..โปรดิวเซอร์น้องใหม่ เรียนจบสมัครเข้าทำรายการฯ ถ่ายเสร็จขอฟุตงานให้ช่วยเขียนลงแผ่น
นำส่งทั้งหมด ทั้งสัมภาษณ์และสต๊อกถ่ายทำ ดูเสร็จส่งกลับรายละเอียดของงานที่จะให้ตัด
ระบุเวลาทามโค๊ด นาทีที่10.50 ใช้เสียงช่วงนี้ถึง11.15 / ใช้ภาพ นาทีที่50.15และ59.15
รายละเอียดของงานรวมทั้งหมด 15 หน้า
แถมทิ้งท้าย หมายเหตุตัวโตๆสีแดง" กรุณาอ่านและทำตามอย่างเคร่งครัด".
..นั่งคุยกับพี่ในวงการ " น้องใหม่เดี๋ยวนี้เก่งนะ แค่ดูฟุตงาน ก็บอกได้ ว่าจะใช้ภาพและเสียงช่วงไหน
สามารถเรียงต่อเป็นเรื่องออกมาได้เลย( ไม่จำเป็นต้องดูจากการตัดจริง) "
..พี่คนเก่งอธิบาย "เดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่ เขาทำงานกันแบบนี้ อย่าเถียงเขาเรียนมา"
... สั่งมาจัดเต็ม ตัดไปจนเสร็จรู้สึกงานบางช่วงน่าจะผิด ไม่น่าจะใช่ เลยสอบถามกลับโปรดิวเซอร์น้องใหม่ตอบกลับทันที.."รู้คับ แต่อยากดูงานตัดดร๊าฟแรกก่อน ผิดถูกไม่ดีอย่างไร จะแก้ส่งกลับไป"
...ผมจึงเริ่มเข้าใจแล้ว จริงๆโปรดิวเซอร์น้องใหม่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่างานที่ตัวเองกำหนดภาพ
ระบุเสียงโดยดูจากทามโค้ดเพียงอย่างเดียว จะออกมาดีหรือไม่ เป็นเพียงแค่การประเมิน
ถ้าออกมาไม่ดีค่อยปรับแก้ไขในภายหลัง(ยังเหลืออีก 2 ครั้ง)...อ่านแล้วเข้าใจตรงกันนะคับว่า " ตัองมีการแก้ไข "คำนี้เหมือนมีมนต์สะกด - คนตัดต่อตัดไปตามที่สั่ง ไม่ดีไม่แก้ไข เพราะยังไงต้องทำใหม่
- คนทำกราฟฟิค ไม่คิด ไม่ปรับ ไม่ตกแต่ง ทำแค่พอผ่าน
- คนทำเพลง ไม่ต่อเพลง ไม่จับท่อนยาก ปูเพลงเดียวจบ
...ถ้าสตอรี่ไลน์ชุดนี้คือมาสเตอร์ของงาน สิ่งที่โปรดิวเซอร์น้องใหม่ จะได้คืองานที่ไม่สมบูรณ์ 50%
และเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่2และ3 แต่จะได้งาน 50% ที่สมบูรณ์..เข้าใจไม๊คับ
...จริงๆแล้ว การทำ story board มีมานาน(พี่คนเก่งรุ่นเก่าทำ) แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในวงการโฆษณา
งานที่ต้องการคุณภาพ หรือใช้ใน วงการภาพยนตร์ สำหรับงานที่ลงทุนสูง และข้อสำคัญคือ
ถ้าทำตาม story board ที่กำหนด งานออกมาดีปิดจ๊อปเลย ( ถ้ามีการแก้ไขอาจเพียงเล็กน้อย )
...เมื่อทุกคนเข้าใจ ต่างทำเต็มที่
- ทีมถ่ายจัดเต็ม มุมที่คิดว่าสวยสุด100%
- ทีมตัดซัดเต็มเหนี่ยว แทรกภาพทุกเฟรม 100%
- ทีมกราฟฟิคซัดเต็มที่ คิดและพลิกเหมือนเสกคาถา100%
- ทีมลงเสียงเก็บทุกเม็ด โชว์ฝีมือ ขยับทุกจังหวะ100%
...เมื่องานออกมา 100% อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็ปรับแก้ไขภายใต้การทำงาน100% ได้ไม่ยาก
(เพราะทุกอย่างออกมาดีอยู่แล้วนั่นเอง)
...การทำ story จะทำโดยผู้มากความรู้ มีความ ชำนาญสูง มองงานขาด เพราะหากผิดพลาด
อาจไม่สามารถแก้ไขงานให้ออกมาดีได้
...แต่ถ้าทำโดยน้องใหม่ที่มีชั่วโมงบินน้อย ไม่ชำนาญ มองงานไม่ขาด นอกจากจะได้งานออกมาไม่ดีแล้ว
ยังเป็นการปิดกั้นความคิดดีๆของทีมงานผลิต อีกทางหนึ่งด้วย(เสียดายเงินเนอะ จ้างมาตั้งแพง)
...และหากมี ใครมาพูดว่า "งานจะออกมาดี และมีคุณภาพได้ ต้องทำstory line"
ผมคนหนึ่งล่ะ จะขอสู้ขาดใจ "ไม่มีทางออกมาดีได้..อย่างแน่นอน "..เถียงมาได้นะคับ รอฟังอยู่
www.p0p-it.blogspot.com