สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 4117เข้าชม
  • 0ตอบกลับ

การตั้งราคาชิ้นงานขึ้นอยู่กับ...( p0p-it คนเดิมคับ )...

โพสต์
787
เงิน
5355
ความดี
14867
เครดิต
11447
จิตพิสัย
37005
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร



ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับการตั้งราคาชิ้นงานโปรดัคชั่นอย่างคร่าวๆไปแล้ว (  ว่าตามทฤษฏี ) แต่แนวทางปฏิบัติอาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ เพราะมันมีความลับบางอย่างที่ผมไม่ได้บอกคุณ
วันนี้ผมแอบเอาความลับทางธุรกิจมาเปิดเผยให้ฟัง...การตั้งราคาชิ้นงาน...

  1….ขึ้นอยู่กับ  ลูกค้ารู้จักคุณหรือยัง ถ้ายังต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นฝีมือก่อน เช่น ทำเอ็มวีไม่เป็น รับงานเวดดิ้งมาตัดแถมเพื่อให้เห็นฝีมือ หรืออาจตั้งราคาตำ่เพื่อให้ลูกค้าเห็น ( แต่งานหน้าราคานี้ไม่ได้นะคับ )
                     เมื่อลูกค้ารู้จักเราแล้ว ว่ามีฝีมือจริง คราวหน้าลูกค้าก็จะเพิ่มเงินให้เราเอง หรือถ้าไม่เราอาจขอเพิ่มขึ้นอีก ทำแบบนี้กับลูกค้าไปเรื่อยๆ ( เพิ่มคุณภาพของงานให้มากขึ้นกว่าที่เคยทำ )..

  2….ขึ้นอยู่กับ   ความยากง่ายของชิ้นงาน งบน้อยแต่เราทำดีเกินไปหรือเปล่า ใช้เวลามากเกินไปหรือเปล่า ถ้าคิดว่าดีเกินความจำเป็น ( หมายถึงทำดีเกินกว่าที่ลูกค้าต้องการโดยลูกค้าไม่ต้องการดีขนาดนั้น )
                      เราอาจลดขั้นตอนในการทำงานให้น้อยลงสั้นลง ( คุณภาพดีเท่าที่ลูกค้าต้องการ ) เพื่อจะได้เอาเวลาไปรับงานชิ้นอื่น หรือไม่ก็..ต่อข้อนี้เลย


  3. ..ขึ้นอยู่กับ  ช่วงนั้นคุณว่างอยู่หรือมีงานอื่นต้องรับผิดชอบอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ทำไปเถอะ ได้ 500 ทำ 1,000 ถ้าว่าง ทำไปเลย 3,000 ไม่ใช่ทำเพื่อเรียกเงินเพิ่ม แต่ทำเพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าเราทำได้ 
                     คนละกรณีกับการรับงานราคาตำ่นะคับ ( พี่ในเว็บไม่ว่าหรอก พี่เขาเข้าใจ )..

  4….ขึ้นอยู่กับ  คุณภาพงานของตัวคุณเองอยู่ในระดับไหน รู้ได้จากการเทียบเคียงงานประเภทเดียวกันในขณะนั้น เช่น ช่วงนำ้ท่วมปลาวาฬฮิต ลูกค้าหันมาใช้บริการตรึม เราพอมีฝีมือแล้วรับอาสามาทำ
                     ก็ต้องทำให้ได้มีคุณภาพแบบที่พี่ปลาวาฬเขาทำนะคับ ไม่ดีเท่าแต่ก็ควรใกล้เคียง เปิดดูแล้วเปิดดูอีก เปิดหลายๆครั้งแล้วนำมาเปรียบกับงานของเรา ( เปิดดูหลายรอบเลยนะ )..


  5….ขึ้นอยู่กับ  ทำครั้งแรกต้องดีและเจ๋งที่สุด จะว่าด้วยความยากของงาน หรือความรีบที่ลูกค้าต้องการงานก่อนวันกำหนดส่ง เราควรทำให้ดีที่สุด อย่าคิดว่าส่งไปก่อนแล้วค่อยไปอธิบาย หรือ ตอนนี้ไม่ดี
                     แต่ตอนหน้าจะดีกว่านี้เท่าตัว ลูกค้าเขาไม่คิดอย่างนั้นนะคับ เขาคิดว่า ตอนนี้ไม่ดีตอนหน้าจะดีได้ไง..( คิดผิดแล้วคับ )...


  6….ขึ้นอยู่กับ  งานนั้นเป็นงานอะไร ยาวสั้นแค่ไหน เช่น ให้ผลิตรายการฟรีทีวี 20 ตอน เราจำต้องเอา 20 ตอนหารเฉลี่ยออกมาไม่ใช่คิดเพียงตอนเดียว ความเสี่ยงมีเยอะสำหรับการผลิตรายการต่อเนื่อง
                     เพราะถ้าทำไป 2 ตอน ลูกค้าเกิดเลิกไม่ทำไปจ้างเจ้าอื่น เราก็อาจเจ๊งพราะเราคิดหารเฉลี่ยโดยรวม ( คิดดีๆ )..


  7….ขึ้นอยู่กับ  การแก้งานบ่อยหรือไม่ ( ข้อนี้สำคัญเก็บไว้สุดท้าย ) หัวใจของการตั้งราคาอยู่ที่ข้อสุดท้ายนี่ล่ะคับ ที่จะทำให้บริษัทคุณอยู่ในวงการต่อ..หรือต้องหันไปเปลี่ยนอาชีพอื่น ( ไม่ใช่ราคาถูกแพง )
                     ต่อให้คุณได้งานนั้นมาราคาแพงกว่า 2 เท่าที่คนอื่นรับ แต่คุณจำต้องมานั่งแก้งานแบบไม่รู้จักจบสิ้น ( ใครไม่เคยเจออย่าเจอเลยดีแล้วคับ ) เช่น งานราชการ แก้ตั้งแต่
                     ลูกน้อง ไล่ไป ผอ. ยันปลัด ไม่แก้ไม่ได้ เพราะสัญญาคำ้คออยู่ ยิ่งคุณทิ้งงานตายเลยขึ้นบัญชีดำบริษัทคุณไว้ หมดโอกาสหากินตลอดชีวิตนี้ จำต้องแก้งานให้จบๆไป ( ทำไงก็ได้ )
                     และด้วยการแก้งานแบบไม่รู้อนาคตนี้แหละ ทำให้เรารับงานอื่นไม่ได้ หมดโอกาสดีๆ กลับกัน รับงานราคาอาจตำ่แต่ไม่แก้เลย รับได้หลายงาน อาจฟลุ๊คมีเวลาไปทำงานใหญ่ ( ดังเลยนะ )


         ด้วยข้อจำกัด 7 ข้อนี้ จึงทำให้การตั้งราคาไม่มีความตายตัว ไม่มีมาตราฐาน ถ้าเราว่างเราอาจเรียกราคาตำ่กว่าราคาตลาดได้ และเมื่อถึงวันที่เรารู้จักลูกค้าเยอะพอ เราอาจไม่รับงานที่มีราคาตำ่
         เพื่อใช้เวลาในการทำงานให้เกิดประสิทธิผล ( ทางรายได้ ) มากที่สุด งานราคาตำ่ก็จะไปอยู่กับน้องใหม่เพิ่งเข้าวงการรับไปทำ ( เหมือนเช่นเราในอดีต )  หรือพี่บางคนก็ใช้วิธีเรียกเงินสูงกว่าปกติ
         ( ในขณะที่งานล้นมือ ) เผื่อฟลุ๊คถ้าลูกค้าโอเคก็ยอมเหนื่อยได้ ( งานง่ายราคาดี ) และในทางกลับกัน ถ้าเรารับงานราคาสูง แต่เราจำต้องใช้เวลาในการทำงานมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น 
        ( แถมแก้งานไม่รู้จบสิ้น ) เราก็อาจเสียโอกาสทางธุรกิจด้วยเหมือนกัน ..      


                     ณ วันนี้ ฝีมือเทพไม่เทพลูกค้าไม่ถามแล้ว ฝีมือไม่เทพแต่มีโปรแกรมสำเร็จรูป งานดีราคาถูกลูกค้าชอบ ( ลูกค้าไม่รู้จักโปรแกรมสำเร็จรูป ) น้องใหม่จะอยู่ในวงการโปรดัคชั่นนี้ได้
         ต้องทำงานใหม่ให้ดีกว่างานเก่า ทำไปเรื่อยๆให้สัมพันธ์กับงานที่ลูกค้าจ้างเรา แล้วเมื่อถึงวันนั้น ลูกค้าเก่าจะกลับมาหาคุณเอง ...ด้วยเพราะเราทำงานปัจจุบันให้ดีกว่างานในอดีต นั่นเอง


                                 ...........ก่อนจบ...จำประโยคนี้ไว้ให้ดีนะคับ  " ทำได้แต่ไม่ทำ หรือ ทำไม่ได้เลยไม่ทำ.." ( พิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นซิคับ..) 



บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 5 คะแนน ซ่อน
maleehuana09 ความดี +1 2012-04-08 -
zinnk ความดี +10 2012-04-08 -
bankbboy ความดี +5 2012-04-07 -
tanjaree ความดี +5 2012-04-07 รวมเล่มได้แล้วครับ ^^
gooddream ความดี +1 2012-04-07 -

บทความที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้