สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 2898เข้าชม
  • 5ตอบกลับ

ถามเรื่องภาพยนต์

ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
8
เงิน
284
ความดี
271
เครดิต
297
จิตพิสัย
68
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
คือผมจะตัดต่อภาพยนต์เพื่อนำไปฉายในโรงอ่ะครับ ผมอยากทราบว่า

1. โปรแกรมใหนดีที่สุด
2. อยากรู้ว่า คอม ต้องใช้แรม ซีพียูเท่าไหร่ครับ
3. ในกานทำสี เสียง หรือภาพจะทำให้มันสมูทออกมาสวยที่สุดต้องทำยังไงครับ


ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
ระดับ : สมาชิก V
โพสต์
102
เงิน
2119
ความดี
1069
เครดิต
1001
จิตพิสัย
1718
จังหวัด
เชียงราย
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 5#  โพสต์เมื่อ: 2014-04-23
ขอบพระคุณมากๆ ครับสำหรับความรู้ครับ
ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
45
เงิน
900
ความดี
1099
เครดิต
957
จิตพิสัย
1655
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 4#  โพสต์เมื่อ: 2014-04-03
ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
21
เงิน
263
ความดี
146
เครดิต
77
จิตพิสัย
222
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
โอ้ว ความรู้ทั้งนั้นครับ
ระดับ : สมาชิก V
โพสต์
148
เงิน
3793
ความดี
2253
เครดิต
2262
จิตพิสัย
4238
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
งานในขั้นตอน Post Production ของหนังที่ฉายในโรง จะเริ่มจากการเลือกบริษัท Post Production Studios ครับ
ซึ่ง Post. แต่ละเจ้า จะใช้อุปกรณ์กับขั้นตอนการทำงานไม่เหมือนกันฮะ เค้าเลย(เหมือนจะ)เป็นคนกำหนดให้เราควรใช้โปรแกรมตัดต่อที่เค้าสะดวกในการทำเอาไปใช้งานต่อ การจะเลือกโปรแกรมตัดต่อ ก็เลยน่าจะขึ้นอยู่กับ Post. ที่ว่าล่ะครับ
ที่เคยใช้ จะใช้ Final Cut Pro ตัดหนังฮะ แสดงว่าทาง Post. ใช้เครื่อง Mc

ส่วนเรื่องสเป็คคอมที่จะใช้ ก็ใช้คอมที่ตัดต่อปกตินี่แหละครับ เพราะคนตัดต่อ หรือ Editor เค้าตัดต่องานแบบ Offline เท่านั้น
ว่าแล้วก็ท้าวความซะหน่อย คือหนังที่ถ่ายทำสำหรับฉายในโรงหนัง จะถ่ายมาด้วยไฟล์ขนาดใหญ่มาก(หรือถ้าถ่ายมาด้วย DSLR ก็ไม่ควรไปยุ่งกับไฟล์ต้นฉบับ เก็บไว้ในที่ปลอดภัยดีที่สุด) เวลาที่จะตัดต่อหนัง ทาง Post. เค้าจะแปลงไฟล์ให้ขนาดเล็กลงสำหรับใช้ตัดต่อปกติส่งไปให้คนตัดต่อ ซึ่งไฟล์ที่แปลงแล้วก็จะเป็นไฟล์ฝาแฝดกับไฟล์ต้นฉบับทุกอย่าง ทั้งชื่อไฟล์, Timecode, การจัดFolder ตามวันที่ถ่ายทำมา ฯลฯ แต่คุณภาพจะต่ำกว่าไฟล์ต้นฉบับ ความละเอียดน้อยกว่า (ซึ่งกลับดีเสียอีก เพราะเกิดหนังที่ตัดต่อแล้ว รั่วไหลออกไปก่อนหนังฉาย ก็จะเป็นแค่ฉบับที่คุณภาพต่ำ)  คนตัดต่อ ก็เอามาตัดตามปกติ ขั้นตอนนี้เรียกว่า ตัด Offline
พอตัดต่องานสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายทุกคน ทางคนตัดต่อก็จะส่งแค่ไฟล์ Project ไปให้ทาง Post. (ส่งทาง e-mail เลย เพราะไฟล์โปรเจ็คท์มันไม่ใหญ่) ทาง Post. เค้าก็จะเปิดไฟล์ Project ไป Link กับไฟล์ต้นฉบับเอาเอง ทาง Post.ถึงเป็นคนลงมือกับไฟล์ต้นฉบับเพื่อทำเป็นไฟล์สำหรับฉายโรงอีกที (ตัด Online)
Post. บางเจ้า ก็ไม่ได้เอาไฟล์ Project ไป Link  แต่กลับเอาไฟล์ EDL (Editing Decision List) ที่คลอดมาจากเครื่องตัดต่อของคนตัดต่อ เป็นรูปแบบไฟล์เอกสารที่มีตัวเลข Timecode พรึ่ดไปหมด เอาไปLinkไฟล์ต้นฉบับแทนก็มี

รวมถึงการทำสีของหนังทั้งเรื่องด้วยฮะ ทาง Post. แต่ละที่ก็ใช้ซอฟแวร์ไม่เหมือนกัน เลยไม่ใช่หน้าที่ของทีมผลิตที่จะไปเลือกโปรแกรมแก้สีฮะ ทีมฯ มีหน้าที่แค่เข้าไปอธิบาย, ดูสี, แก้สี, อนุมัติ โดยไม่ต้องไปลงมือเอง ให้ผู้มีประสบการณ์ มีอุปกรณ์วัดค่าสีที่แน่นอนทำ Sureกว่า (นี่ยังไม่ว่าด้วยเรื่องงานเสียง ที่ผ่านขั้นตอนอีกมากมายไม่แพ้งานภาพด้วยนะเนี่ย)

ทำไมต้องให้ "คนอื่น" มาทำหนังของเราน่ะหรือฮะ ทำไมไม่ทำเองจากบ้านเสียทุกขั้นตอน
เหตุผลก็คือ "โรงหนัง" นั่นเองฮะ เค้าไม่ยอมให้งานที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน มาฉายในโรงเขาแน่ๆ เพราะฉะนั้น ควรให้มืออาชีพที่อุปกรณ์ครบ มีการวัดผลที่ได้มาตรฐาน เป็นคนลงมือกับงานหนังจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเกิดทำเองไปแบบลองผิดลองถูก ตอนเอาหนังไปส่งให้ทางโรง เผลอๆ เค้าอาจจะให้เราเอาหนังกลับไปแก้ไขมาใหม่ทุกขั้นตอน จะช้ำใจเสียเปล่าๆ
และหนังเรื่องนึง ไม่ได้จบแค่ในโรงหนังเท่านั้น หลังจากออกจากโรงแล้ว ก็ยังเดินทางไปเป็น DVD, Blueray หรือไม่ก็อาจต้องเดินทางออกไปนอกประเทศ ไปยังเทศกาลต่างๆ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนทางเทคนิค ผ่านการคัดกรองอีกหลายหน่วยงานหลายสถาบัน ฉะนั้น ทำให้ถูกต้องตามมาตรฐานไว้ก่อน ดีที่สุดฮะ

บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 1 คะแนน ความดี +1 ซ่อน
jackcable ความดี +1 2014-03-14 บทความที่ดีเยี่ยม, สนับสนุน!
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
321
เงิน
7698
ความดี
7855
เครดิต
7178
จิตพิสัย
8977
จังหวัด
กระบี่
ไม่มีใครตอบให้ได้ตรงเป๊ะครับน้อง
ต้องหาเอาทาง google ดู เพราะความรู้ด้านนี้เยอะมาก ไม่มีคำตอบตายตัว

ก่อนอื่น ตั้งหัวข้อกระทู้ให้ตรงประเด็น เจาะจงไปเลยครับ ว่าอยากรู้เรื่องไหน

ต่อมา ถ้าอยากทำภาพยนตร์ไปฉายในโรง แบบโรงหนัง เมเจอร์ไรพวกนี้
น้องต้องฝึกปรือ ทำหนัง ดูหนัง เขียนบท ลองแสดงเอง กำกับ ตัดต่อ ให้เยอะๆ
สักร้อยสิบ ร้อยๆ เรื่องเลยยิ่งดี น้องถึงจะเอาไปฉายในโรงภาพยนตร์อย่างที่ว่าได้
เพราะมันไม่ง่ายไงล่ะครับ(ก็คือการสั่งสมประสบการณ์นี่เองคับ)

ส่วนคำถาม 3 ข้อ ไม่ขอตอบนะครับ เพราะแค่เสริชกูเกิ้ลก็หาเจอ ถ้าน้องรัหนังจริงๆ
อย่ายอมแพ้ครับ มันลำบาก ต้องอดทน ต้องขยันมากกกกกกก อดนอน แต่ถ้าน้องรักกจริงๆ
น้องจะรู้คำตอบทุกคำตอบที่อยากรู้ ด้วยตัวของน้องเอง
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้