สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 5735เข้าชม
  • 26ตอบกลับ

ขอความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีภาพยนตร์ครับ

ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
พอดีมีการบ้านให้วิเคราะห์ภาพยนตร์ 3 เรื่อง และ 3 หัวข้อ เลยอยากถามในมุมมองของพี่ๆเพื่อนๆ ด้วยอะครับ

1. ขอบคุณที่รักกัน วิเคราะห์เรื่อง Contextual เกี่ยวกับบริบททางสังคม การเมือง
2. อุโมงค์มาเผมือง วิเคราะห์เรื่อง Feminism
3. รักจัดหนัก วิเคราะห์เรื่อง วาทกรรม และ มายาคติ

ปล. รบกวนพี่ๆเพื่อนๆ ช่วยสอนการบ้านผมหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
19
เงิน
491
ความดี
506
เครดิต
475
จิตพิสัย
923
จังหวัด
นนทบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 26#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-01
หนังที่อยู่ใน femenism  น่าจะเป็นเรื่อง แม่เบี้ย(ผู้กระทำ) คืนบาปที่โพพิราม(ถูกกระทำ)ถ้าจำขื่อไม่ผิด
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
19
เงิน
491
ความดี
506
เครดิต
475
จิตพิสัย
923
จังหวัด
นนทบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 25#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-01
ไม่จีรังยั่งยืน
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
19
เงิน
491
ความดี
506
เครดิต
475
จิตพิสัย
923
จังหวัด
นนทบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 24#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-01
มีอีก..ถ้าอาจารย์ของคุณ จะโยงหนังเรื่อง อุโมงค์ผาเมืองนี้ไปสู่  femenism ผมว่า อาจารย์คุณต้องกลับไปดูหนังเรื่องนี้ใหม่ เมื่อดูแล้วยังนั่งยันนอนยัน ให้มาอยู่ใน femenism ให้ได้ อาจารย์คุณก็ร่วมอยู่ใน สรรพสิ่งล้วน...
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
19
เงิน
491
ความดี
506
เครดิต
475
จิตพิสัย
923
จังหวัด
นนทบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 23#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-01
เรื่อง femenism (สตรีนิยม)นี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณกำลังทำการบ้านจากอาจารย์หรือเปล่าผมไม่ทราบคับ และผมไม่ได้มีการศึกษาถึงระดับนั้น แต่ถ้าเรื่อง อุโมงค์ผาเมืองนี่มันเกี่ยวกับ femenism รึป่าวอันนี้ถ้าเราจะโยงให้มันเกี่ยวมันคงจะหนีไม่พ้น..แต่ในส่วนตัวผมจริงๆแล้วผมว่าถ้าคุณนำมันไปสู่ ทฤษฎี femenism คุณอาจหลงประเด็นก็ได้นะ(ค.ห.ส่วนตัว) เพราะเรื่องนี้ผู้สร้างต้องการสื่อ ไปยังผู้รับ(ผู้ชม)ในเรื่องเหตุใดคนเราต้องโกหก ทั้งๆที่ไม่จำเป็น เพราะยังไง คนที่ถูกประหารนั้นยังคงเป็นโจรอยู่ดี 55 ฉะนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ หัวโขนที่เราทุกคนกำลังสวมกันอยู่ทุกวันเวลา หน้ากากสังคมนี้มันถอดออกยากยิ่งนัก เมื่อทุกคนสวมหัวโขนแล้วไม่มีสิ่งเร้าภายนอกมาทำให้เกิดปัญหามันก็คงไม่มีอะไรในกอไผ่..
  แต่ถ้าสิ่งเร้าภายนอกมาทำให้เกิดปัญหา อย่างในเรื่องนี้คืออะไร ผมเชื่อว่าหลายคนคงตอบผิด55
อย่างโจรป่ามันบอกไปว่า..เพราะไอ้ลมแผ่วเบานั่นแหละทำให้เกิดปัญหา มันเสือกพัดพาให้กิ่งไม้ไหว
แล้วไอ้ดอกไม้จัญไรมันตกลงมา ปลุกให้ฉันตื่นจากการหลับไหล พบเห็นเมียชาวบ้านมันงามจับใจ
และหัวโขนที่สวมอยู่คือโจร ซึ่งมันมีหน้าที่ต้องปล้นแย่งชิง นี่คือเหตุ เมื่อเห็นผัวของเธอเป็นผู้สูงศิกดิ์ ก็เกิดความอิจฉาในชาติกำเนิดของตน จึงอยากทำให้ เจ้าชายต้องเสียหน้าเลย จัดการ เสพเมถุนกับเมียเจ้าชายเสียต่อหน้าเพื่อความสะใจ นี่ก็คืออีกเหตุ
  ส่วนเมียเจ้าชายอีก พฤติกรรมมันส่อมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว ว่าร่านและสำส่อน(มีชู้มาก่อน) แต่โชคดีที่ได้เจ้าชายไก่อ่อน ก็เลยอยู่มาจนได้เจอกับ ความแข็งแกร่งและบึกบึนทนทานของโจร นีก็อีกหนึ่งของเหตุ ส่วนเจ้าชายก็มีหัวโขนที่สวมอยู่อย่างน่าสงสารที่สุดเพราะอยู่ในชนชั้นปกครอง กลัวก็กลัว เกียรติก็ต้องรักษานี่ก็หนึ่งในเหตุ ส่วน หม่ำ ก็เสือกเดินมาเจอเรื่องราวที่ตื่นเต้นน่ากลัวและเสียว(ทั้งเสียวและกลัวแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นอีก หนึ่งเหตุ
     ผมเขียนมายาวและบอกเหตุต่างๆที่ตัวละคร มาเจอกันนั้น นี่คือสิ่งเร้าภายนอกมาทำให้เกิดปัญหาและบวกกับจิตใต้สำนึกของแต่ละคนมาปะทะกันในเรื่องจนกระทั่งตายเพราะความลับในปมด้อยของแต่ละคนมาเปิดเผยกันในสถานที่นั้นตั้งแต่ข่มขืน จนเกิดเรื่องแฉความน่าอายกันต่อหน้า และนำพาไป ตอแหลกันที่ศาล เพื่อหาเหตุผลให้ตนเองนั้นดูดีที่สุด น่าเห็นใจที่สุด แต่หารู้มั้ยว่า ทุกคนกำลังแก้ผ้าทีละชิ้นๆ ให้สาธารณะชนได้ชมกันอยู่..อันเป็นที่มา..อันสรรพสิ่งล้วนตอแหล
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 22#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-30
ท่าน conco ทฤษฎีที่วิเคราะห์ คือ femenism ใช่ไหมครับ
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
19
เงิน
491
ความดี
506
เครดิต
475
จิตพิสัย
923
จังหวัด
นนทบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 21#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-30
เรียงพินิจคิดทางไปไกลยิ่งแท้ เงาตามแลหลิ่วตาถามยามทุกข์หน (ทาง)
ยิ้มเยอะเย้ยเย้าเงาน้อยคอยตามตน เล่าเรื่องคนหลากหลายให้ติดตาม
เจอคนดี คนบ้า หาลูกปัด(ตาลปัตร) ร้อยเรียงจัดเรืองฟ้ายิ้มสดใส
ทุกข์ของการเกิดมาเพื่ออะไร ตายแบบไหนดีกว่า ถ้าเตรียมทัน..
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 20#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-30
ตอบกลับโพส 18 โพสของ (victormc49)
ผมเรียนสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ก็ได้วิเคราะห์เหมือนกันครับพี่ เป็นงานในวิชาทฤษฎีตัวหลักๆ 555

ตอนนั้นทำเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นงานกลุ่ม หินน่าดู เสียดายผมน่าจะตั้งใจเรียนกว่านี้ในตอนนี้ มาตอนนี้ก็สายไปละ 5555
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
19
เงิน
491
ความดี
506
เครดิต
475
จิตพิสัย
923
จังหวัด
นนทบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 19#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-30
ผมได้ดูแค่เรื่องเดียว..คือ อุโมงค์ผาเมือง ซึ่งคุณballzoro วิเคราะห์มานั้นน่าจะมองภาพรวมขาดไป
ตัวเอก..คือพระครับ ที่รู้สึกสับสนกับ คนและสังคมที่ปัญญาตนเอง ไม่สามารถหาคำตอบจากเหตุและผล
ตัวรองคือ หม่ำ ครับ ผลพวงจากความยากจนแร้นแค้น และรู้เรื่องราวทุกอย่างแต่เลือกที่จะเงียบเพราะตนเองอยากได้ดาบไปขายให้ลูกที่อดอยาก
ต่อมาก็พงพัฒน์ สัปเหร่อ ผู้เข้าใจในโลกของความเป็นจริงที่สุดและอยู่กับมันอย่างถ่มถุยในมายาจริตของโลกมนุษย์
ส่วน..โจรป่า,เจ้าชาย,เมียเจ้าชายนั้นเป็นโจทก์ที่ทำให้พระสับสน ซึ่งความเป็นจริงแล้วนี่คือ ความจริงของสังคมพวกเราที่ดำรงอยู่(อันสรรพสิ่งล้วน ตอแหล)
ซึ่งคำตอบมันอยู่ที่ทุกคน คือ โจรป่า เมียเจ้าชาย คนทรง(ผีเจ้าชาย)และศาล และเจ้าหน้าที่(กองปราบ)
ข้อสังเกตุ..ทุกคนโกหกหมด แม้แต่ศาล ซึ้งใจร้องไห้ในนิทานคนทรงเจ้าบอก แต่สุดท้าย โจรก็ถูก ประหาร เพราะอะไร? เพราะคำว่าโจรไง  เป็นLogoของสังคม
ฉะนั้น..คนที่เป็นโจร ที่ไม่ถูกประหารไปตามบทก็คือโจร ในคราบนักบุญ นักธุรกิจ นักปกครอง โจรประเภทนี้ผมของเรียกว่า โจรปูเสฉวน พวกมันหา ดองมาครอบเพื่อปกปิด เป็นเกราะกำบังไม่ให้คนเห็น Logo ความเป็นโจรของมันไง..
      ผมไม่ค่อยรู้มากนะคับ เชียนไปตามความรู้สึก..รู้อะไรไม่สู้ รู้ไม่จริง
โพสต์
659
เงิน
24612
ความดี
22220
เครดิต
22966
จิตพิสัย
22999
จังหวัด
เชียงใหม่

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 18#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-29
ไม่ได้เรียนฟิล์มมา แต่เรียนการสื่อสารมวลชน เคยได้วิเคราะทฤษฏีทางสังคมที่ปรากฏในสื่อมาแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นได้ทำหนังเกาหลี เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมนี่แหละ มานั่งคิดพวกมายาคติพวกนั้นแหละเหมือนๆกันเลย ดูหนังไปก็คิดตามไป ถกกับเพื่อนๆ สนุกดี

กระทู้นี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน ปี4 ตอนที่ฉันมีวิจัยตัวสุดท้าย
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 17#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-29
ตอบกลับโพส 16 โพสของ (ballzoro)
Contextual แปลว่า ปรากฏการณ์ทางสัีงคม ที่อ่านมา น่าจะมีการเมือง คืิอ การแบ่งสีของคน เป็นสีนั้นสีนี้ เกิดจากความคิดเห็นไ่ม่ตรงกัน ซึ่งไม่ได้มีความขัดแย้งกันที่ระหว่างตัวบุคคลโดยตรง แต่เกิดจากคนบางกลุ่ม ที่เป็นแกนนำ ทำให้คนแบ่งสีกัน

เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในสังคม ซึ่งหนังก็เอามาผูกกับ เรื่องของนางเอกกับพระเอกไงครับ  เหมือนต้องการบอกว่า หลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆ ขัดแย้งกัน สุดท้ายก็น่าจะกลับมารักกันเหมือนเดิมดีกว่า โดยสื่อผ่าน ตัวละคร
คงเป้นการเชื่อใจมั่นใจในความคิดตัวเองโดยไม่ต้องฟังคนอื่นงี้ป่ะ ผมยังไม่ได้ดูเลยเดาข้อนี้เอา

ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 16#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-29
แล้วเรื่อง ขอบคุณที่รักกัน หัวข้อ Contextual มีความเห็นยังไงบ้างหรอครับ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
9
เงิน
126
ความดี
158
เครดิต
99
จิตพิสัย
650
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 15#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
โอ้ว ขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับความคิดเห็นที่ได้มา ทำให้ผมได้รู้ถึงแนวคิดหลายๆ อย่าง มาคิดทีหลัง เออว่ะ จริงหมดเลยที่เขียนมา
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 14#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
"มายา" คือ สิ่งที่ไม่ใช่ความจริง หลอกลวง
"คติ" คือ ความเชื่อ ค่านิยม ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ฯลฯ

หมายถึงสิ่งที่เรามองและตัดสินใจเองว่ามันจะดีหรือชั่วแต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เรากำลังมองมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ใน
ความคิดของเรา ซึ่งจากการฉายภาพมายาคติขึ้นมานั้นเพื่อสอดคล้องกับภาพที่ทุกคนกำลังมอง
"มายาคติ" ก็คือการที่ คนเราคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม เชื่อว่า สิ่งที่พวกตนเชื่อ สิ่งที่พวกตน
ปฏิบัตินั้นเป็นความจริงเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ซึ่งเกิดขึ้นจากการสร้างความหมายให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ไม่ว่าจะสร้างกันเองในกลุ่มหรือถูกสร้างมาก่อนแล้วก็ตาม โดยเรียกความหมายที่สร้างนั้นว่า "วาทกรรม" ซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่ทรงพลังอย่างมาก เพียงพอที่จะทำให้คนหรือกลุ่มคนที่ถูกนิยามความหมายจากวาทกรรม
นั้นๆ สูญสิ้นความเป็นคนไปก็ยังได้ ทั้งนี้วาทกรรมเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างมาเพื่อรับใช้สังคม
อธิบายง่ายๆ คือต้องมีการสร้าง "วาทกรรม" ก่อนจึงจะเกิด "มายาคติ"
มายาคติก็คือการเลี่ยงที่จะพูดถึงสิ่งใดๆ ก็ตามด้วยความหมายที่แท้จริง

ในหนัง รักจัดหนัก อ่านจากสรุปที่ให้มามันน่าจะมีความเชื่ออื่นๆอีกก็เป็นได้ที่มันซ่อนอยู่ แต่ไม่ทันมองไม่ทััน
สังเกต พอดียังไม่ได้ดู เลยเอาเท่าดูเทรลเลอร์มา  ความเชื่อที่ว่าแตกนอกแล้วไม่ท้อง นี่ก็มายาคติ ฟังต่อๆกันมา
ท้องแล้วต้องรับผิดชอบ  ท้องก่อนแต่ง มันน่าอาย เมนส์ไม่มาอาิทิตย์นึงก็คิดว่าตัวเองท้องแล้ว มันออกแนวๆอะไรที่เราคิดว่าทำแล้วถูกต้องคนในสังคมยอมรับว่ามันถูก มันควร แต่จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้ เขาจึงเรียกว่ามายาคติ โอย พิมพ์เองงงเอง เรียนมาตั้งแต่ตอน ปีสอง ได้มานั่้งเปิดตำราเลยนะเนี่ย 

[ แก้ไขล่าสุดโดย bryan เมื่อ 2011-09-28 21:33 ]
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 13#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-28
เรื่องอุโมงผาเมืองกับแนวคิด Feminism

ก่อนอื่นต้องมองที่เรื่อง Sex กับ Gender  


Sex คือ เพศที่กำหนดโดยธรรมชาติ ดูความแตกต่างทางสรีระเป็นเกณฑ์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
Gender  คือ เพศที่กำหนดโดยสังคม/วัฒนธรรม เป็นการหล่อหลอมผู้คนให้มีบทบาท คุณลักษณะ ตามที่สังคมคาดหวัง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามวัฒนธรรมของแต่ละสังคม และกาลเวลา

แล้วก็อธิบายตามสายของสตรีนิยมที่เค้าแบ่งอะครับ
ก็ีมีสายอนุรักษ์นิยม สายเสรีนิยม สายมาร์กซิสต์ สายหัวรุนแรง สายจิตวิเคราะห์  รายละเีอียดก็ลองค้นดูนะครับ

หัวข้อนี้มองในหนังน่าจะหาได้ไม่ยากนะครับ จะเป็นในเรื่องของ การมองหเพศญิงเป็นเพศที่ด้อยกว่าผู้ชาย ไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เป็นช้างเท้าหลัง เช่น ในวัฒนธรรมอิสานในวันพระจะมีการเอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอขมาสามีในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไป อะไรทำนองนี้อะครับ เป้นเรื่องความไม่เท่าเทียม
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
สามารถอัพโหลดไฟล์แนบ สำหรับโพสได้