โดยส่วนตัว ผมมีความเห็นต่างกัน คุณ tanjaree นิดหน่อยนะครับ ไมค์ boom ก็คล่องตัวดี ตอน set up ถ่ายทำ แต่ output ที่ได้ออกมากมันไม่สู้ wireless ผมก็ถือว่า มันไม่ได้มาตราฐานนะครับ ผมว่าด้วยลักษณะของการที่เป็นรายการ ทีวี เนี่ย ไวเลส เป็นหลักเถอะครับ ผมต้องการได้ยิ้นเสียงพูดชัดๆ ภาพชัดๆ ไม่มืด ไม่สว่าง เกิน
เพื่อไม่ให้ความสนใจ (Attention) ของคนดูหลุดไป ทฤษฎีมันมีอยู่แล้ว และทฤษฎีมันก็มาจากผลการวิจัย ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์
อย่าลืมว่า หนังกับรายการ tv หรือ ละคร ก็ตามแต่ ต่างกันตรงที่ ความตั้งใจของคนดู ลองนึกภาพตามดู หนังถูกฉายในบนจอใหญ่ๆ ห้อง ปิดมืด คนดูถูกบังคับให้ดูสิ่งที่อยู่ต่อหน้า โฆษณาอะไรก็ตาม เราก็ต้องดูหมด ในระหว่างที่การเปิดชมทีวี หลายๆครั้ง เราไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆดู เราอาจกำลัง ทำอาหาร รีดผ้า นั่งเล่นคอม อ่านหนังสือ
เราแค่เปิด ทีวี เพื่อเป็นเพื่อน เรา ลอยไปลอยมา เหมือนกับ ฟังรายการวิทยุตอนขับรถนั่งแหละครับ ลักษณะเดียวกัน จะว่าไปแล้ว
เราอาจะกล่าวได้ว่า ทุกวันนี้เราดูทีวีด้วยหู ไม่ใช่ด้วยตา แค่ฟังก็เหมือนได้ดู เสียงจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในงาน TV ลองสังเกตุดูบทละคร TV กับบทหนังซิครับ ถ้าเป็นละคร จะเน้นให้ตัวละครพูดความรู้สึก (expression) ของตัวเองออกมา เผื่อว่าคุณแม่ที่กำลังยุ่งอยู่กับทำอาหาร จะได้ติดตามละครผ่านการได้ยินได้ในขณะเดียวกันกับที่ทำอาหาร ต่างกับหนังที่ ตัวละครจะไม่พูดมาก แต่จะแสดงออกทางสีหน้า การแสดง โดนมีมุมกล้อง มีsound ประกอบ ที่จะมาช่วยเล่าเรื่อง ซึ่งต้องอาศัยความสนใจของคนดู ถึงจะสื่อสารสิ่งนั้นออกไปได้ เพราะฉะนั้นรายการที่ดี ที่น่าสนใจ คือ รายการที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคนดูจะทำอะไรอยู่ก็ตาม เช่น กำลังรีดผ้าอยู่ก็ต้องหยุดรีด ได้ยินพิธีกรพูดเรื่องที่เราสนใจ หันมามองทีวี ปล่อยผ้าไหม้ ไม่สนใจ หรือ กำลังดูคลิบโป๊บนโน๊ตบุ๊ก ก็ต้องกด pause หันมาดู tv ก่อน เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องดึงคนดูให้ชมต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เปลี่ยนไปช่องอื่น (Alternative)
เพราะฉะนั้น การที่จะไปถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องมีการผสมผสานขององค์ประกอบที่ดี ทั้ง 2 ส่วน ก็คือ ส่วน content และ production แต่แน่นอน content นั้นสำคัญกว่าอยู่แล้ว ถ้า content ถูกใจ ก็กระตุกต่อมคนดู ดึงความสนใจเริ่มต้นมาให้เราละ แต่จะให้ความสนใจนั้นอยู่ต่อไปเรื่อยๆ production ก็จะเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ การถ่ายทำ ตัดต่อ แย่ เราก็ไม่ค่อยอยากจะดูละ ยกต้วอย่าง ถ้าคุณ อยากกินข้าวไข่เจียวหมูสับ (content) เพราะชอบไข่เจียวหมูสับมาก คุณไปร้านอาหาร สั่งมากิน ปรากฏว่า พ่อครัวทำออกมา (production) แล้วไม่อร่อย อาจจะไม่อร่อย เพราะ เค้าใช้วัตถุดิบในการปรุงที่ไม่ดี หมูไม่สด ไข่เน่า หมดอายุ (talent) กระทะที่ใช้ทอด ไม่ใช่แบบเว้านูน ทำให้ไข่ไม่อมน้ำมัน เลยไม่ฟู แป้งโกกิ ก็ไม่มี หรือเตาที่ใช้พัง ให้ความร้อนไม่เสถียร (equipment) หรือ แม้กระทั่ง ฝีมือพ่อครัว ไม่ถึง (skill) คุณชิมคำแรก คุณไม่ประทับใจในรดชาติ คุณก็วางช้อน ไม่กินต่อแล้ว ปล่อยมันอยู่บนจานอย่างนั้น แล้วคิดในใจ "กูอยู่บ้านทำเอง ยังอร่อยกว่าเลย"
งานสื่อภาพเคลื่อนไหว ก็ไม่ต่่างจากไข่เจียวครับ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น
เสียงที่ผมได้ยิน ค่อนข้างเบา และ แหบมากๆ ผมเสีย attention เร็วมาก ต้องเงี่ยหูฟัง แทนที่จะได้ดูสบายๆ ถ้าไม่ใช้ content ที่สนใจ ก็จะไม่ใช้ความพยายามในการรับชมแบบนี้แน่นอน ผมเชื่อว่าเพราะเป็นเสียงที่ผ่านการ proces ลด noise ลงมา เพราะ shot gun มันเป็นไมค์ละเอียด เก็บรายละเอียดเสียงมาเยอะ เสียงที่ไม่ต้องการ ก็เข้ามามาก ยิ่งคุณถ่ายในสถานที่ที่เราไม่สามารถ control เสียงรอบข้างไม่ได้อย่าง โรงพยายาบาลอย่างง่ี้ shotgun ยิ่งไม่เหมาะเข้าไปใหญ่ แม้ shotgun เป็นไมค์ที่ focus เสียงที่มาจากข้างหน้าไมค์ แต่มันก็แค่ foucs ไม่ได้ cancel เสียงด้านข้างได้ 100% ซะทีเดียว แถมมันยังเก็บเสียงที่มาจากหลังไมค์ด้วยเพื่อเป็นการลด ความเข้มของเสียงที่มาจากด้านข้าง เพราะฉะนั้นนี่ก็ถือว่าคุณใช้งานอุปกรณ์ผิดประเภทแล้ว shot gunในงานทีวี น่าจะเหมาะสำหรับมาใช้เก็บเสียงบรรยากาศทั่วไปที่ไม่ใช่เสียง คน เช่น เสียงรถขับผ่าน เสียงนก บนต้นไม้ เสียงน้ำไหล อะไรพวกนี้มากกว่า แถมในเรื่องเข้ากล้องอีก จะ tilt สูง จหรือจะกดต่ำก็ไม่ได้ บูมแมนก็ระวังกล้องอีก เดี๋ยวโดนด่า เลยกลายเป็นความไม่อิสระปซะงั้น สู้ wireless ก็ไม่ได้ จะขยับกล้องมุมไหน ตามบายเลยเลยคร้าบบบ
แนะนำให้เช่า wireless มา เฉลี่ยราคามัน ชุดละ 500 บาท เช่ามา 2 ชุด ค่อคิว แล้วก็แนะนำให้ลงทุนซื้อ H4n มาซักหน่อย H4n มี phantom นะครับ ก็จะช่วยให้ RODE NTG-2 เสียงดังฟังชัด มีคุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม แถมคุณจะได้ใช้ jack แบบใช้ Balance ด้วย หมดปัญหาเรื่องจี่ สายหลุดง่ายแล้ว
หรือถ้าลูกค้าพอใจแล้ว และไม่ต้องการจ่ายค่าอุปกรณ์เพื่มให้ เพราะก็ไม่มีจะให้แล้วเหมือนกัน นั้นก็อีกเรื่องนึงครับ ไม่ต้องลงทุนให้เจ็บตัว เก็บเอากำไรมาให้มากที่สุด แต่ก็แค่เราก็จะรับงาน scale นี้ได้เรื่อยๆ เราก็จะอยู่แค่นี้ต่อไป อัพยาก เท่านั้นเองครับ
[ แก้ไขล่าสุดโดย victormc49 เมื่อ 2011-10-08 03:12 ]