หาความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน mattrox MXO2 ร่วมกับเครื่อง Mac

ตามหัวข้อเลยครับ เห็นมันตั้งไว้เฉยๆ ไม่รู้ว่าเค้าไว้ใช้ทำอะไรเหมือนกัน ไอ้คนที่บอกมา มันก็อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่เต็มปาก เหมือนไม่รู้แต่อยากบอกอ่ะครับ
ผมก็อ่านจากเว็บเมืองนอก แต่ก็ไม่เข้าใจ หลักการทำงานเท่าไหร่ การต่อพ่วงอะไรพวกนี้แหละครับ

ถ้าใครเคยใช้หรือทราบวิธี ก็ความรู้หน่อยนะครับ

ยินดีครับ มองต่างด้วยข้อมูลและเหตุผลสนับสนุน ... เดี๋ยวมาแจมครับ

เห็นด้วยกับคุณ "vfspostwork" แต่ไม่ทั้งหมดนะครับ จึงขอขยายความเพิ่มเติมเพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้รับททราข้อมมูลจากหลายๆมุมมองนะครับ  

เรื่องแรกครับ การที่เราต้องเปลี่ยน Codec อันหนึ่ง ไปอีกอันหนึ่ง ก่อนทำการตัดต่อ หรือที่ เรียกว่าการ "Trans-coding Footage" นั้น อันที่จริงแล้วผมว่ามันเป็น Workflow ที่เหมาะสมมากกว่าถ้างานที่เราถ่ายมานั้นต้องเอาไปทำ Special Effect เพิ่ม หรือเอาไปทำ Color Grading  เพิ่มเติมอีก อันนี้จำเป็นมากครับทำตั้งแต่ต้น Workflow เลยดีกว่าครับ  เพราะไฟล์ AVCHD/H.246 นั้นส่วนใหญ่นั้นถูกบีบอัดมาไม่เป็นแบบ 4-0-0 หรือ 4-1-1 หรือ 4-2-0 ครับ ค่าสีลูมิแนแซ์และโครมาน้อยมาก ทำ Effect ไม่เวอร์คครับ การ Trans-code  Footage ไป เป็Matrox I-Frame HD หรือ ProRes 4-2-2 นั้นจะช่วย Emulate ค่าสองตัวหลังให้ ตอนทำเอ็ฟเฟ็กจะมีคุณภาพมากกว่าครับ ดังนั้นผมขอสรุปว่า ถ้านำมาตัดต่อแบบจับชนเฉยๆ เอ็ฟเฟ็กเล็กน้อย ก็พอไหวครับ วิธี อย่างที่คุณ  "vfspostwork" บอกไว้สะดวกมากกว่าครับ แต่ถ้างานโปรเกรดจริงๆ ก็จำเป็นครับ อันนี้ฟันธง

เรื่องที่สอง กล่อง MXO2 สามารถช่วยเพิ่มความสะดวกและอาจช่วยประหยัดเวลาในการ Ingress ฟุตเทจของเราให้ใช้ Codec แบบที่เหมาะสมกับการตัดต่อของเรา เช่นหากเราจำเป็นต้องใช้กล้อง 2-3 ตัวซึ่งเป็นคนละ Format กัน (เช่น 1080i25 + 1080P25 + 72050 และ PAL) แต่เราต้องการการเอามายตัดต่อในเทปเดียวกัน อันนี้  MXO2 ช่วยประหยัดเวลาได้มากครับ  เพราะสามารถทำ TransCode ทั้ง Up-Scale + Down-Scale + Cross-Convert แบบ Real Time ได้   จริงอยู่ครับ Prem CS5-6 + Vegas และ Avid รุ่นใหม่ๆออกแบบมาให้สามรถผสมไฟล์หลาย Format ใน Timeline เดียวกันได้เลย อีกทั้งไฟล์พวก H.264/MPEG-4 AVC ก็ลากลง Time Line ได้เลย โดยไม่ต้อง Trans-Code  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนควรทำอย่างนั้นทุกครั้งนะครับ ต้องดูว่างานเราจะไปจบที่ตรงไหน ผู้พัฒนาโปรแกรมเค้าทำให้เราสะดวกกรณีต้องการจบงานเล็กๆแบบเร่งด่วน จะได้ไม่ต้องรอการ Ingress File ครับ แต่ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แทน Workflow ที่ Professional เค้าใช้กันแบบเดิมๆครับ อันนี้ ฟันธงครับ

เรื่องที่สาม กล่อง MXO2 สามารถช่วยให้เรานำจอ LCD TV ราคาไม่กี่หมื่อมาทำงานแทน Professional HDMI Monitor ราคาหลักแสนได้ครับ เพราะ MXO2 จะช่วยส่งภาพ Output 1:1 pixel mapping และทำให้เราสามารถควบคุมค่า hue, chroma, contrast, brightness และ blue-only ได้ ซึ่ง LCD TV ทั่วไปทำไม่ได้ครับ ต้องเป็น Professional Monitor ถึงทำได้  อันนีก็ฟันธงครับ

แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ถ้างานของเราเป็นงานที่จบแบบขึ้นยูทูปเฉยๆ เราจะไม่สนใจที่จะรีดคุณภาพของภาพใ้ออกมาสุดๆ และ/หรือ เราไม่สนเรื่อง การ Monitor Color Matching ก็คงไม่เป็นไรครับ แต่เวลาเอางานไปเปิดนอกห้องตัดหรือส่งสถานีมาตรฐานอาจมีเซอร์ไพ้รซ์ครับ อันนี้เป็นเรื่องของมาตรฐาน Broadcast Quality ครับ

เอาสัก 2-3 ข้อพอหอมปากหอมคอก่อนนะครับ ว่างๆเดียวเข้ามาเพิ่มให้อีกครับ ขอบคุณที่อ่านครับ

PS. ผมไม่ได้เป็นคนขายครับ แต่เป็นผู้ใช้งาน MXO2 LE / MAX  เข้ามาให้ความกระจ่างครับ

ในยุคสมัยที่การทำงานเป็น file base แบบนี้ ได้เป็นไฟล์มาเลยตั้งแต่เริ่มถ่าย เจ้ากล่องพวกนี้หาบทบาทตัวเองใน workflow สมัยใหม่นี้ได้ยากยิ่งครับ ยกเว้นแต่ว่า จะต้องไปทำงานกับระบบเก่า ๆ เช่น รับสัญญาณจากกล้องหรือต้องส่งเป็นเทปอะไรแบบนี้ เจ้ากล่องพวกนี้ถึงจะพอมีบทบาทมาบ้าง ...

ส่วนเรื่องการประมวลผลอะไรในกล่อง ไม่ใช่เรื่องน่านิยมสักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะ CPU เอย, CUBA เอย, ตัวซอฟแวร์เอง อะไรต่าง ๆ มันพัฒนาไปเร็วและ ถูกกว่าเจ้าพวก DSP Chip ที่อยู่ในกล่องนั้นมาก ไม่งั้นการ์ดตัดต่อคงไม่พากันล้มหายตายจากไปสมัยตั้งแต่ครั้ง DV หรอกครับ ...

นอกจากคอมพิวเตอร์มันจะพัฒนาไปเร็วกว่า, ถูกกว่า แล้ว มันยังยืดหยุ่นปรับเข้ากับมาตรฐานใหม่ ๆ ได้ดีกว่าด้วย ในมุมคนขายก็จะเชียร์ขายเรื่อยไปแหล่ะครับ อันนี้ว่ากันตรง ๆ ...

มีเหตุจำเป็นก็ซื้อกันมาใช้ได้ แต่ถ้าทำงานได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปขวนขวายให้สิ้นเปลือง รกโต๊ะด้วย ...

อันที่จริง MXO2 เวลา Capture ไฟล์สามารถ Upscale และ Downscale Video แบบ Realtime ได้ด้วยครับ แต่ทำได้เฉพาะสัญญานที่ผ่านกล่องนะครับ ไม่สามารถช่วยเร่งตอน Render จาก Timeline ได้

Matrox MXO2 เป็นกล่อง I/O ที่ช่วยให้ Work-Flow ของทำงานตัดต่อ ช่วง Input และ Output ของเราสะดวกและเร็วขึ้นได้ครับ และหากเป็น MXO2 รุ่นที่มี MAX ด้วยก็จะช่วยRender h.264 ไฟล์ จาก Timeline ให้เร็วกว่า Real Time ได้ครับ

การ์ดตัดต่อมันมีประโยชน์ครับ ไม่งั้นเขาไม่ทำออกมาและขายได้หรอก
ถ้าคุณมีอยู่แล้วคุณก็ควรใช้มันให้คุ้มค่า ใครจะบอกว่าไม่ใช้การ์ดก็ทำงานได้ผมไม่อยากเถียง
แต่ที่แน่ๆ มันสามารถทำงานและช่วยงานคุณได้มากกว่าการที่ไม่มีอะไรเลยครับ
เพราะฉะนั้นควรจะใช้มัน มีคนอีกมากมายที่รู้ว่ามันมีประโยชน์อย่างไรแต่ไม่มีงบหรือไม่มีโอกาสเล่น
หากใช้ไม่เป็นถามผมได้ครับ

พอเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วหล่ะครับ ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกความรู้ที่ส่งต่อกันมานะครับ ^_^ ผมก็คงไปกระจายความรู้ให้น้องๆ ในทีมทราบกันต่อไปครับผม แต้งกิ้วครับ

ผมก็ไม่เคยใช้นะครับ ถ้าดูตามสเปคบอกเป็นกล่อง I/O เพราะฉะนั้น ถอดเข้าถอดออกไม่มีผลต่อโปรแกรมครับ การประมวลผลทั้งหมด รวมถึง Codec ต่าง ๆ ที่ใช้ในโปรแกรมตัดต่อ ก็ยังคงใช้ CPU ในคอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผล 100% ตัวกล่องไม่ได้ช่วยเหลืออะไรตรงนั้น หรือ มีฮาร์ดแวร์ช่วยประมวลผลให้ทำงาน Real-Time ได้หลาย Layer ขึ้น ครับ ...

การประมวลผลที่เกิดขึ้นในกล่อง ตามสเปคก็จะมี เรื่องการ แปลงขนาดภาพ, และ ช่วยแปลง (Encode) ให้เป็น H264 ได้เร็วขึ้น ซึ่งหมายถึงทำตอนจบงานแล้วน่ะครับ ...

Trend การให้การ์ด/กล่อง ตัดต่อมาช่วยประมวลผลในแบบ Real-Time หลาย Layer สำหรับ DV และ HD/Full HD ผมว่ามันน่าจะเปลี่ยนไปนานแล้ว เพราะ CPU ปัจจุบัน เร็วและแรงพอ อัพเกรดได้ง่าย เร็ว และ มีราคาถูกกว่ามาก ที่อาจจะยังคงมีอยู่คงจะเป็นพวกความละเอียดระดับ 4K ขึ้นไป ถ้าจะตัด Real-Time ตรงนั้นคิดว่ายังคงต้องมีฮาร์ดแวร์เสริมช่วยอยู่ ...

สมัยก่อน การ์ดพวกนี้ ถ้าถอดออก โปรแกรมไปไม่เป็นเลย เพราะว่า Codec ที่ฝังอยู่ในไฟล์วีดีโอ ต้องใช้ Chip ที่อยู่ในการ์ดตัดต่อช่วยประมวลผล แต่กล่อง I/O พวกนี้ ถ้าไม่ได้ใช้ก็ถอดออกได้ โปรแกรมยังทำงานเป็นปกติ ...

เปลี่ยนกล่อง I/O ต่อ Monitor Output ไว้เช็คภาพ และมี Codec H264 ช่วยในการ Render H264 ให้เร็วและภาพคมขึ้นอีกด้วย

สรุปคือมันช่วยในการตัดต่อใช่ไหมครับ ถ้าไม่ต่อแล้ว mac มันยังทำงานได้ปกติดีหรือป่าว??

MXO2 ตัวนี้ ตามสเปคระบุว่าเป็นกล่อง I/O นี่ครับ ไม่มีระบุว่ามี Chip หรือ Codec เฉพาะ ที่ช่วยในการประมวลผล

Matrox เพิ่มความเรียลไทม์ในกรณี ซ้อนหลายเลเยอร์ไม่ต้อง เรนเดอร์ครับ transition กับ effect บางตัว เรียลไทม์เลย ถ้า blackmagic บางตัวจะเป็นแค่ IO ซ้อนแค่ 2 เลเยอร์ก็เรนเดอร์แล้วครับ

เป็นกลอ่งเพิ่ม I/O ครับ ทำให้ต่อพ่วงกับอุปกรณ์ในสตูฯ ได้หลายหลายขึ้น พวก กล้อง, เทป ฯ รวมถึงแปลงสัญญาณ และ ส่งภาพไปมอนิเตอร์ข้างนอกได้ด้วย ...