บทวิจารณ์แรก ของ หนังผู้พิทักษ์ จาก นักวิจารณ์รุ่นใหม่
ความรัก ศรัทธา ปาฏิหารย์ : ผู้พิทักษ์
Napat's Rating : (B-) , 7.5 / 10
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ
บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ
โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนัง
ในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
สั้นๆถึงหนังเรื่องนี้ : หนึ่งในหนังสั้นของโปรเจคหนังใหญ่ของ"เสถียรธรรมสถาน" ที่ปลุกความหวังให้กับคนดู
เปรียบเหมือนยาชูกำลังที่ทำให้คนล้มสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
ยาวๆถึงหนังเรื่องนี้ (SPOILED!!): สำหรับเรื่องนี้จะไม่ขอสปอยด์อะไรมากนะครับ
เนื่องจากหนังมีกำหนดฉายในอีกซักระยะใหญ่ แต่ต้องขอขอบคุณพี่ ป้อม นาคพนม ผู้กำกับมากๆครับ
ที่ได้เชิญผมไปรับชมเป็นกลุ่มแรกจากว่าที่ผู้ชมนับร้อยนับพันนับหมื่นคน
ก่อนจะดูผมก็ไม่รู้ว่า"เสถียรธรรมสถาน"คืออะไร จนพอดูจบ ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร
แต่เท่าที่เดาๆน่าจะเหมือนกับสถานปฏิบัติธรรม
ซึ่งเป็นเจ้าของโปรเจคในครั้งนี้ แต่นั่น...ไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึง
วันนี้เราจะมาพูดถึงหนังเรื่อง"ผู้พิทักษ์" ซึ่งได้นำเรื่องจริงมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์
เกี่ยวกับชีวิตของนักมวย หญิงสาว และน้องของเธอที่เป็นเด็กพิการ ทว่าทั้งสามชีวิตที่กำลังพบกับจุดหักเหของตน
ได้กลับกลายมาเป็น"ผู้พิทักษ์"ให้แก่กันและกันโดยที่อาจไม่ทันได้รู้ตัว
ทว่าก็ทำให้ตัวละครสามารถเติบโตและก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งมากขึ้นได้
สไตล์ของหนังเรื่องนี้ แน่นอนว่าจะให้อารมณ์ถึงหนังนักกีฬา ซึ่งหนังอย่างนี้มักจะเอาชนะใจคนดูอย่างผมได้ไม่ยาก
เนื่องจากสารที่มันต้องการจะให้คนดูนั้น มักเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ที่เราจะได้กลับไปจากการชม
นอกเหนือจากความบันเทิงเพียงชั่วเวลานึง
ขณะเดียวกันยังถือว่านี่เป็นแนวทางใหม่ของพี่ป้อม ที่ได้หักดิบจากการทำแนวๆแอนตี้ฮีโร่ปนๆเสียดสี
มาทำหนังที่ให้กำลังใจ หรือมาผลิตยาชูกำลังให้คนดูหนังทุกคนได้อิ่มเอม
ก็ถือว่าทำได้น่าประทับใจดีทีเดียวในภาพรวม
แต่กระนั้นมันก็ไม่มีอะไรเพอร์เฟคในโลกใบนี้ มันก็ยังมีบางอย่างที่คนดูอย่างผมรู้สึกติดๆในบางช่วงเช่นกัน เช่น
เรื่องเทคนิคอย่างเสียง รู้สึกว่าค่อนข้างเบาไปพอสมควรทำให้การอินเข้าไปในเรื่องน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น
เรื่องของการลำดับเรื่องที่ใช้เพลงเข้ามาช่วยบิ้ว สำหรับผม ผมชอบเพลงแสงสุดท้าย กับเพลงตอนกำลังจะจบ
ซึ่งเป็นช่วงที่หนังทำได้ดีมาก จากช่วงแรกที่อาจดูเอื่อยไปหน่อย ทำให้หนังกลับมาทัชคนดูได้อีกครั้ง
จริงๆเรื่องนี้ ว่าไปอาจเหมาะกับการเป็นหนังยาวมากกว่า พอมันได้แค่สามสิบนาที หลายๆประเด็นในแง่ความสัมพันธ์ตัวละคร
บางทีก็รู้สึกว่าเร็วเกินไป ถ้าเวลามากกว่านี้ คงจะได้เห็นอะไรมากขึ้นในส่วนตัวเรื่อง
ในแง่การแสดง ชอบการแสดงของออม และน้องที่เป็นคนพิการมาก ถ้าน้องไม่ใช่คนพิการและแสดงได้แบบนี้
ต้องขอปรบมือให้ครับ เพราะเราเชื่อในตัวละครนี้จริงๆ ส่วนคุณพี่นักมวยอาจเล่นแข็งๆไปบ้าง
แต่ก็ยังพอให้อภัยได้จากการร่วมซีนที่ดูไปกันได้กับนักแสดงคนอื่น
ในภาพรวมของวันนี้อาจจะยังเป็นหนังที่ไม่สมบูรณ์ที่สุด อาจมีการแก้ไขอะไรเพิ่มเติม แต่อย่างน้อย
ผมก็เห็นถึงความตั้งใจของผู้กำกับอย่างพี่ป้อม ที่ทุ่มเททำงานนี้ด้วยใจมาเกือบปี
ผมคิดว่าแค่หนังได้มาฉายบนจอในห้องมืด
มันก็คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแล้วครับ ถึงแม้ว่าหนังไม่ได้เพอร์เฟคทุกอย่าง
แต่เจตนาที่ดีของหนังก็เป้นสิ่งที่เราสัมผัสได้ และคุณค่าที่เราได้รับนั้น มันสำคัญมากกว่าความสนุกเพียงผิวเผิน
ที่จะเห็นได้ในหนังไทยทั่วไป แต่ไม่กี่เรื่องที่จะทำให้เราได้คุณค่าข้อคิดดีๆจากการเสพภาพยนตร์อย่างแท้จริง
ขอเป็นกำลังใจให้พี่ป้อมและทีมงานสร้างสรรค์ผลงานดีๆต่อไปครับ และขอให้ผลงานนี้เป็น "ผู้พิทักษ์"
ที่จะนำพาความสำเร็จและความก้าวหน้ามาให้พี่ๆทำงานดีๆไปยิ่งขึ้นเรื่อยๆนะครับ
ขอบคุณและสวัสดีครับ
อ้างอิงจาก >>
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151136860267850&set=a.10150684025322850.412791.614122849&type=1&theater