ช่ายเลย
หลักการทำงานของ Balance ตามนั้นเลยครับแม่นแล้ว ขอเพิ่มเติมนิดนึงครับเรื่อง อิมพีเดี้ยนของไมค์ครับ ซึ่งคืออะไรในทางเทคนิคอธิบายกันยาวเลยขอละให้ไปลองหา seach ในเน็ตกันเองหละกันครับ
ลองสังเกตุไมค์รุ่นโปร ที่ใช้งานในสตูดิโอหรือ shotgun รุ่นใหญ่ ที่เราเห็นว่ามันเป็น balance XLR มักจะเป็นไมโครโฟนที่มีค่าอิมพีเดี้ยนที่ต่ำ
ในขณะที่ไมค์บ้านๆ ไมค์คาราโอเกะมันจะเป็น unbalance หรือแจ็ค phone หรือ RCA จะเป็นไมค์ที่มีค่าอิมพีเดี้ยนสูง
ทีนี้มันก็มาสู่เรื่องการ matching impedance กันแล้วครับ หลักการก็คือใช้อุปกรณ์ที่มีค่าอิมพีเดี้ยนที่สอดคล้องกันเชื่อมต่อกัน เช่นอิมพีเดี้ยนต่ำไปหา อิมพีเดี้ยนต่ำ ค่าสูงไปหาสูง
สังเกตุง่าย ๆ MIxer จะมีช่อง mic/line ให้เราเลือกเสียบ ช่องmic ก็จะเป็น XLR ช่อง line ก็จะเป็นแบบ phone นั่นแหละเค้าแยกอิมพีเดี้ยนของช่องสัญญาณเอาไว้ครับ ซึ่งจะให้ดีก็น่าจะเสียบให้ตรงช่องเพื่อให้ค่ามัน match กัน
จากเว็บในต่างประเทศ " A low impedance microphone should generally be connected to an input with the same or higher impedance. If a microphone is connected to an input with lower impedance, there will be a loss of signal strength."
เค้าบอกไว้ว่า ไมค์ที่มีอิมพีเดี้ยนต่ำหรือ balance จะต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่อิมพีเดี้ยนต่ำด้วยกันหรืออิมพีเดี้ยนสูงกว่าได้ แต่ถ้าไมค์ที่อิมพีเดี้ยนสูงหรือพวก unbalance เมื่อต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่อิมพีเดี้ยนต่ำกว่ามันจะเกิดการสูญเสียสัญญาณบางอย่างไป จึงต้องมีอุปกรณ์ประเภท direct box ซึ่งก็เหมือนเป็นหม้อแปลงชนิดหนึ่งมาแปลงนั่นเองครับ
แต่ในทางปฏิบัติจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร มีผลกับเสียงบ้างแต่ฟังผ่าน ๆ ก็ไม่มีใครรู้สึก ถ้าเจอแจ็คแบบ XLR ก็รวบขา 1และ 3 เข้าด้วยกันมันก็เป็น unbalance แล้วครับ เห็นบางคนเอาสัญญาณ unbalance เสียบเข้าช่อง balance เลยก็มีไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เรื่องเหล่านี้พวกซาวน์เอ็นจิเนียร์เค้าถึงจะซีเรียส
[ แก้ไขล่าสุดโดย tkratt เมื่อ 2011-09-26 21:59 ]