@@ ข้อดีที่เป็นหนังไทย ข้อเสียที่เป็นหนังไทย @@

ได้มีโอกาสดูในโรงภาพยนตร์ดั่งที่ลั่นวาจาไว้ว่ามีหนังแบบนี้ต้องดูในโรงเท่านั้น ก่อนหน้านั้นได้ยินมาบ้างว่า หนังเรื่องนี้พยายามไปเหมือนหรืออยากเหมือน Social Network ที่เข้าฉายก่อนหน้านั้น

และนั่นคือ ข้อเสียที่เป็นหนังไทย

โลกนี้มีหนังอย่าง Black Hack Down และมีหนังอย่าง We Were Solider  หรือเร็วๆนี้อย่าง 30 on sale กับ 30 กำลังแจ๋ว
ผู้เขียนก็ไม่รู้ว่าตรรกะอะไรที่ทำให้หนังอย่าง Top Secret กับ Social Network ถูกนำไปเปรียบเทียบกันแบบเหยียดๆ หรือว่าหนังมันดีไป ต้องหาอะไรมากดๆมันตามสัญชาติญาณของคนส่วนมาก เพราะหนังที่ว่าทั้งหมด มันถูกจำกัดด้วยคำว่า “ หมวดหมู่เดียวกัน “

แต่ไม่ผิดหรอกที่ใครส่วนมากจะรู้สึกแบบนั้น เพราะหนังเรื่องนี้ก็สะท้อนได้ชัดเจนว่า ตัวละครเด็กผู้หญิงก็คือภาพสะท้อนของคนส่วนมาก ถ้าใครได้ดูคงพอจะย้อนนึกได้ ส่วนตัวละครเด็กผู้ชายที่เป็นพระเอกก็คือภาพสะท้อน ของคนที่คิดต่างกับคนอีกกลุ่ม นอกจากความคิดแล้ว พลัง ความพยายาม ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และ ขนาดความยากของสนามแห่งชีวิต ยังแตกต่างกันอีกด้วย

ฝ่ายหลังเลือกที่จะลงเล่นในแบบยากสุดก่อนเวลา เวลาที่ว่า คือ ความเชื่อร่วมกันของสังคม ทำให้ตัวละครอื่นๆในเรื่องดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจตัวละครเด็กผู้ชายเลย เพราะการลงสนามยากสุดก่อนเวลาตามความเชื่อร่วมกันของสังคมนั่นเอง นอกจากลุงคนสวนที่สัมผัสรากจิตใจของตัวละครเด็กผู้ชายได้มากกว่า ตัวละครพ่อ แม่ หรือ แฟน เสียอีก

และนั่นคือสิ่งที่ตัวละครเด็กผู้ชายต้องการที่สุด เขาไม่ต้องการคนมากมาย ขอแค่คนๆเดียวที่เชื่อมั่นเขาอย่างจริงๆก็พอ ซึ่ง ลุงคนสวน คือคนๆนั้น แต่ผู้เขียนเดาว่า อาจเป็นเพราะลุงคนสวน ไม่ได้ผ่านความเชื่อร่วมกันของสังคม ทำให้เกิดจุดเชื่อมกันอย่างลงตัว

สุดท้าย ตัวละครเด็กผู้ชายที่ไม่มีใครเคยคิดจะเข้าใจ ในที่สุด กลายเป็นตัวละครที่ใครๆก็อยากจะเข้าใจ แต่พอถึงจุดนี้ จากแววตาและรอยยิ้มของตัวละครเด็กผู้ชาย ทำให้รู้ว่า “ กูไม่ได้สนใจตรงนั้นแล้วว่ะ”

งานกำกับของ พี่ย้ง ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นผู้กำกับที่เหมาะสมกับเรื่องราวหนักๆ พิถีพิถันกับงานทุกด้าน จนหนังออกมากลมกล่อมลงตัว ทั้งงานเล่าเรื่อง และ งานเทคนิค เชื่อว่า พี่ย้ง กับ ทีมสร้าง คงต่อยอดกันได้อย่าสนุก จนสามารถนำแอมเบี๊ยนต่างๆ มาวางไว้ตามจุดขับเคลื่อนหลักต่างๆของเรื่อง ข้อดีของการวางตามข้อต่อขับเคลื่อนเรื่องก็คือ ลักษณะพิเศษต่างๆที่มีผลกับความรู้สึกของคนดู

ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแสงให้มีรถขับผ่านจากข้างหลัง เผื่อให้เป็นแหล่งแสงปาฎิหารย์ของเจ้าแม่กวนอิม

ไม่ว่าจะเป็นพาตัวละครขับรถเข้าอุโมงค์ผ่านแสงไฟ ประหนึ่งว่าในหัวของตัวละครกำลังทำงานเร็วแค่ไหน

ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบไลนก์กล้อง และ บล๊อคกิ้ง ในขณะที่ตัวละครไปซื้อถ่านไฟฉาย จนเกิด 7-11 ปิรามิด

ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบซิททูเอชั่นตอนลุ้นเอกสารจากทาง 7-11
เสียอย่างเดียว ซีนที่เจ้าแม่กวนอิมมาปรากฎตัวเป็นๆ ไม่รู้ว่าจะมาจากบท หรือ หน้ากอง หรือ ใครขอมา เพราะมันช่างดูโดดออกมาจากทั้งหมดที่กล่าวมา ดูทื่อๆ ซื่อๆ อาจเป็นเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้ผู้เขียนมองจุดนี้ในมุมที่แปลกไป

งานแสดง น้องพีช เป็นนักแสดงอีกคนต่อจาก แน๊ค ไมเคิ่ล และ เอล๊ก ที่เป็นภาษาเมืองนอกต้องบอกว่า อยู่ในกลุ่มนักแสดงรุ่นใหม่ยอดฝีมือ ถ้ารับเลือกๆบท เลือก ผู้กำกับ หน่อย ไม่รับเลอะเทอะเหมือน แน๊ค ต้องบอกว่า ไม่แน่ถ้าจะเอาดีจริงๆ ฝีมือแบบนี้ ระดับเอเชีย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

แต่ที่เซอไพร้สจริงๆ คือ อาเปี๊ยก จะบอกว่าเป็นการค้นพบ ก็ไม่รู้ว่าจะถูกมั๊ย เพราะไม่รู้ว่าอาเปี๊ยบเคยแสดงมาเยอะขนาดไหน แต่ในเรื่องนี้ ทุกๆครั้งที่ดูอาเปี๊ยกแสดง ทำให้นึกถึง คลิ้น อีสวู้ด ทุกที

อาเปี๊ยก ให้การแสดงที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อนในหนังไทย มันดูพอดีมากๆในทุกๆซีน เวลารู้สึกอะไรแทบไม่ต้องพูดออก เพราะสื่อออกมาทางดวงตา และ สีหน้า หมดแล้ว

และทั้งหมดนี้คือ ข้อดีที่เป็นหนังไทย

  

หนังเรื่องนี้ผมไปดูมา ดีทุกอย่างครับ ชอบบบบ

กระทู้นี้โดนบล็อค ระบบจะซ่อนข้อความหรือไฟล์แนบอัตโนมัติ สามารถมองเห็นได้เฉพาะผู้ดูแล!

เขียนได้ดีมากครับฝากหนังเรื่องอื่นให้พี่เขียนอีกได้ไหมคับ

อ่านเพลินดีครับพี่

หนังเรื่องนี้ผมก็รู้สึกสะดุดตรงเจ้าแม่กวนอิมเหมือนกันครับ

แต่โดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว