจากลูกค้าให้เสนองาน ขั้น 1( เกรด A )- ให้คิดเต็มที่ไว้ก่อน คือ อุปกรณ์เทพทีมงานเทวดา ถ้าลูกค้าดูแล้วสู้งบไม่ไหว ก็ค่อยเสนอขั้น 2
ขั้น 2 ( เกรด B ) - ลดสโคปงานลงให้เล็ก แต่คุณภาพเท่าเดิม ( ตัดรายละเอียดปลีกย่อยออก )
เพียงแต่คุณจะต้องทำงานหนักขึ้น คิดงานมากขึ้น เสียเวลามากขึ้น เช่น ขั้น 1 มีรางดอลลี่ยาว
ลดงานลงขั้น 2 ก็ใช้ดอลลี่เหมือนกันแต่เป็นดอลลี่ที่ติดมากับขากล้อง / ไฟเคยใช้ 8 ดวงเหลือ 4 ดวง
สวยเหมือนเดิม เพียงตัดรายละเอียดที่ไม่สำคัญออกไป ไม่ต้องเน้น
ขั้น 3 ( เกรด C ) - ลดสโคปงานลงอีก แต่คุณภาพเกือบเท่าเดิม คือ อาจใช้ตัวบินแทนดอลลี่ / เปลี่ยนสถานที่เอาท์ดอร์มากขึ้นกว่าอินดอร์
ไฟเคยใช้ 800 W ปรับแสงได้ งบไม่มีใช้ไฟสนาม 500 W แทนแต่ปรับด้วยซอฟท์หลายแผ่นแทนการลดแสง
ขอเสริมสำหรับการตั้งราคาค่าใช้จ่ายในการทำงานโปรดัคชั่นให้ลูกค้า เนื่องจากลูกค้าอาจเป็นคนที่ไม่เข้าใจภาษาวีดีโอ หน้าที่ของเราคือต้อง
สร้างภาพรวมของงานให้ลูกค้าได้มองเห็น การคุยครั้งแรกควรใส่อุปกรณ์ทุกอย่างที่ดีที่สุดลงไป อย่ากังวลเรื่องราคาสูง
เราเพียงต้องการให้ลูกค้าได้มองงานในมุมเดียวกับที่เราเข้าใจ ( ขั้นตอนนี้สำคัญนะคับ ) เพราะการที่เราใส่สิ่งดีๆมีคุณภาพลงไปในงาน
การอธิบายพูดคุยจะง่ายกว่า เพราะเมื่อลูกค้าเข้าใจ ก็จะยิ่งเป็นตอกยำ้ความน่าเชื่อถือในงานของเราเพิ่มมากขึ้น พูดไปจนกว่าลูกค้าจะพูดว่า
" ผมไม่ต้องการสโคปงานใหญ่ขนาดนั้น " ( พูดง่ายๆก็คืองบสูงเกินความจำเป็น ) นั่นแสดงว่าลูกค้าเริ่มเข้าใจและมองงานมุมเดียวกับเรา
ต่อไปก็ง่ายคับ ค่อยๆคุยว่าจะลดส่วนไหน แล้วไปเพิ่มส่วนไหนแต่ขอให้เข้าใจนะคับว่า ลดสโคปงานไม่ใช่ลดคุณภาพของงานลงนะคับ คนละอย่าง
เพียงแต่ลดสิ่งที่ลูกค้าไม่ต้องการลงไป เหมือนเราหาโรงแรมเลือกสิ่งดีที่สุดก่อน อย่างโอเรียลเต็ล ลูกค้าบอกไม่ต้องการหรูขนาดนั้น
ก็ลดลงอาจเป็นโรงแรมหรูแถวสุขุมวิท หรืออาจลดไปเป็นโรงแรมหรูแถวชานเมือง จะเห็นว่าสิ่งสำคัญทุกอย่างอยู่ครบ ที่นอน ตู้ เตียง
เพียงแต่ลูกค้าอาจมองว่าสระนำ้ใหญ่ ห้องออกกำลังกายหรู เขาไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะกว่าจะกลับเข้าโรงแรมก็ดึกแล้ว..
( ขอนอกเรื่องเยอะหน่อย เพราะเคยเห็นกระทู้ถามถึงการตั้งราคา ก็เลยจำต้องอธิบายให้เข้าใจ เข้าเรื่องของเราต่อเลยคับ )
…รู้เรื่องลูกค้าแล้วว่ามี 3 เกรด บริษัทโปรดัคชั่นก็มี 3 เกรดเหมือนกัน ( เริ่มเข้าเนื้อเรื่องคนทำงานโปรดัคชั่นแล้วคับ )
- เกรด 1 โปรดัคชั่น แน่นด้วยความรู้ ( ทุกทฤษฏี ) มากด้วยประสบการณ์ ( ทุกประเภทของงาน ) รอบรู้ทุกเรื่องอย่างอาจารย์
สามารถถ่าย กำกับ ตัดต่อ โปรดิวเอง สามารถเปิดและปิดจ๊อบลูกค้าได้ด้วยตัวเอง ลูกค้าจะค่อนข้างเกรงใจเพราะพวกนี้เก่งและมีความรู้
คนทำงานในเกรด1 มักจะทำงานมานาน 20 ปีขึ้น อาจจบจากเมืองนอก หรือมืออาชีพเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งที่เด่นหาคนแทนยาก
สามารถสร้างงานได้ดีเกินคาดทั้งที่ลูกค้ามีงบน้อย เครื่องมืออาจไม่ไฮเทคแต่เนื่องจากมีความรู้ทะลุจึงสรรค์งานออกมาได้เยี่ยมยอด
ไม่ต้องห่วงคับ เกรด 1 ก็มีข้อเสีย คือพวกพี่มักจะอายุมาก ( ก็บอกแล้วทำงานมานาน ) บางครั้งเปลี่ยนความคิดยาก มีขี้บ่น
เทคโนใหม่ๆไม่ค่อยสน ( เพราะเรียนรู้ไม่ไหวนั่นเอง ) บางครั้งอาจจำต้องพึ่งเกรด 2 ให้ทำงานในสิ่งไฮเทค
- เกรด 2 ทำได้ทุกอย่างจริงเหมือนเกรด 1 คือสามารถถ่าย กำกับ ตัดต่อ โปรดิว คุยเปิดและปิดจ๊อบลูกค้าได้เหมือนกัน แต่ถ้าเจองานยากๆ
ก็อาจต้องพึ่งพี่คนเก่งเกรด 1 บางคนมาช่วยเฉพาะด้าน เช่น งานอาร์ต, งานแนวปรัชญา, งานแนอารมณ์ ฯลฯ ( มองงานไม่ขาด )
คนทำงานขั้นตอนนี้อาจผ่านงานมาประมาณ 5 ปีขึ้นไป แล้วแต่ความสามารถ เชี่ยวชาญเทคโนโลยีทันสมัย แต่ยังขาดประสบการณ์
ในงานเท่านั้น ( อายุงานน้อย-ประสบการณ์น้อย ) ข้อเสีย อาจทำงานไม่หลากหลาย เก่งเฉพาะงานที่ทำบ่อยๆ
- เกรด 3 ทำได้แต่ไม่ดีที่สุด เพียงสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เช่น ถ่ายงานบวช งานทั่วๆไป ความมั่นใจในงานยังมีน้อย
ถ้าจะทำงานใหญ่จะต้องพึ่งพี่ๆคนอื่นเกือบหมดทุกขั้นตอน ประสบการณ์งานเพิ่งเริ่มออกตัว ( น้องใหม่ ) น้องใหม่ที่เก่งผันตัวเอง
สู่เกรด 2 และ 1 ได้ในเวลาไม่กี่ปีก็มีเยอะ ถ้าคุณจับลูกค้าขาใหญ่ได้
….เมื่อเข้าใจระบบการทำงานทั้งหมดของโปรดัคชั่นแล้ว จะเห็นว่า เกรด 1มีจำนวนคนน้อยมากๆ ปัจจุบันอาจผันตัวเองเป็นเจ้าของ
สำหรับน้องใหม่ในวงการจะยืนหยัดในอาชีพนี้ได้ ต้องใช้วิธีการเรียนลัดคับ นั่นคือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ( มีเงินทำได้ )
เคยมีกระทู้ถามว่า เทคโนโลยีจำเป็นหรือไม่กับการทำอาชีพโปรดัคชั่น ขอตอบตรงนี้เลยว่า " ขึ้นอยู่กับคุณอยู่เกรดไหน "
ถ้าอยู่เกรด 1 เทคโนโลยีอาจไม่จำเป็น เพราะพวกนี้เก่งระดับเทพเครื่องมือเก่าก็ทำได้ เพียงแต่อาจใช้เวลานานหน่อย
สำหรับน้องใหม่ในวงการแล้วมีเงินเหลือ ให้ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด กล้องอุปกรณ์อะไรดีซื้อมาให้หมด
ซอฟท์แวร์สำเร็จรูป แอนนิเมชั่น 3ดี อาฟเตอร์ ซีจี พวกสำเร็จรูปซื้อมาให้หมด พวกนี้จะช่วยปิดจุดด้อยที่เราไม่รู้หรือภูมิไม่แน่น
ลูกค้าก็ชอบจ่ายเงินนิดเดียวได้งานออกมาดีเกินคาด ( โปรแกรมสำเร็จรูปทำแป๊บเดียวเสร็จ ) หรืออาจไปเรียนเพิ่มเมืองนอกก็ได้
เขียนมายืดยาว จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ ทีนี้หันมาดูตัวคุณในฐานะคนทำงาน " คุณอยู่ในเกรดไหนของโปรดัคชั่น " อยากรู้ง่ายมาก
ถ้าลูกค้าบอกว่า ต้องการให้คุณทำงานสารคดีธรรมะ แนวปรัชญา สวยใส ให้น่าสนใจเพื่อดึงคนรุ่นใหม่
- โปรดิวเซอร์ -ผู้กำกับ คิดมาว่าจะให้ลูกค้าทำไง แต่บอกเลยเงินไม่เยอะ เครื่องมือเทพไม่ต้องถาม อุปกรณ์บ้านๆ
- ช่างภาพ คิดหาวิธีการถ่ายออกมาให้สวยเหมือนฝันให้ได้ สถานที่มีต้นไม้ด้านหลัง 3 ต้น
- ช่างตัดต่อ หาวิธีการตัดต่อให้สวยเหมือนวิมานฝันตามโจทย์ เอฟเฟคไม่รู้ โฟโต้ไม่เก่ง อาฟเตอร์ไม่รู้จัก คงไม่ต้องถามถึงงาน
ถ้าขั้นตอนนี้ คุณทำด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพี่ๆคนอื่นให้ช่วย นั่นแสดงว่าคุณลงมาอยู่ขั้น 2 และถามต่อให้ช่วยมากขนาดไหน
ช่วยเกือบหมดทุกรายละเอียด คุณก็จะหล่นลงมาอยู่ขั้น 3 และถ้าคุณหล่นลงมาขั้นนี้แล้ว ถามต่อว่าคุณอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่..
ที่จำต้องอธิบายมาเสียยืดยาว ก็เพราะการทำงานจริงกับลูกค้าทุกวันนี้จะมีแต่โจทย์แบบนี้... " พี่งานอีเว้นท์เบ็นซ์ ตัดให้ดูหรู มีสไตล์ ตื่นเต้น คลาสสิคนะพี่ " งบ 5 พัน ( ใครทำยกมือขึ้น )
" น้องพี่ต้องการถ่ายสารคดีโรงแรม ให้ดูสวยน่าพัก และเพิ่มยอดลูกค้าให้เข้ามาพัก " ( แต่ในความเป็นจริงโรงแรมห่วยมาก )
" ทำสปอตบริจาคมูลนิธิ ให้ดูแล้วตระหนักถึงความรับผิดชอบ เรียกว่าดูแล้วต้องบริจาค ไม่งั้นรู้สึกผิด " ( คิดๆๆๆๆๆ )
ปัจจุบันการทำงาน งานลูกค้าบางชิ้นงบน้อยมากๆ ถ้าโปรดัคชั่นไหนมัวแต่จ้างทุกตำแหน่ง ( ตัวเองทำไม่ได้ ) แย่เลยนะคับในทางกลับกันถ้าคุณสามารถทำได้หลายอย่าง ( จ้างเฉพาะที่สำคัญ ) งบน้อยจริงแต่คุณกลับมีเงินเหลือมากขึ้นสมัยก่อนจะหาช่างภาพต้องไปติดต่อร้านถ่ายรูปโดยตรงจะไปสมัครงานทางด้านโปรดัคชั่นก็ต้องเรียนมาทางด้านนี้โดยเฉพาะเท่านั้นเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจนถึงตอนนี้ดูรับสมัครในเว็บไม่ยักมีใครบอกต้องเรียนมาทางด้านนี้โดยเฉพาะบอกแต่ทำงานได้แบบนี้ ( ที่เขาต้องการ ) เอาไปเลยเงินเดือนเท่านี้ เมื่อก่อนต้องมีวุฒิจึงจะดูคุณสมบัติ แต่ปัจจุบันดูคุณสมบัติเพียงอย่างเดียว วุฒิไม่สนเป็นโชคดีของน้องใหม่และเป็นโอกาสทองของคนที่ไม่มีวุฒิ แต่อยากทำงานจริงในสายอาชีพโปรดัคชั่น ( ต้องทำได้จริง )
(สูงสุดคืนสู่สามัญเหมือนช่าง10 หมู่สมัยก่อนที่ต้องเป็นช่างที่เก่งและมีฝีมือจริงๆเท่านั้น จึงจะเรียกว่าช่าง คนไหนยังไม่เก่งเรียกเขาช่างเขารีบปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ นั่นคือ...ทำอย่างเดียวให้ดีที่สุด ถึงมี 10 หมู่ไง ) แต่สำหรับโปรดัคชั่น มีเพียง 4 หมู่เท่านั้นณ วันนี้เรากำลังย้อนกลับสู่สมัยโบราณ ถ้าคุณมีฝีมือจริงๆในการทำอาหาร ต่อให้ร้านอยู่ไกลในรู ในซอย กันดานขนาดไหนคนก็ดั้นด้นไปถามตัวคุณเองว่า คุณเก่งและชำนาญในงานที่คุณทำทะลุจริง เหมือนช่างที่เป็นครูในสมัยก่อนที่เขาเรียกหรือไม่ ( ช่าง = ครู = ผู้รู้ )ถ้าคุณเก่งจริงเดินเข้าไปเลยคับ บริษัทมหาชนที่ไหนก็ได้ บอกเขาว่า " ผมเป็นช่าง ( ตัดต่อ, ภาพ , กำกับ ,โปรดิวเซอร์ ) ที่เก่งที่สุด (ในโลก ) รับรองเขารับคุณแน่ และถึงตอนนั้น เขาจะให้คุณกำหนดเงินเดือนด้วยตัวคุณเอง ( เรียกให้มากเท่าที่ใจอยากได้เลยคับ )ขอเพียงแต่คุณเป็น ช่าง(ผู้รู้) จริง ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ ช่าง(ผู้รู้)คุย , ช่าง(ผู้รู้)เรียกร้อง และ ช่าง(ผู้รู้)โวย
.http://p0p-it.blogspot.com/