ถึงเวลาแล้ว..ที่เราต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีในปัจจุบัน..

ถึงเวลาแล้ว..ที่เราต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยีในปัจจุบัน..
      จากกระทู้การทำงานของช่างภาพนิ่งกับช่างวีดีโอ อ่านเม้นท์ของพี่ๆในเว็บ ปัญหามีมากมายเกินกว่าที่คิดไว้ ก็เลยมานั่งนึกว่า คงถึงเวลาที่คนทำงานอย่างพวกเราต้องปรับตัว
กันขนานใหญ่ ( ยกเครื่ององค์กรใหม่หมด ) คิดเล่นๆชอบไม่ชอบก็ผ่านเลยไปได้.....เริ่มแรกเตรียมตัวตามนี้ก่อนคับ ( สำหรับช่างภาพนิ่ง )…
1. ควรมีเครื่องคอมฯ ติดตัวออกงานไปด้วยทุกครั้ง และสามารถที่จะถ่ายโอนข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา …
2.ใครที่ไม่มีกลุ่ม หรือไม่มีความรู้ คุยเล่นกับ ก๊วน แก๊ง ต่างๆ ต้องปรับตัวเริ่มหาวิธีสมัครเข้ากลุ่ม และหัดรับส่งภาพ ไปยังเว็บที่ตัวเองเป็นสมาชิกอยู่ รวมถึงสมัครสมาชิกเผื่อไว้
สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการอยู่ด้วย เช่น ทวิตเตอร์, เฟสบุ๊ค, ไฮไฟท์ ฯลฯ 


เมื่อเตรียมพร้อมครบ 2 สิ่งนี้แล้ว ต่อไปก็มาถึงวิธีการนำไปใช้คับ...( สมมติงานแต่งงาน )...
วิธีที่ 1  ให้ลูกค้า( บ่าวสาว ) สมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง( ถ้าไม่มี ) แต่ผมว่าปัจจุบันมีกันหมดทุกคน เช่น เฟสบุ๊ค เมื่อเราถ่ายภาพนิ่งครบส่วนหนึ่งแล้ว 
          ก็นำโหลดเข้าในกลุ่มที่บ่าวสาวเป็นสมาชิกอยู่ ( เฟชบุ๊ค ) แล้วให้เพื่อนๆหรือญาติพี่น้อง ไปโหลดกันเองอีกครั้งหนึ่ง  (อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ ) ….
วิธีที่ 2  หากรีบด่วน ก็โหลดเข้าคอมฯ ณ ตอนนั้นเลย แล้วส่งต่อไวไฟไปยังโทรศัพท์เครื่องต่างๆ ( ใครต้องการรูปก็ให้เปิดเครื่องไว้เลย ) อาจยุ่งหน่อย เหมาะที่จะใช้ส่งภาพ 
          เป็นการเฉพาะภายในครอบครัวเท่านั้น ( งานหมั้น ) แต่ถ้าคนจำนวนมาก เช่น การถ่ายภาพหมู่ คงต้องใช้วิธีที่ 1 ดีที่สุด ..( โหลดในงานได้ทันที ถ่ายปุ๊บโหลดปั๊บ )….
    ….การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น การฝากกล้องให้ช่วยถ่าย โดยเฉพาะภาพหมู่  ( ฝากกล้องถ่าย 10 ตัว เผลอทำกล้องหล่นอีก )
ถ่ายเสร็จบอกให้ไปโหลดภาพหมู่ในเฟสบุ๊คของบ่าวสาว อาจจะบอกล่วงหน้าให้แขกที่มางานรู้ตอนลงชื่ออวยพร หรือจะเน้นยำ้ให้พิธีกรบนเวทีพูดอีกครั้งเพื่อไม่ต้องแย่งกันถ่ายภาพ
        จริงๆแล้ว วิธีนี้สำหรับวงการภาพนิ่ง ผมเคยเห็นเวดดิ้งนำเสนอลูกค้าผู้มีเงินทั้งหลาย โดยใช้กล้องภาพนิ่งส่งไวไฟภาพไปยังจอคอม แล้วภาพจะไปขึ้นที่จอทัชสกรีนใหญ่
ให้เจ้าของภาพเขียนชื่อ พร้อมจดเมล์ส่วนตัว และนำส่งให้ตอนนั้น สอบถามแล้วค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000 บาท ( ให้ไว้เป็นแนวทางในการนำไปปรับใช้สำหรับโปรดัคชั่นเล็ก )…


        ….สำหรับลูกค้าเจ้าของงาน ก็คงต้องปรับตัวเหมือนกัน ( อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าอยากได้งานที่มีคุณภาพ ) ลูกค้าหลายคนเริ่มเข้าใจถึงประสิทธิภาพว่ากล้องDSLR 
มีคุณภาพกว่ากล้องวีดีโอ ( เป็นบางรุ่น ) แต่ลูกค้าก็จำต้องแลกมาด้วย จำนวนคนทำงานที่มากขึ้น อาจไปกวนแขกที่มาในงานได้ ( วันนี้ลูกค้ายังไม่คิด วันหน้าลูกค้าคิดแน่ )
ลูกค้าอาจต้องปรับและเพิ่มค่าใช้จ่ายบางส่วน เช่น ยกพื้นเวทีให้สูงขึ้น หรือ ติดตั้งเครื่องโปรเจคเตอร์ที่อยู่ด้านหลัง หรือ กำหนดพื้นที่การทำงานของช่างภาพให้อยู่ด้าน
ซ้ายขวาข้างเวที นั่นหมายความว่า บ่าวสาวอาจจะต้อง หอมแก้ม 2-3 หน เพื่อให้ กล้องซ้ายขวา และแขกที่อยู่ตรงกลางได้เห็น ( เคยมีบ่าวสาวทำแบบนี้เหมือนกัน )….. 


  ….สำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ( กล้อง DSLR ) คงต้องเริ่มปรับตัวในการใช้กล้องเหมือนกัน นั่นก็คือ จะทำอย่างไรในการจำกัดจำนวนคนทำงานให้น้อยที่สุด 
เพื่อไม่ให้ไปกวนแขกที่มาในงาน ( ในกรณีที่ลูกค้าไม่ยอมเพิ่มค่าใช้จ่ายส่วนอื่น แต่กลับหันมาใช้วิธีจำกัดคนทำงานแทน )  และถ้าลูกค้าต้องการนำภาพขึ้นจอล่ะ ทางช่างภาพ 
DSLR ก็คงต้องเตรียมอุปกรณ์ ในการทำงานให้พร้อมเช่นกัน.. ( และอย่าลืม ฝึกปรือ เพิ่มกลยุทธ์ ในการทำงานเพียงคนเดียวให้ได้ ) …มันมาแน่ กรณีนี้..


      …ณ วันนี้ ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า จะเลือกใช้วิธีใดในการทำงาน ขึ้นอยู่กับลูกค้าเป็นสำคัญ ( รวมถึงค่าใช้จ่ายด้วย ) 
            วันนี้ทุกคนรู้ว่าเทคโนโลยีก้าวไกลช่วยให้ทุกสิ่งดีขึ้นกว่าเดิม แต่ทุกอย่างก็เหมือนกำลังเดินกลับสู่จุดเริ่มต้น ( เหมือนที่เป็นมา ) ในอดีต...
….กรณี 1  - ใช้ทีมกล้องวีดีโอทั่วไป คุณภาพสู้ทีมกล้อง DSLR ไม่ได้...
….กรณี 2  - ใช้ทีม DSLR จำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้น กวนแขกผู้มางาน..
….กรณี 3  - และถ้าใช้ทีมวีดีโอ ที่มีกล้องคุณภาพเทียบเท่า DSLR ล่ะ ( คุณภาพดี จำนวนคนน้อย ต่อโปรเจคเตอร์ได้ ) ทำงานหลากหลาย คล่องตัวมากกว่า 
                 ( ยังไม่พูดถึงเรื่องเงิน ) พูดง่ายๆ ก็คือ ทีมกล้องวีดีโอรุ่นเก่า ปรับตัวสู้ไม่ถอย ( เริ่มมีให้เห็นแล้ว )……


         อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้วิธีไหน มีทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือนกันทุกกรณี ทางที่ดีที่สุด ก็คือ พูดคุยกับลูกค้าให้เข้าใจถึงรายละเอียดขั้นตอนในการทำงาน
อย่างไม่ปิดบัง ( แรกๆก็ปิดๆเปิดๆไปก่อน ถ้าลูกค้าเข้าใจและยอมรับก็ค่อยเปิดหมด ) ค่อยๆแก้ไปทีละปัญหา อันไหนที่ลูกค้ายืนกรานไม่ยอมเราก็คงต้องยอมถอย 
        ……….ปรับตัวหากลยุทธ์วิถีทางของตัวเอง พยายามยืนอยู่ในตลาดให้ได้ ก็เพราะคำนี้คำเดียวเท่านั้น " ความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก  "……….  

ผมไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ แต่ผมก็ได้ความรู้จากประสบณ์การจากพี่ๆ เนี่ยแหละครับ ชอบม๊วก

การถ่ายรูปแล้วอัพโหลดเลย โดยใช้กล้องหลักที่จ้างไปถ่าย บอกได้เลยว่าวุ่นวายและปั่นป่วนมากๆเลยครับ

1.ไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่มากๆ และร้อยละ97.5ถ่ายเป็น RAW ไฟล์ เพื่อนำไปทำต่อภายหลัง ยังไงก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี

2.แขกที่เอากล้องมาฝากถ่าย จะยังไงเค้าก็จะฝากถ่ายอยู่ดีครับ เหตุผลเดียวร้อยละ98.825 ที่เค้าตอบกลับมาคือ เค้าอยากให้ถ่ายกล้องเค้า จะเอากล้องเค้าถ่าย ก็กล้องพี่ยังไม่มีรูปเลย จบข่าว

ส่วนการจำกัดพื้นที่การทำงานของช่างภาพ ทำได้ครับ เคยมีด้วย แต่เจ้าของงานก็ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า คุณจะได้ภาพตามตำแหน่งและมุมที่จัดให้ไว้เท่านั้นนะ จะยอมหรือเปล่า

3.จริงๆแล้วงานของกล้อง D-slr กับกล้องวีดีโอเนี่ย จะแยกกันชัดเจนครับ กล้อง ภาพนิ่งจะถ่ายเพื่อนำไปทำเป็นไฮไลท์สรุปงาน บางเจ้าอาจจะมีตัวที่เป็นเนื้อหาของงาน บางเจ้าก็ไม่มี จุดประสงค์ก็เพื่อนำเสนอภาพรวมของงานดูง่าย ชัดเจน กระชับ และง่ายในการนำมาเปิดดูซำโดยที่ไม่เบื่อปิดไปก่อนที่จะจบ

ส่วนกล้องวีดีโอ จะรับหน้าที่ในส่วนของการถ่ายทอดสดในงาน และเก็บรายละเอียดของงาน ความยาวจะมีตั้งแต่ชั่วโมงขึ้นไปจนถึงหลายชั่วโมง ซึ่งจริงๆแล้วตรงนี้จะแก้ปัญหาเรื่องช่างภาพบังแขกได้เยอะครับ

เพราะแขกสามารถดูรายละเอียดของงานผ่านจอในงานได้ ผมว่าชัดกว่าดูด้วยตาตัวเองอีกนะ

ส่วนเรื่องการเอาภาพเคลื่อนไหวจากกล้องภาพนิ่งขึ้นจอในงานเลย ผมยังไม่เคยเจอใครทำนะครับ เจอที่ขอมาแต่เราก็จะบอกว่า ทำไม่ได้ ถ้าจะเอาขึ้นต้องไปจ้างกล้องวีดีโอมาทำครับ

ส่วนงานเช้าฉายเย็น เราก็จะเอาเคื่องไปตัดต่อให้อยู่แล้วครับ

ล่าสุดที่เจอมา สายฉายเที่ยง เราก็ทำให้ได้ ตามแต่เวลาจะเอื้ออำนวยครับ

สมมุติ ช่างวาดรูป ซื้อผ้าใบ มาราคาเท่ากัน แปรง ภู่กัน สี กระป๋อง ราคาเดียวกันยี่ห้อเดียวกัน
วาดรูปขนาดผืนผ้าใบเท่ากัน
วาดเสร็จ ทำไม ราคาต่างกัน ล่ะครับ
มันไม่ใช่ว่าเช่าเยอะ เช่าน้อย แล้วมันจะดีกว่า ด้อยกว่าอะไรหรอกครับ
คุณภาพของงาน มันคือความชำนาญและฝีมือ
ถ้าฝีมือสมราคาเสียแล้ว เรื่องค่าตัวไม่มีปัญหาครับ
มันมาให้เอง ไม่มีใครกดด้วยครับ
ทำงานตัวเองให้ออกมาสมราคา แล้่วจะไม่มีใครต่อราคาครับ ผมยืนยันได้เลย

อย่าเสียเวลาคิดถึงแต่เรื่อง ราคาที่เท่ากัน
คิดถึง คุณภาพของงานที่คุณจะพัฒนาได้จะดีกว่าครับ
งานดีๆ ไม่มีใครกดราคาครับ

กระทู้นี้โดนบล็อค ระบบจะซ่อนข้อความหรือไฟล์แนบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ดูแล!

ทุกวันนี้ ไปถ่ายวีดีโอ บางงาน ได้ช่วยเรื่องทางเทคนิคเยอะเลย เปิดพรีเซเทชั่นไม่ได้ก็มาถามผม ดีนะ ติด NB ส่วนตัวไป เลยเปิดให้ได้
บางงานฝ่ายแสงสีเสียงมันไม่ทำอะไรเลย - -"  ไปถามอะไรก็โยนงานกันไปมา เหนื่อยกว่าถ่ายวีดีโออีก ตัดปัญหาเอาคอมไปเปิดให้แม่มเลย

เรื่องเรทราคาคงตายตัวยากเหมือนที่พี่โมชั่น เอ บอก เพราะลูกค้าก็หลายระดับ ความต้องการออปชั่นต่างๆไม่เหมือนกัน อิอิ

กระทู้นี้โดนบล็อค ระบบจะซ่อนข้อความหรือไฟล์แนบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ดูแล!

ผมว่า จขกท เป็นคนช่างคิด แถมยังคิดเป็นระบบ เป็นเรื่องเป็นราวดี

น่าจะไปเป็นนายกสมาคมอะไรซักอย่างไปเลยเนาะ

ผมว่าแล้วแต่ ตลาดครับ
บน - จ้างมืออาชีพอยู่แล้ว สรรหาแบบที่ชอบ สรรหาแบรนด์เนม ออแกไนซ์จัดให้ หรือจัดเองใส่ใจทุกรายละเอียด
กลาง - ก็จ้างมืออาชีพ ตาม budget ซีเรียสมากถึงน้อยกับเรื่องผลงาน ขอให้มี ไม่อยากให้เพื่อนถ่ายเอง เพราะกลัวไม่ดี (เพราะศึกษามาบ้าง) แต่ก็ให้เพื่อนมาแจมบ้าง เห็นทีไร พอเข้างานช่วงพิธีการ หายต๋อม
ล่าง - มีก็ดี ไม่มีก็ได้ budget จำกัด เลยให้พี่น้องเพื่อนๆถ่าย
ความต้องการก็แตกต่างกันไป
ทำตัวให้ไหลลื่นดีที่สุด

อ้างอิง

อ้างอิงโพส 2 ต้นฉบับโพสโดย kai35 เมื่อ 2011-11-05 17:22  :
อนาคตไม่ต้องจ้างถ่ายกันแล้ว..เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีกล้องกันทั้งนั้น..แถมมาศึกษาการถ่ายทำที่ WEB thaid กลับไปถ่ายเป็นกันหมด แถมคนรับจ้างไม่พัฒนาเจ้าของงานเลยให้เพื่อนถ่ายดีกว่าไม่ต้องเสียเงินและเสียอารมย์.....คนรับจ้างที่ไม่พัฒนาตกงานกันเป็นแถว.......     

เหตุการ์ณเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วสมัยกล้องDVราคาหมื้นต้นๆ บ่าวสาวซื้อกล้องมาแล้วให้เพื่อนๆญาติๆถ่ายกันเอง
จนทำให้ช่างวีดีโอมืออาชีพต้องหันมาลดราคาค่าถ่ายทำกันเป็นแถว
จากราคาเมื่อ 15 ปีก่อน 5,000-10,000 บาท ลดมาเหลือ 3,000 บาท
และก็ปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้นสำหรับงานวีดีโอพิธีการ(ราคามันเสียไปแล้วล่ะ)

วันนี้ CInema เป็นอีกทางออกของคนทำงานที่ยังคงได้ราคาที่เหมาะสม
และลูกค้าก็ได้งานที่คุณภาพมากกว่าที่จะให้เพื่อนๆญาติๆถือกล้องถ่ายกันเอง
อยากให้ทุกท่านที่ทำงานด้านนี้รักษางานคุณภาพไว้เพื่อจะได้มีงานทำกันต่อไป

อนาคตไม่ต้องจ้างถ่ายกันแล้ว..เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีกล้องกันทั้งนั้น..แถมมาศึกษาการถ่ายทำที่ WEB thaid กลับไปถ่ายเป็นกันหมด แถมคนรับจ้างไม่พัฒนาเจ้าของงานเลยให้เพื่อนถ่ายดีกว่าไม่ต้องเสียเงินและเสียอารมย์.....คนรับจ้างที่ไม่พัฒนาตกงานกันเป็นแถว.......

วันนี้ผมไปถ่าย video ไปแค่ 2 คนนะครับ

เพื่อนเจ้าบาว มี............
1.แทบเล็ต 2 เครื่อง
2. cannon 7 d    2 ตัว
3. nikon D90   1 ตัว

เพื่อนเจ้าสาว
1. canon 550D 1 ตัว
2. มือถือที่มันแพง ๆ ถ่ายรูปดี ๆ ไม่อยากนับ ยกขึ้นมา
และเจ้าสาวจ้างช่างภาพประจำ อีก 2 คน ใช้ 5D

เหมือนไปถ่ายงานดาราดังแต่งงานเลยครับ

ถ่ายยากมาก แต่ก้มันดี....ได้บรรยากาศ