ขอถามเกียวกับ Speaker ครับ ว่าจะใช้รุ่นไหนดีมาตัดต่อหนัง

ในใจผม มีอยู่ 2 แบน Altec Lansing กับ Microlab
ส่วนรุ่นที่อยู่ ในใจ ครับ
ALTEC LANSING (VS-4121) กับ MICROLAB (M880)  สองแบน นี้อะไรดีกว่ากันครับ

ผมว่าใช้ลำโพงที่ทำมาสำหรับเป็น Monitor จะดีที่สุดครับ

เสียงจะflatที่สุดละครับ 1 ชุดเดี๋ยวนี้ก็ไม่แพงแล้วครับ ชุดละ 4500 บาทเป็นต้นไป

ถ้าใช้ลำโพงที่ใช้ฟังเพลง หรือว่าเล่นเกมส์ ผมว่ามันมีการปรับแต่งมาเยอะ ทำให้เราไม่รู้ว่าเนื้อเสียงที่เราได้บันทึกมาจริงๆเป็นอย่างไรครับ

(ปล. เพื่อนผมทำห้องอัด ตอนแรกก็ไม่เชื่อมันนะ พอไปลองฟังดู ลำโพงสำหรับมอนิเตอร์ กับลำโพงทั่วไปมันต่างกันครับ)

อ้างอิง

อ้างอิงโพส 20 ต้นฉบับโพสโดย analys เมื่อ 2011-06-15 11:28 :
คุณ popgtr รับmixหนังป่าวครับ

...ยินดีครับ... สนใจ Mail มาคุญกันได้เลยครับ POPgtr@hotmail.com

อ้างอิง

อ้างอิงโพส 21 ต้นฉบับโพสโดย vfspostwork เมื่อ 2011-06-15 11:38 :
ติดต่อจารย์ป๊อปได้ที่ ม.ธุรกิจบัณฑิต ครับ จารย์สอนอยู่ที่นั่น ...

...ไม่ได้เข้ามาเวปบอร์ดนานเลยครับ... พี่ ธีระภทัร มาเองเลย... วี๊ดวิ้ว..ว.ว.ว.ว..

ส่วนตัวใช้ 2.0 เป็น mini Monitor ครับ ให้ค่าเสียง flat ที่ดีมากๆ

เสียง V/O ไม่จม ทุกเสียงออกมาละเอียดชัดเจนครับ

อ่อ ที่ผมใช้ก็ Bose M2 ครับ

เทียบกับเสียงแล้วผมว่าราคานี้โอเคเลยนะครับ ถ้าเอาไปวัดกับ Monitor รุ่นใหญ่ๆ

ติดต่อจารย์ป๊อปได้ที่ ม.ธุรกิจบัณฑิต ครับ จารย์สอนอยู่ที่นั่น ...

คุณ popgtr รับmixหนังป่าวครับ

  ผมใช้ Microlab X3 5.1ch

ใช้มานาน เสียงยังใสและ Clear อยู่เลยครับ...



  

*** แอบมีหลักฐานให้ดูด้วยครับ... แฮะ แฮะ...

อะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในธรรมชาติล้วนเป็นอนาล๊อก เสียงที่เราได้ยินก็เป็นอนาล๊อก แต่คอมพิวเตอร์ไม่รู้จักอนาล๊อก ต้องแปลงให้เป็นรูปแบบของดิจิตอล เพื่อที่จะนำไปใช้งานได้ ...

Sampling Rate น่าจะแปลความหมายได้ว่า เป็นความละเอียดในการจับสัญญาณจาก Analog เพื่อมาแปลงเป็น Digital (Analog to Digital Converter - ADC) ยิ่งสูงยิ่งเร็วยิ่งละเอียด ยิ่งคล้ายคลึงกับต้นฉบับมากเท่านั้น ...



สังเกตุดูที่ภาพ เส้นสมูท ๆ นั้นคือ อนาล๊อค ส่วนที่เป็นหยัก ๆ นั่นคือดิจิตอล ... จะเห็นว่ายิ่ง sampling rate สูงขึ้น (เส้นตรงที่ตัดลงมาถี่ขึ้น) รอยหยักของดิจิตอล จะไกล้เคียง ความสมูทของอนาล๊อกมากยิ่งขึ้น ...

นิดนึงครับ จากกระทู้คุณ popgtr  คำว่า Sampling Rate สูงๆ เช่น 96 KHz. มันคืออะไรครับอธิบายแบบละเอียดหน่อยครับ ขอบคุณครับ

อู้วว ... กระทู้นี่มันนานแล้วนี่เน๊อะ เจ้าของเลือกได้ไปแล้วล่ะมั๊ง ...
ถ้าเป็นสองรุ่นนั้น หลับตาจิ้มเอาเถ่อะ มันคงไม่ได้ต่างกันมากนักหรอก ลำโพงคอมพิวเตอร์ ...

ถ้าให้ได้มาตรฐานขึ้นมาหน่อย เลือกลำโพงที่เป็น Studio Monitor มาคู่นึง บวกกับ subwoofer ที่เข้ากันอีกหนึ่งตัว ซึ่งจำเป็น งานหนังมีบ้าพลังเล่น Low-Frequency เยอะ ... งบสองสามหมื่นบาทมันจะได้แบบ near-field มา บางทีไม่ต้องคำนึงถึงขนาดห้องมากก็ได้เพราะเราอาศัยฟังระยะใกล้ ก่ะว่าห่างสักสองสามฟุตเต็มที่แล้ว ยิงเข้าหูตรง ๆ ห้องไม่เกี่ยว หลุดจาก sweet spot ตรงนั้นเมื่อไหร่ อะไร ๆ มันก็เพี้ยนไปแล้ว ...

พอได้มาก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดวางให้ถูกตำแหน่งและเหมาะสม ลำโพงวางระดับหูพอดิบพอดี ทำมุมระหว่างกัน ลำโพง 2 ตัว กับ ตำแหน่งคนนั่ง 60 องศา (สามเหลี่ยมด้านเท่า รวมสามมุมก็ 180 องศา) ... วางลำโพงบนขาตั้งที่มั่นคง รองด้วยแผ่นยางหนา ๆ ห้ามวางบนโต๊ะ มันจะสั่น แล้วมีการรบกวน เสียงไ่ม่สะอาด ...

ประมาณนี้แล ...







ปล. อ้อ ถ้ามีงบ หา studio headphone มาอีกตัว ไว้เช็ครายละเอียดเสียง ไม่น่าเกินห้าพันบาท ...

แจมด้วยคน
เมื่อก่อน สมัยที่ หนังแผ่นรุ่งเรือง  ก็ทำกันแบบง่าย ๆ   ที่เคยใช้หรูสุด ก็ yamaha ns 10  เสียงออกมาเป็น สเตอริโอครับ
จากนั้น ก็เรื่องมีคนคิดมาก อยากจะให้มัน 5.1  ม้นก็เลยเริ่มยากขึ้นมานะครับ  (อันนี้เคยเห็นที่ห้องพี่เหมา วงชาตรี  เอ็มเอ็ม สตูดิโอ แถวแฟลตดินแดง
แกเอาลำโพง หลายอย่างมารวมๆกัน ) ขอออกตัว ว่าไม่สันทัดเรื่อง 5.1 เลยครับ
แล้วเคยเข้าไปดูเพื่อนมิกซ์หนัง ที่รามอินทรา พอดีเป็นรุ่นพี่  ก็เห็นการจัดวางและการใช้ลำโพง ที่ต่างไป  
กระผมว่า  มันอยู่ที่ ความต้องการใช้มากกว่านะครับ

ได้ความรู้เยอะเลยครับ

-*- ของผมใช้ ลำโพงคอม ธรรมดาอยู่เลย

แนะนำ Mackie ไว้อีกทางเลือกครับ