โอ่ ดูภาคสองแล้ว เฮ่อออออ.......
ขอนุญาตพูดตรงๆ ต้องปรับปรุงความเป็นผู้กำกับนะครับ
ขออภัยล่วงหน้าหน่อยที่รอบนี้ ผมอาจจะมาเต็มหน่อยนะ แต่ผมมาด้วยเจตนาดีนะครับ ถ้าไม่ชอบอย่างไรบอกได้ ผมจะได้ปรับปรุงตัว
เอาเรื่องโปรดักชั่นก่อน บอกได้ว่าแย่กว่าเดิมนะ ดูเหมือนคุณใส่ใจเรื่องนี้น้อยลง ภาคที่แล้วยังมี shot ที่ดูมีความคิดเบื้องหลังภาพนั้นโผล่มาให้เห็นบ้าง แต่ภาพเหมือนถ่ายภาพอะไรก็ได้มาก็ได้ แค่ให้เห็นกิจกรรมของตัวละคร ก็พอ น่าเสียดายนะ
ก็เดาว่าคุณอาจไม่ตุ้นเคยกับ location ไม่เหมือนถ่าย มหาลัยเรา เดินผ่านทุกวันมาหลายปี มีมุมในใจมากมาย หรือไม่ก็เวลาน้อย หรือ เจ้าของโรงเรียนจะไล่ที่ ต้องรีบกองโจรเอา มั้ง
ส่วนเรื่องตัวหนังเอง ประเด็นหลักของผมคือ
ความมีชีวิตของตัวละคร ตัวคนตาบอดเอง ผมก็เริ่มรู้สึกเค้าไร้ชีวิตละนะ ผมเริ่มเบื่อเค้าแล้งหล่ะ ดูเค้าเป็นแบบเดิมไปเรื่อยๆ ทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ พูดสไตล์เดิม เลยทำให้เสน่ห์ของเค้าลดลงกว่าภาคที่แล้วมาก ความประทับใจก้เลยลดลงไปตาม ส่วนนางเอกของเรา ไม่ต้องพูดถึง ยิ่งไร้ชีวิต ไร้ความรู้สึกนึกคิดไปกว่าเดิมอีก
สังเกตุได้จากการที่เธอยอมไปเที่ยวโรงเรียนเด็กตาบอด แบบว่าเค้าชวนไปก็ไป เค้าบอกให้ทำอะไรก็ทำ ซื้ออะไรก็ซื้อ ทำหน้าเฉยก่อนถูกชวน ถูกชวนแล้วก็ไม่มีความรู้สึกอะไรออกมา ขอถามหน่อยว่า ปกติแล้ว ผู้หญิงที่เป็นวัยรุ่น เป็นนักศึกษา มีแฟน แฟนเล่น BB คนมี lifestlye แบบนี้ ว่างๆเค้าน่าจะไปน่าจะไปไหนกัน หรือไม่ต้องไกลขนาดนั้น เอาตัวคุณเองว่างๆเสาร์อาทิตย์จะไปเที่ยวกับแฟน หรือคนที่เราชอบ จะไปไหนด้วยกัน แล้วถ้าอยู่ดีๆ จะชวนไปที่ๆไม่เคยไป คุณเองก็ต้องมีความคิดไปทิศทางทิศใดทางนึง ใช่มั้ยหล่ะครับ
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ว่า ไปโรงเรียนเด็กตาบอดมันแย่นะ แต่มันแปลกๆนะ ที่อยู่ดีๆเราจะถูกชวนไปที่ๆเราปกติ ไม่เคยไป ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ๆสร้างสรรค์หรือไม่ก็ตาม (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ อิอิ) แล้วก็เออ-ออไปกับเค้าโดยไม่มีปฏิกิริยาซักอย่าง มิหนำซ้ำ ยัง enjoy กิจกรรมใหม่กันง่ายๆ โดยส่วนตัวผมก็ไม่ชอบให้ไปให้ขนม นมเนย เด็กๆด้วย มันเหมือนไปเลี้ยงปลา เลี้ยงนก ทำบุญโดยสิ่งมีชีวิตที่มีสถานะเหนือกว่า ให้กับสิ่งมีชีวิตที่สถานะต่ำกว่า ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ผมว่าเด็กพิการก็เป็นคน และมีคุณค่ามากกว่านั้น ทำไม่หากิจกรรมที่มันสร้างสรรค์ สนุกๆมาทำดีกว่า ไม่ต้องยิ่งใหญ่ก็ได้ แต่แสดงให้เห็นความมีคุณค่าในตัวเด็กคนตาบอดว่าเค้าก็ไม่ได้ค้อยไปกว่าคนปกติไรงี้ มิหนำซ้ำ ยังอาจเจ๋งกว่าคนที่ไม่พิการก็ได้ (นี่คือเสน่ห์ของภาคที่แล้วหนิ ลืม keep ในภาคนี้ไปได้ไงเนี่ย) อีกอย่างการเพื่มความสนุกสนาน จะช่วงให้ช่วงกลางเรื่องน่าจะทำให้น่าติดตาม แต่นี่คุณกลับทำให้มันด้อยลง ทั้งหมดใน paragraph นี้รวมกันทำให้ หนังเรื่องนี้น่าเบื่อ plain ไร้รสชาติ ไร้เสน่ห์ ไร้รสนิยมสิ้นดี
ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ หนังที่ผมไปดูเมื่อวาน คือเรื่อง RAPUNZEL(Tangled) ของ Walt Disney เสน่ห์ของที่เป็นเอกลักษณ์ของหนัง disney คือ ตัวละครของเค้าทุกตัว มีชีวิต ไม่ว่าจริงๆแล้วจะมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม ล้วนแล้วความเป็นคน มีความรู้สึกนึกคิด อย่างในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น ม้า เป็นกบ เป็นนก เป็นต้นไม้ ทุกอย่างล้วนมีชีวิตหมด เหมือนคนเลย แล้วผมชอบทุกครั้งที่ตัวละครเหล่ามีมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ เราจะได้เห็นความน่ารักของสิ่งเหล่านี้ื ผมสนุกมากกับการที่เค้าเอาความเป็นคนใส่ในสัตว์ แบบว่า สัตว์ที่เค้าเลือกมาก็เป็นสัญญะบอกลักษณะความเป็นคนในแบบต่างๆอีก มันเหมือนการแซวคนบางกลุ่มบางประเภทกันตลอดเวลา นี่แหละเสน่ห์ที่ทำให้ผมหลงรักหนังเรื่องนี้ และ disney อีกหลายๆเรื่อง
แต่นี่ย้อนกลับมาดูเรื่องของเรา เอ่อ....นี่ก็คน แล้วไม่ใช่หรอ.....แต่...ทำไม...ทั้งคู่ช่าง....(ต้นไม้ยังดีเกินไป)....ได้ขนาดนี้
คุณเก่งมากขอชม ฮ่าๆๆๆ
วันนี้เลยอยากให้แนะนำว่า เรื่องหน้า ให้คุณใส่ใจกับความมีชีวิตของตัวละครไว้ให้มากๆ จงจำไว้ว่า
ตัวละครทุกตัวมีชีวิต มีความเป็นคน มีความรู้สึกนึกคิด ไม่ใช่เป็นเพียงหุ่นยนต์ทำตามคำสั่งของผู้กำกับ แต่ผู้กำกับต่างหากถ่ายทอดความมีชีวิตของตัวละครเหล่านั้นออกมาให้ผู้ชมดูให้ได้ นี่จึงจะเป็นผู้กำกับที่ดีแล้วแต่จะพิจารณาครับ
[ แก้ไขล่าสุดโดย victormc49 เมื่อ 2011-03-11 18:42 ]