รุ่นโน้น เขาใช้สตีนเบรค คือการเอาฟิลม์มาต่อกัน แบบแมนม่วนใช้มือจับฟุตเทจชนกันคัทต่อคัทกันเลยทีเดียว เป็นที่มาของคำว่า ถ่ายมาเยอะไปฟุตเกลื่อนเต็มพื้นห้องตัด เพราะอันที่เขาเลือกแล้ว จะถูกแขวนไว้หล่อๆ บนราว ทำอะไรทีต้องคิดให้จบ เพราะถ้าคิดไม่จบ ก็ต้องไปงมฟุตที่เกลื่อนบนพื้นนั่นอะ มาส่องอีก
รุ่นนั้น เขาใช้อนาล๊อค เริ่มสบายขึ้นและ กึ่งแมนม่วนไม่ต้องใช้มือไปสัมผัสฟุตเทจตรงๆละ สัมผัสผ่านที่หมุนๆขนาดเท่าอุ้งมือ(จ๊อค) เหมือนพนักงานโรงงานควบคุมเครื่องจักรประมาณนั้น ใหญ่โตขนาดนั้นเครื่องตัดอนาล๊อค นั่งแล้วดูเก่งขึ้นมาทันที อันนี้ทำอะไรก็ต้องคิดให้จบ เพราะเวลาจะแก้เนี่ย มันต้องรื้อจากจุดที่แก้ แล้วไล่วางใหม่หมด ลองนึกภาพถ้าถูกสั่งแก้ตั้งแต่จุดแรก อิอิ อันนี้ของขาดทีฟุตง่ายขึ้นมาหน่อย แต่ก็ปวดตา ปวดมือ พอดู กว่าจะซิ่งจ๊อค ไล่หาภาพจากเทปทีละม้วน
รุ่นนี้ เขาใช้ดิจิต้อล สบายขึ้นมาก จนคนตัดเริ่มง่อย คิดน้อยลง อดทนน้อยลง เพราะจะแก้จุดไหนก็ได้ จะหาภาพอะไรก็เซิจเอา แต่กระนั้นน้อยคน ที่จะจัดฟุตเทจอย่างมีระบบระเบียบจริงๆ แถมความสบายทำให้บางคนขีี้เกียจขึ้น ดูฟุตแบบรูด ต้องใช้ำคำว่ารูดไปมา มันเร็วกว่าบิดจ๊อคอนาล๊อคสุดมือ ประมาณล้านเท่าได้ คือ ตามองไม่ทันนั่นเอง บางทีภาพสวยๆก็หล่นหายไปเยอะ แต่ถ้าใครที่ขยัน และ มีความอดทน และ คิดจบในทีเดียว มันก็ เสือติดปีก ดีๆนี่เอง
[ แก้ไขล่าสุดโดย rotcerid เมื่อ 2011-10-05 02:23 ]