ตีความงานตัวนี้หน่อยอยากรู้คิดยังไง

ผมดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ แต่เดาว่าถ้าเราไม่ใส่หน้ากากให้กันก็จะเจอกัน หรืออะไรยังไง อยากรุ้ว่าตีความกันแบบไหน ได้บ้าง

ผมว่าเค้าสองคนเป็น เอเลี่ยน ครับ และหินทั้งหมดก็เป็นเครื่องส่งสัญญาณ ให้ยานมารับกลับต่างดาว โดยที่หินก้อนที่พระเอกถือคือก้อนสุดท้ายถึงจะครบจำนวน   และที่เห็นตอนแรกเป็นผู้ชายคนโตคือ เอเลี่ยนเด็กตัวนี้ได้แปลงกายมาแฝงตัวอยู่กับมนุษย์เรานั่นเอง สุดท้ายจะกลับต่างดาวเลยนำหินมารวมกันกับของเอเลี่ยนเด็กผู้หญิง...


555(คิดไปได้)

ดูแร้วก็งงค่ะ อยากรู้จังว่าเค้าต้องการสื่ออะไร

Like.fm for Safari (click to dismiss)
You have not linked an account to this extension. Songs you play will not be sent to Like.fm.


Like.fm for Safari (click to dismiss)
You have not linked an account to this extension. Songs you play will not be sent to Like.fm.

ใก้ลเคียงกับข้างบน ครับ ของผมมันคือสัจธรรมของมนุษย์  เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่เราผ่านอะไรมาเยะมีประสบการณ์
เราก็สร้างเกาะป้องกันตัวเราโดยใส่หน้ากากเอาใว้จะใว้หลอกคนอื่นหรือป้องกันไม่ให้คนอื้นรู้สิ่งทีแท้จจริงภายในใจของเรามันก็เหมือนมายานะครับทำไมต้องเดินบนหิมะด้วยความโดดเดี่ยวมันก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้วครับ เจ็บเย็น เข้ากระดูกโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวภายในหน้ากากทำไมสลับกับหน้าผู้หญิงเพราะผู้ชายต่อให้แกร่งขนาดในก็ชอบความสวยงามอ่อนโยนของผู็หญิง และเมื่อเราสวมหน้ากาก เป็นอะไรก็ตามใจจริงลึกๆเรายังมีความคิดผิดชอบชั่วดีแต่ตอนนี้เราสวมหน้าอยู่จึงต้องซ่อนเร้นมันใว้ จริงแล้วเราอยากช่วยเหลือคนที่ออ่นแอกว่า ในส่วนลึกๆเมื่อไรก็ตามคนที่สวมหน้ากากคิดแบบนี้เข้าก็จะกลับไปสู่วัยที่บริสุทธิ์และพร้อมที่จะถอดหน้ากากเพื่อคุ้มครองและให้ความอบอุ่นและพร้อมจะเดินทางไปด้วยกัน วงกลมที่เป็นจุดที่ขีดเอาใว้หมายถึงมีจุดมุ่งหมายที่จะค้นพบแสงสว่างของการที่จะได้เป็นมนุษย์ที่ไม่มีคำว่ามายาและการสร้างภาพ คืนตอนเป็นเด็กน่าจะเป็นแค่วัยนั้นที่คิดเองได้และยังไร้เดียงสาถ้าเลยไปอาจไม่ไร้เดียงสาถ้าเด็กไปก็คิดอะไรไม่ได้ เลยจบแค่วัยนั้นแล้วหายไปตามฝัน   .....หน้่ากากคือเราอยากปกปิดบางอย่าง มนุษย์นะครับ ไม่ให้เห็นสิ่งที่ไม่ดีของตัวเองโดยการปกปิดและไม่ชอบให้คนอื่นดีกว่า  ผมก็มีอาชีพสร้างภาพให้คนอื่น.และผมก็พยายามลดการสร้างภาพให้ต้วเองทำความดีมากขึ้น ไม่รู้จะกลับกลายเป็นสร้างภาพให้ตัวเองดูดีหรือเปล่า....... มนุษย์...........มาถอดหน้ากากกันเถอะครับแล้วจะพบแสงสว่าง......ชื่อเรื่องน่าจะเป็นแบบนี้  ...........ลืมไปอีกอย่างหนึ่งน่าจะเป็นตัวเมนเหมือนกันสีขาวที่ถืออยู่ในมือ....มือคือทุกอย่างคือมือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของมนุษย์ที่ที่จะสร้างอะไรก็ตามโดยรับคำสั่งจากสมองคือสิ่งที่เราคิดส่วนมากเราจะใช้มือเราทำ.....เราจะเป็นผู้ใหญ่จะสวมหน้ากากเราก็ไม่เคยทิ้งมันไปนั้นเหละคิดได้ยังงั้นเราจึงมีความมุ่งมั่นและจับมันใว้แน่นมันอาจเป็นความคิดที่ดีแล้วไปพร้อมกับผู้ชายที่สวมหน้ากากพอถึงเวลานั้นแล้วเราก็ถอดหน้าและพร้อมจะทำสิ่งนั้นที่เรารอคอยอยู่คือกลับสู่วัยบริสุทธ์และได้ทำความดีตั้งใจใว้    จบแล้วครับเมื่อกี้ลืมสิ่งสำคัญไปแต่ก็จบแนวเดียวกัน

ผมว่ามันกำลังพูดถึงการเดินทางของชีวิต "ชีวิตคือการค้นหาส่วนที่หายไป วันนึงเราจะเจอหรือไม่เราอาจจะเจอแล้วแต่เราลืมมันไป" พระเจ้าเคยบอกไว้ว่าให้อวัยวะมาเป็นคู่แต่มีหัวใจให้ดวงเดียวเอาไว้ให้คนทุกคนได้ตามหา

ผมมีคนรัก และผมกำลังพยายามเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคที่กำลังรุมเร้าผมอยู๋
บางครั้งผมรู้สึกท้อแท้ อ่อนแอหมือนเด็กคนหนึ่ง
ผมเชื่อว่าเธอคือคู๋ชีวิตของผมและเชื่อว่าผมจะทำได้สำเร็จ มันทำให้ผมมีกำลังใจสู้ต่อไป
ผมไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้วไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ชื่อเสียง ไม่สนใจว่าที่ไหน
ขอเพียงได้อยู่กับเธอตลอดไป

ผมคิดเอาเองว่า ผู้ใหญ่เมื่อโตขึ้นจะรู้จักอะไรมากขึ้น แล้วความจริงใจจะน้อยลง เริ่มใส่หน้ากากเข้ากันในสังคม ซึ่งเมื่อวันหนึ่งหน้ากากเหล่านั้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย หากเปรียบเทียบกับเมื่อตอนเด็ก หน้ากากยังไม่มี(ตอนเดินมาข้างหลังเด็กหญิงหน้ากากถูกเปิดออกแล้ว) ความจริงใจที่มีให้ต่อคนรอบข้างมากขึ้น และภาระที่มีก็น้อยลงหรือไม่มีเลยดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น

ผู้ชาย - ตัวแทนคนในสังคม

เด็กผู้หญิงที่ไม่ใส่หน้ากาก - ตัวแทนเด็กที่ใสซื่อและบริสุทธิ์ปราศจากการหลอกลวง

เด็กผู้ชายที่เปิดหน้ากากออก - ตัวแทนความเป็นเด็กในอดีต

ก้อนหินในมือ - ภาระที่แบกไว้ซึ่งเมื่อกลับสู่ตอนเป็นเด็ก ภาระทั้งหมดจะถูกวางลงอยู่รอบตัวโดยที่เราไม่ต้องรับผิดชอบ

เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเหมือนกันครับ มันน่าจะเป็นเรื่องความรัก มันน่าจะเป็นเรื่องการโหยหาถึงอะไรบางอย่าง
แต่นี่มิใช่หรือคือเสน่ห์ของงานศิลปะ ที่ทำให้ผู้เสพงานร่วมตีความ ไปกับเนื้องานที่ไม่ให้คำตอบไปซะหมด

(ความเห็นผมนะครับ..)

ผมรู้สึกถึงความรักที่ ทุ่มเท บริสุทธิ์ ปราศจากเล่ห์เหลี่ยมครับ หน้ากากใช้เพิ่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่จงรักภักดีมากกว่า(ความเห็นส่วนตัว)
ชายคนนี้กำลังวิ่งตามคนที่เค้ารัก คนที่เค้ารักด้วยความบริสุทธิ์ใจ อันนี้ตีความจากความรู้สึกที่ดูจนจบนะครับ

ภาพ-ผู้ใหญ่ ใส่หน้ากาก เดินคนเดียว ... ตีความ >การเดินออกกำลังกายเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด หน้ากากปิดบังใบหน้าตอนเป็นชาย
ภาพ-ใบหน้าผู้หญิงแว็บไปแว็บมา ...      ตีความ >ผ่าตัดแล้วชั้นจะสวยแบบนั้น
ภาพ-ถอดหน้ากาก เด็ก จับมือ              ตีความ >เป็นคำสัญญาไว้กับเพื่อนสาว ว่าโตมาเราจะสวย แต่โตมาหน้าโหดเลยต้องใส่หน้ากากน่ะ
ภาพ-ก้อนหินที่ถืมมา                          ตีความ >จริงๆไม่ใช่ก้อนหิน เป็นซิลิโคน พอถูกความเย็นจัด เลยแข็ง

ผมว่าหนังเรื่องนี้สื่อถึงเพศที่สามได้อย่างดีเลยครับ สะท้อนสังคมในยุคนี้ที่เพศที่สาม มีบทบาทในสังคมมากขึ้น

ผมว่าแค่นี้หนังเค้าก็ประสบความสำเร็จส่วนนึงแล้วละครับ ที่มีคนครุ่นคิดถึงเนื้อหาในหนังของเค้า ว่ามันคืออะไร จริงๆหนังมันอาจจะไม่ได้มีอะไร มันจะมีอะไรก็ต่อเมื่อคนดูคิดว่ามีอะไร

ภาพ > ผู้ใหญ่ ใส่หน้ากาก เดินคนเดียว ... ตีความ > ยิ่งโต ยิ่งมากประสบการณ์ ยิ่งใส่หน้ากากเข้าหากัน ก็จะมีแต่ความโดดเดี่ยว ... ยิ่งสูงยิ่งหนาว ...
ภาพ > ถอดหน้ากาก เด็ก จับมือ ... ตีความ > เมื่อไหร่ที่ถอดหน้ากาก จิตใจก็กลับมาใสซื่อ บริสุทธิ์ เหมือนเด็ก เข้าถึงง่าย ไม่โดดเดี่ยว ... กลับสู่สามัญ ...

เอแต่ไม่น่าจะใช่แฮ๊ะ ... ในมือเห็นมีหินสีขาว เห็นเน้นอยู่ ท่าจะสำคัญด้วย มีข้ามสะพาน มีบุกป่า อีก น่าจะมีความหมายทั้งหมด ... ตอนจบไม่รู้หินสีขาวก้อนนั้นหายไปไหน หรือ ถูกวางไว้ตรงไหน ...

ดูช่วงแรก คิดว่าเป็นคุณพ่อมาตามหาลูกสาว เพราะจากกันมาหลายปี และที่ใส่หน้ากากก็เพราะอยากจะสร้างความประหลาดใจ แต่ พอดูไป ดูมา อ้าวคนใส่หน้ากากขาวก็เป็นเด็ก นางเอกก็เป็นเด็ก อาจจะเคย จูงมือกันฆ่าตัวตายในอดีต จมลงไปใต้น้ำ แข็งตาย สุดท้าย รอดมาได้ หนึ่งคน แต่ ยังไม่ รู้จริงๆ ว่าใคร รอดตาย ชาย หรือ หญิง? สรูป ดูแล้ว งง จริงๆ ครับ?

เห็นด้วยกับคุณ composecg นะครับ ว่าเป็นงานแนว Nostalgia หรือ หวลคำนึงถึงวันวานที่ผ่านมาครับ ผมตีความเอาว่าน่าจะเป็นดังนี้นะครับ ตอนเด็ก พระเอกเคยใส่หน้ากากสีขาว แล้วมาเล่นแถวนี้ เจอนางเอกวัยเด็ก ทำสัญญากันไว้ว่าจะต้องเอาหินมาต่อเป็นรูปวงกลมให้สำเร็จ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางเอกอาจเสียชีวิตไป หรือพระเอกไม่เคยได้เจอเธออีกเลย จนกระทั่งหลายปีผ่านไป พระเอกอาจจะประสบกับอะไรในชีวิตหลายอย่าง จนกระทั่งเริ่มย้อนคิดถึงความสุขในวัยเด็ก เขาเลยนึกขึ้นได้ว่าเคยทำสัญญากับเด็กหญิงคนหนึ่งไว้ จึงใส่หน้ากากแบบเดิม แล้วเก็บก้อนหิน เดินทางมายังที่เดิมที่เคยเจอนางเอก โดยหวังว่าจะมาเติมเต็มวงกลมของก้อนหินให้ครบ และอาจจะหวังลึกๆ ว่าจะได้เจอนางเอกอีกครั้ง แต่สุดท้ายจะเจอหรือไม่ก็เพียงอยากย้อนไปทำคำสัญญาในวัยเด็กให้สมบูรณ์ เมื่อทำวงกลมได้สมบูรณ์ตามสัญญาแล้ว พันธะต่างๆ ก็หายไป สัญญาก็ถูกลบล้าง จึงมีภาพเด็กทั้งสองในวงกลมค่อยๆ เลือนหายไป
ถ้าเป็นผม ก่อนหน้านี้จะให้มีภาพพระเอกกำลังจะตายตามนางเอกไป แต่ยังคงยึดติดกับคำสัญญาวัยเด็ก วิญญาณของเขาจึงย้อนวัยกลับมาเจอนางเอกอีกครั้ง (ซึ่งอาจจะเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว) เมื่อคำสัญญาถูกทำจนสมบูรณ์ วิญญาณของทั้งสองคนก็ไปสู่สุขติ ฮิ ฮิ ฮิ อ่านมาถึงตอนนี้ ทุกท่านคงว่า ผมมั่วอีกแล้ว แต่เอาเถอะครับ หนังมันก็คือ หนังแล้วแต่เราจะตีความ หรือ เข้าถึงจิตวิญญาณของมันได้แค่ไหน เอาเป็นว่า นี่ล่ะครับ สเน่ห์ของภาพยนตร์

ด้วยความเคารพ