วิธีสร้างความประทับใจเกินความคาดหมายให้กับลูกค้า..

กะล่อนไว้ก่อน p0p-it  สอนไว้ ( น้องใหม่ไม่อยากให้อ่าน )..เป็นหัวข้อเก่า แต่พี่หลายคนกลัวว่ามีความหมายในทางไม่ดี
เลยขอเปลี่ยนเป็น หัวข้อใหม่นะคับ..

 

       .. เดิมบทความนี้ตั้งใจไว้ว่าจะให้เขียนให้พี่ที่ ( เคย ) เก่ง แต่มาวันนี้เริ่มมีปัญหา.... ฯลฯ…

  - หมดไฟในการทำงาน เพราะก้าวตามเทคโนโลยีไม่ทัน ( พูดง่ายๆก็คือไม่มีตังค์ซื้อ )..

  - มีกล้องวีดีโอที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ปัจจุบันต้องหลบให้น้องใหม่ DSLR  ( แก้ปัญหาไม่ตก )..

  - งบลูกค้าที่จ้างก็น้อยจนไม่อยากมองตัวเลข .. ( มองทีไรเป็นหมดกำลังใจในการทำงาน ) ...

    และด้วยความบังเอิญมีพี่ในเว็บถามถึงปัญหาที่ลูกค้าต้องการในการจ้างงาน แต่ทำให้ไม่ได้ พอดีอยู่ในบทความนี้

    เลยรวมประเด็นเป็นลูกเล่น ให้อ่านเล่นขำๆ คลายเครียดไปด้วยในยามนำ้ท่วม ( ลูกค้าตัดงบยาวแน่..ปีหน้า )..

      ก่อนอื่นขอบอกวัตถุประสงค์ในการเขียนบทความชิ้นนี้ มาจากสาเหตุหลายประการ ( ตัวเองก็เจออยู่เหมือนกัน  )

    - ลูกค้าตัดงบครึ่ง แต่ต้องการคุณภาพเท่าเดิม...

    - เลิกทำงานแบบปิดทองหลังพระ หลายคนโชว์ความสามารถให้ลูกค้าเห็นด้วยผลงาน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

       นับแต่วันนี้ไม่พอแล้วคับ ต้องดูทิศทางลมด้วย เช่น บริษัทมีพนักงานอยู่ 2 คน นาย A ทำงานเก่ง นาย B ทำงานไม่เก่ง

       ทุกวัน 2 คนเข้าทำงานพร้อมกัน ถึงเวลาทำงาน นาย A ก็ทำแป๊บเดียวเสร็จ (ก็บอกแล้วว่าเขาเก่ง) ขณะนี้นาย B ไม่เริ่มซะที

       พอบ่ายเจ้านายมา นาย B ค่อยทำงาน ส่วนนาย A ทำเสร็จแล้วก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เป็นแบบนี้ให้เห็นทุกวัน ถามว่า

       ถ้าคุณเป็นเจ้านายคุณเห็นนาย A นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันตอนคุณอยู่ ขณะเดียวกันที่เห็นนาย B ทำงานคนเดียว

       คุณในฐานะเจ้านายจะหวั่นไหวไหม...บางคนอาจจะเถียงในใจว่า ก็ให้ดูที่ผลงาน นาย A ทำงานดีกว่า เก่งกว่า เร็วกว่า นาย B

       ไม่ว่าจะพูดมุมไหนถูกทุกข้อ แต่ถ้าเราคิดใหม่ ให้นาย A ทำงานเหมือนเดิม แต่ทำให้เจ้านายเห็นบ้าง..ไม่ใช่ทำอยู่คนเดียว

       เทียบกับการทำงานโปรดัคชั่นเหมือนกัน บางโปรดัคชั่นอุปกรณ์ตูม ,อีกโปรดัคชั่นเล็กนิดเดียว เทียบกันลูกค้าเห็นก็หวั่นไหวคับ...

    -และอีกประเด็นหนึ่ง ทีมงานใหม่ที่ก้าวกระโดด พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีเต็มพิกัด ( หลายทีมที่มาพร้อมอุปกรณ์ใหม่ครบชุด )

       กรณีนี้น่ากลัวสุดๆ เพราะถ้าพร้อมด้วยเงินทุนและไม่อั้นเทคโนโลยี ฉลุยด้วยความเก่งของคนทำงาน ..( รับรองรวยโลด )..

             ณ วินาทีนี้ ใครที่มีอุปกรณ์จำกัด ( จนไม่มีเงินซื้อ ) ไม่พร้อมเทคโน ( ใช้โปรแกรมเก่า ) นับแต่นี้ไม่ต้องกลัวแล้วครับ
เรากำลังบอกวิธีสร้างความประทับใจเกินความคาดหมายให้กับลูกค้า พูดง่ายๆก็คือชวนพวกพี่มา " ปิดทองหน้าพระกัน " คับ

    วิธี 1งบน้อยแต่อยากจัดไฟให้ดูตูมเหมือนสยามไลท์ ง่ายมากคับ ไปที่คลองถมซื้อไฟส่องสนาม 300 W ดวงละ 200 พร้อมหลอด

            ซื้อมาเลย 10 ดวง ถ้าซื้อพร้อมขา 2 ดวงคู่ พันกว่านิดๆ ( ลงทุนครั้งเดียว ) แล้วก็นำมาใช้ จัดเต็มเพื่อสร้างบรรยากาศ

            ยำ้ มีกี่ดวงใช้ให้หมด 10 ดวงใช้ 10 ดวง จะส่องฟ้าส่องกำแพงส่องพื้น ก็ทำไปเถอะ เวลาลูกค้าถ่ายรูปทีมงานแล้วดูยิ่งใหญ่มาก

            ถ้ามีรีเฟรกซ์ ก็ควรนำมาใช้ด้วยวางด้านหน้าให้ลูกค้ามองเห็น ยิ่งมีผู้ช่วยคอยถือพลิกไปพลิกมา โอ้..สุดยอดดูน่าเชื่อถือมาก..

            ( จริงๆ แล้วกล้องสมัยใหม่อาจไม่จำเป็นต้องใช้ไฟเยอะขนาดนั้น แต่ถ้าลูกค้าต้องการดูเวอร์ใหญ่โต..ก็ทำไปเถอะ  )

    วิธี 2 มีกล้องวีดีโอรุ่นเก่า ชัดสู้กล้องDSLR ปัจจุบันไม่ได้ เรามีวิธีสู้ แก้ไปทีละข้อตามนี้เลย..

           - กล้อง DSLR ชัดสีจัด ไม่เป็นไรเรามีคอมก็ใช้ฟิลเตอร์ชาร์ป +5 เข้าไป พร้อมปรับคอนทราสต์สู้ แม้ไม่เหมือนแต่ก็พอดูคล้าย

             ถ้ายิ่งอยากทันสมัยเกรดสีให้ภาพออกมาเหมือนกล้องเสีย ( สมัยก่อนถ่ายออกมาสีแบบนี้ต้องส่งกล้องซ่อมด่วน สมัยนี้กลับฮิต )

           - กล้อง DSLR แพนไม่ได้ ซูมไม่ได้ ต่อไปเราถ่ายวีดีโอ ห้ามแพน ห้ามซูม นิ่งๆ คัดไปมา บทความที่อยากเป็นช่างภาพมืออาชีพ

              ให้หัดใช้แพนซูมพร้อมปรับโฟกัสไปด้วยในตัว .. สงสัยต้องไปอัพเดทลบข้อนี้ทิ้งเสียแล้ว

           - กล้อง DSLR มีเลนส์หลังละลาย กล้องวีดีโอทำไม่ได้ไม่เป็นไร ให้ไปใช้ฟิลเตอร์แมทเฟรม 8 จุด ไม่พอใช้ 2 อันซ้อน 16 จุด

             ให้ชัดเฉพาะตัวคนที่เราต้องการ วางซ้อนเลเยอร์แรกซึ่งเป็นแบคกราวนด์ใช้ฟิลเตอร์เบลอ เนื่องจากกล้องถ่ายนิ่งไม่เคลื่อนไหว

             สามารถเพิ่มโฟร์กราวนด์ดอกไม้ เติมแบคกราวนด์รูปภาพ เสริมเอฟเฟค ระหว่างชั้น 1 ( แบคกราวนด์ฟิลเตอร์เบลอ )

             ชั้น 2  ใส่เอฟเฟคเพิ่มแสงหรือโบเก้  เคลื่อนไหวบางๆ ทำให้งานดูดีเด่นขึ้น.  ชั้น 3 จึงค่อยวางตัวพิธีกร...

     วิธี 3พูดให้ลูกค้างงเล่น เช่น บอกให้ช่างภาพปรับสปีดสูงขึ้น แล้วปรับหน้ากล้องกว้างขึ้น …( ดีแล้วๆ พิธีกรสวยขึ้น  )...

             ปรับลดคอนทราส + 2 , ปรับแบ็คให้อ่อนลง …(  สวยๆ พอปรับแบบนี้ หน้าพิธีกรดูอ่อนโยนลง เป็นการเพิ่มผิวเนื้อ )..

             พูดไปทำไป อะไรก็ได้ เพื่อให้ลูกค้าเห็นเราใส่ใจแก้ไขในงาน ฯ ( ถ้าลูกค้าไม่เคยจับกล้องโปรฯ ไม่เข้าใจหรอกว่าเราทำอะไร )

     วิธี 4  ไม่เกี่ยงราคา เดี๋ยวนี้ลูกค้ามีความต้องการสูง ให้ทำนู่นทำนี่ เสนอแล้วก็ขอปรับ แก้ไปมาหลายรอบ แต่ไม่ยักพูดถึงเรื่องเงิน

             พอบอกราคามาก็กลับตัวไม่ทันเพราะติดต่อไปเยอะแล้ว อยากบอกว่าให้ทำเถอะ ( ถ้าไหว ) บางทีก็สงสารลูกค้าเหมือนกัน

             เจอผีในร่างเทพ มาเหมือนเก่งพอทำจริงเละไม่เป็นท่า ( ก็เพราะพวกเราเองแหละทำให้ลูกค้าไม่ไว้ใจ ) ทำให้เขารู้ว่า

             เราเป็นเทพในร่างเทพจริง ทำเสร็จเขาอาจสงสารเพิ่มให้ตามที่เราขอแต่แรกก็ได้ หรือใจดีแนะนำลูกค้าอื่นให้มาใช้บริการของเรา

             แต่ถ้าไม่ให้ก็ถือเป็นการฝึกปรือฝีมือให้แกร่งขึ้นเพื่อรับงานใหญ่ในอนาคต และถ้าลูกค้าเก่าติดต่อมา ราคาทำไม่ไหวก็อย่ารับ..

                  หลายเหตุผลที่ลูกค้าต้องการ ขึ้นอยู่กับเราเหมือนกันที่จะเดาใจลูกค้าให้ออก บางคนเจอลูกค้าขอนั่นขอนี่ เราก็ต้องเวอร์ตาม

            ปรับกระบวนการทำงานใหม่แบบปิดทองหน้าพระ ให้ลูกค้าเห็นว่าเราทำจริง โปรดัคชั่นงบน้อยแต่ภาพการทำงานเหมือนทีมใหญ่

            เครื่องมืออุปกรณ์การทำงานแบบบ้านๆ แต่ผลงานออกมายิ่งใหญ่เหมือนอุปกรณ์เทพฯ ทำตามที่ลูกค้าต้องการทุกครั้งที่ทำได้...

          แล้ววันหนึ่ง คำพูดที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า จะกลายเป็นลูกค้าพูดแทน " คุณคือพระเจ้า " ทั้งนี้เป็นเพราะ....
…… คุณสามารถจัดไฟ 10 ดวงได้ โดยที่ตัวพิธีกรไม่ร้อน ( จะร้อนได้ไงใช้จริง 2 ดวง ที่เหลือไฟประกอบ )
                     อย่าลืมว่า ไฟยิ่งเยอะภาพยิ่งสวย แม้มีไฟ 10 ดวง แต่จัดไม่เป็นก็ไม่มีประโยชน์ ควรมีความรู้เรื่องการจัดไฟบ้าง
                     จะทำให้งานออกมามีคุณภาพ

…….คุณสามารถให้คนถือแผ่นรีเฟร็กซ์ปรับไปมาได้แม้ในที่นั้นจะเป็นที่ร่มไม่มีแสง  ( ใครถามบอกรีเฟร็กซ์ไฮเทคมีแสงในตัว )..
                     การใช้รีเฟร็กซ์ในร่ม อยากให้ลองดู บางครั้งทำให้งานดูดีขึ้นอย่างทันตา ลองใช้ดูนะคับ...

…….คุณสามารถปรับแต่งกล้องวีดีโอเก่าให้เหมือนกล้อง DSLR ได้ โดยซื้อของตกแต่งกล้องของ DSLR มาใช้ ( เท่ห์กว่าตัวจริง )..
                     ใครที่ชินกับกล้องภาพนิ่ง ก็สามารถนำมาใช้กับกล้องวีดีโอได้ ไม่ผิดกติกาคับ..

……..คุณสามารถถ่ายพิธีกร 1 คน โดยใช้ 2 กล้องพร้อมชุดสวิทชิ่งโชว์ลูกค้า ( แต่ใช้จริงคือม้วนเทปที่ถ่ายจากกล้องเท่านั้น )..
                     หลายงานที่ใช้ระบบกล้องโอบีไม่มีเทปในตัว แล้วทำงานผิดพลาด ลองหันมาใช้กล้องที่มีเทปในตัวแล้วอัดพร้อมกันกับโอบี
                     ถ้าผิดพลาดอย่างไรเราก็มีมาสเตอร์เทปที่ถ่ายจากกล้องโดยตรง มาใช้แทนกันได้ ไม่เสียเวลาในการเทคใหม่.. 

………คุณสามารถ...( เว้นไว้ให้คิด )……………………………………

                  นับแต่นี้ไป เวลาผมไปไหนแล้วเห็นทีมงานจัดไฟ 10 ดวงเต็ม ผมก็จะรู้ได้ในทันทีว่า เป็นสมาชิกของเว็บไทยดีฟิล์มแน่นอน


         

            

         

                         

save in โน๊ตแพ๊ท

ขอบคุณครับบ

พอมีเวลาว่าง ....สงสัยผมตั้งหัวข้อ มีความหมายไปทางลบมากกว่าความดี ขอสรุปอีกครั้ง...( ใช้ความกะล่อนในทางดี )- สำหรับโปรดัคชั่นที่มีงบจำกัด เช่น ถ่ายพิธีกรวันละ 3,000 บาท ( รายการเคเบื้ลทีวีรวมรถทีมงานช่างภาพผู้ช่วย ) งบนี้ลูกค้ารู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถ
  เรียกร้องอะไรได้ ไฟ 2 ดวงก็มากแล้ว อุปกรณ์เทพอื่นๆ เลนส์ยาวหลังละลายไม่ต้องถาม  แต่คุณสามารถสร้างเกินความต้องการให้ลูกค้าประทับใจได้
  โดยเพิ่มไฟสนามสัก 3 ดวง ถ้ามีฝีมือเชิงช่างให้ใช้แผ่นสังกะสี ตัดเป็นสี่เหลี่ยมทำเป็นบันดอร์เลียนแบบไฟ 800 สวยเท่ห์ และอีกอย่างไฟสนามนี้ทนสุดยอด
  เปิดนานทั้งวันไม่เป็นไร ตกหล่น หลอดไม่ขาด ใช้จนลืม..
- เมื่อถ่ายเสร็จแล้วใช้ฝีมือในการตัดนิดหน่อย ทำหลังละลาย เหมือนเรามีอุปกรณ์เทพ. อาจเสียเวลาทำงานเพิ่มมากขึ้นก็ไม่เป็นไร...
      ไม่ว่าคุณจะทำวิธีใด มันก็คือการเลียนแบบเท่านั้น ไม่เหมือนอุปกรณ์จริงหรือเลนส์เทพตัวจริง ( ที่งานดีกว่า 100% )
แต่หัวใจของบทความนี้ ที่เราอยากบอกพี่ๆก็คือ ทีมโปรดัคชั่นที่มีงบน้อย อุปกรณ์จำกัด ก็สามารถยืนอยู่ในตลาดได้ ถ้ารู้จักปรับตัวและคิดหาวิธีสู้...
     ผมลงตัวอย่างงานที่ทำด้วยวิธีที่บอกมาข้างต้น เผื่อเป็นไอเดียนำไปสร้างงานให้กับลูกค้าอื่นได้ ยินดีรับชมคับ
http://www.youtube.com/watch?v=ZKoS3OfDIDw





   การถ่ายด้วยการไม่เคลื่อนกล้อง ทำให้มีข้อดีหลายอย่างด้วยกัน คือ เราสามารถที่จะเพิ่มแบ็คกราวนด์ปิดจุดอ่อนหลายๆอย่างได้ในกรณีสถานที่ไม่อำนวย 
หรือไม่มีเวลา มุมจำกัด กรณีนี้ผมใช้กราฟฟิคผสมกับองค์พระ ย่อปรับเลื่อนซ้ายขวาให้พอดีเฟรม ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ตายเลยคับ อีกตัวอย่างที่ผมเลียนแบบเลนส์เทพ..
http://www.youtube.com/watch?v=WwOugSgDRRk





   ตัวอย่างนี้ผมใช้แมทส่วนที่ไม่ต้องการออก เหลือแต่ตัวพิธีกร แล้วซ้อนด้วยโบเก้บางๆ เพิ่มเสน่ห์ของงานด้วยแจกันดอกไม้ไว้บนโต๊ะ พอดีรายการนี้เกี่ยวกับธรรมะ
สวยใส น่าชม แบบฝันๆ ก็เลยสามารถทำเพิ่มได้ไม่จำกัด อยากชมงานตอนอื่นๆก็พิมพ์ยูทูป " ธรรมะวาทีกับอาจารย์แอน " ได้คับ ...


 ข้อดีของเทคโนโลยีช่วยได้เยอะในปัจจุบัน โดยส่วนตัวคิดว่าทำงานเร็วขึ้น หรือบางทีก็มีความรู้สึกว่า ทำงานห่วยขึ้นหรือไงก็ไม่รู้ ถ่ายไม่ต้องห่วงแบ็คกราวนด์
ว่าดีหรือไม่ดี จัดไฟมีเงาเพียบก็ไม่สน เพราะตรงไหนไม่ดีก็ไปลบทำเบลอ หรือบังเอาในคอม ต้นไม้ประกอบฉากหน้าหลังก็ไม่กังวล ไปเลือกเอาในกูเกิ้ลเยอะแยะ จะเอาตูม
สวยเลิศขนาดไหน  ปัญหาที่ทำให้เสียเวลามากๆในการทำงานปัจจุบันก็คือ การจัดฉากเลือกสถานที่นี่ล่ะ ทำให้งานช้ากินเวลาส่วนอื่นไปมาก ไหนจะต้องมีของประกอบ
ไหนจะทีมงานขนย้าย ถ่ายพิธีกรเปิดปิด วันละ 10เทปเลือกสถานที่ตายเลย ...ลองดูนะคับ อีกวิธีทำงานที่เสริมเป็นไอเดียให้พี่ๆทำงานได้เร็วขึ้น ในยามงบน้อยเวลาทำงานจำกัด...

จริงใจต่อกัน ดีที่สุดนะ

มันเหมือนดาบสองคม เพราะจริง ๆ ที่เราทำให้ลูกค้าเพราะมันคือสิ่งที่เราคิดว่ามันดีและพยายามจะจัดให้ แต่ลูกค้าสมัยนี้หลาย ๆ คนขาดจินตนาการคือมองงานไม่ขาด ต้องให้เราทำให้ดูก่อนแล้วจึงจะตัดสินใจได้ว่าเอามั้ยเอา ทำให้ดูสิบรอบเพื่อเลือกว่าอยากได้อะไร 1 ใน 10 อย่าง สุดท้ายเลือกอย่างแรก ทำให้คนทำงานก็ต้องเอาตัวรอดกันไปเพื่อให้งานจบและดีที่สุด

แต่ที่ว่าดาบสองคมเพราะบางคนใช้กลเม็ดเหล่านี้ไปหลอกล่อลูกค้าเพื่อทำให้เค้าเชื่อแล้วผลิตผลงานให้เค้าแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอันนี้ก็น่าเป็นห่วงจริง ๆ

ไม่ได้ห่วงลูกค้า ห่วงเด็กใหม่ๆ ที่หลงมาอ่าน



เฉพาะอันนี้นะ อันที่ผ่านๆมา มีประโยชน์เกือบทุกอัน

คิดไว้แล้วว่า ต้องมีคนห่วงประเด็นลูกค้าเข้ามาอ่านดู จริงๆแล้วนี่เป็นเคสตัวอย่างเพียง1ใน 100 ของคนทำโปรดัคชั่นจริง
เท่านั้น ต่างคนต่างหากลยุทธ์วิธีเอาตัวรอดเอง แต่อยากบอกไว้ว่า ...
.... กรณีที่ลูกค้ารู้เรื่องโปรดัคชั่น เขาเข้าใจวิธีการทำงานของคุณคับ แม้คุณเพียงวางไฟดวงเดียว เขาก็มองออก
.....ลูกค้าทุกคนเข้าใจและรู้ว่าที่เขาจำต้องจ่ายค่าจ้างแพง เพราะเขาต้องการงานศิลปะที่คุณสร้างขึ้นมาเท่านั้น
.....เฉพาะลูกค้าที่ยังไม่ค่อยเข้าใจโปรดัคชั่นเท่านั้น บางทีก็จำยอมต้องสร้างภาพเช่นกัน
.....แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีความรู้เรื่องโปรดัคชั่นอย่างแตกฉาน แม้จะใช้เพียงไฟธรรมดา( ไฟสนาม)
     คุณอาจทำงานออกมาดีกว่าคนที่มีไฟ800แต่จัดไม่เป็น... และในทางกลับกัน ถ้าคุณมีไฟ จำนวนมาก 5 ดวง
     คุณย่อมผลิตงานออกมาได้ดีกว่า คนที่มีไฟเพียง 2 ดวง ....
..... ที่เขียนไว้ว่าไม่อยากให้น้องใหม่เข้ามาอ่าน ก็ด้วยเหตุผลที่ยังมีความรู้ไม่แน่น แล้วนำไปปฏิบัติกลัวลูกค้าจับไต๋ได้
      แต่ถ้าอยากนำไปปฏิบัติในการทำงานจริง ก็ควรเพิ่มเติมความรู้ให้แน่น เผื่อลูกค้าถามจะได้มีเหตุผลชี้แจงได้ถูกต้อง

หึ หึ หึ

กระทู้สุ่มเสี่ยง

55 ดีครับ ผมว่าน้องใหม่เข้ามาอ่านเพียบ

ขอบคุณครับ
คงต้องลองจัดไฟอย่างว่าดูบ้าง

เยี่ยมที่สุดเลยครับ   นี่นักการตลาดนี่ครับ.....แหะๆๆ

ลูกค้าก็เป็นสมาชิกไทยดีเยอะเหมือนกันครับ อิอิ รู้ทันกันพอดี

ของผมเหรอ......
1. เวลาไปถ่ายงานหิ้วไปสองกล้อง เอากล้อง DV ใหญ่ไปตั้งแล้วก็แกล้งทำเป็นเล็งเฟรม เล็งไปเล็งมาก็แกล้งทำเป็นไม่พอใจ ไม่สวย เปลี่ยนกล้องงัดเอา DSLR ประกอบครบเซ็ต ตั้งแทนแล้วก็ถ่ายไปสักพัก ตกบ่ายก็ให้ตากล้องเริ่มหนัก ถอดชุดออกทีละชิ้นสองชิ้น เหลือแต่กล้องตัวเดียว

2 เรื่องพิธีกรก็จับขยับซ้ายทีขวาที เลื่อนไฟ ไปโน้นทีนี่ทีทำเหมือนเราพิถีพิถัน แต่จริง ๆ พอเห็นลูกค้าเริ่มไม่สนใจไม่จับผิดแล้ว เราก็เอามาวางไว้ที่เดิม

3.อีกอย่างคือพยายามทำอะไรที่ดูพิถีพิถันเข้าไว้ ฝุ่นสักเม็ดก็ไม่ให้มีในเพรม พิธีกรปอยผมหลุดสักเส้นเราก็ต้องให้ช่างหน้าช่างผมหวีแล้วหวีอีก สุดท้ายลุกค้าเค้าจะเริ่มเบื่อแล้วก็บอกว่า " พี่ว่ามันก็โอเคแล้วหละ แค่ฝุ่นเม็ดเดียวไม่ซีเรียส หรือแค่ปอยผมเส้นเดียวพี่ไม่ถือ" แต่ด้วยความเป็นมือโปรของเราต้องตอบเค้าไปว่า "ไม่ได้ครับ ผมทำงานแบบมืออาชีพ ผมต้องใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ปล่อยไม่ได้" ทั้งที่จริง ๆ เราดูในเฟรมก็แทบมองไม่เห็น แต่ก็ทำเป็นละเอียดไปงั้น

4.ต่อมาเทคมันเยอะ ๆ เข้าไว้ แล้วก้แอคชั่นโน่นนี่ให้มันดูว่ากว่าจะได้มาสัก 1 คัทมันยากมันเย็นกว่าเราจะปล่อยฝ่าน ดูเหมือนเราเข้มงวด จนกระทั่งลูกค้าบอกว่า " เทคนี้พี่โอแล้วหละ พี่ชอบ " แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเราก็ต้องตอบลูกค้าไปว่า " ผมว่ายังไม่ได้นะครับพี่ ผมว่าลองอีกสักเทคเผื่อมันจะดีกว่านี้ งานต้องออก.มาดีที่สุด" 555 แต่จริง ๆ โอไปตั้งแต่ 2 เทคแรกแล้วครับ ตอนตัดก็ตาลายเลือกไม่ถูกหรอกว่าเทคไหน เพราะมันก็โอด้วยกันทุกเทคนั่นแหละใช้อันไหนก็ได้เหมือนกันหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกค้าหลุดปากออกมาจะด้วยความเบื่อหรือรำคาญ แต่เค้าก็เผลอบอกกับเราว่าเค้าโอเคแล้ว ถ้าอัดเสียงได้รีบเอา zoom h1 อัดไว้เลย แล้วจะได้ไปยืนยันกับเค้าทีหลังได้ว่า "ก็พี่บอกตอนถ่ายแล้วว่าพี่โอกับเทคนี้ผมก็เลยเอาเทคนี้มาใช้" 5555

5.สุดท้ายอย่าเทคแคร์ลูกค้ามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นดูงานห้องเสียง ห้องตัด หรือกองถ่าย โปรดักชั่นหรือโพสต์ส่วนใหญ่มักจะบริการลุกค้าเพื่อให้เค้าได้รับความสะดวกสบาย กองถ่ายนั่งกลางแดด ลูกค้ามีเต้นร่ม หรือบางทีนั่งห้องแอร์ มีขนมขบเคี้ยว บางทีดูงานห้องตัดห้องเสียง เลี้ยงข้าวเลี้ยงเบียร์ อันนี้แหละถือว่าพลาด เพราะยิ่งลูกค้าสบายเท่าไหร่ เค้าจะชิล แล้วเค้าจะจุกจิกโน่น ๆ นี่แก้แล้วแก้อีก เพราะลุกค้าสบาย สั่งแก้ในห้องแอร์ สั่งแก้แล้วจิบเบียร์ แต่ไอ้คนทำมันไม่ได้สบายดัวย วิธีที่ดีคือบริการลุกค้าแต่พองาม แต่ให้เค้าได้สัมผัสกับรสชาตความยากลำบากในการทำงานของทีมงานด้วย กองถ่ายอยู่กลางแดด ลูกค้าก็ให้อยุ่กลางแดดใกล่ ๆ อย่างมาก ก็มีร่มให้พัดลมเป่า คือเราดูแลเค้าแต่อย่าเอาใจแบบสุด ๆ เชื่อมั้ย ใช้วิธีนี้เค้าจะไม่ค่อยจู้จี้อะไรกับเรามาก เพราะเค้าร้อนเค้าอยากให้เสร็จๆ เร็ว ๆ ทำอะไรให้ก็ดีไปหมดแหละ

กลัวคุณลูกค้า จะมาอ่านเจอนะิสิครับพี่