คือผมจะเรียนนิเทศน์ครับ ถามปรมาจารย์ทุกท่านหน่อย

สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามาช่วยตอบคำถามของผม

คือผมกำลังจะเรียนนิเทศน์ศาสตร์ สาขา ภาพยนตร์และส่อดิจิตัลครับ ที่ มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์

มันมีคำถาม อยู่นิดนึงครับที่ว่า  เราจำเป็นต้องมีกล้องเป็นของตัวเองหรือเปล่าครับ  แล้วถ้าไม่มีเนี่ย จะสามารถเรียนได้หรือเปล่า ?

แล้วมหาวิทยาลัยทั่วไป ส่วนใหญ่ผมได้ยินมาว่า มักจะมีให้นักศึกษายืมใช้ได้ อันนี้จริงไหมครับ?

ขอบคุณที่ร่วมตอบคำถามนะครับบ    ส่วนใครมีอะไรจะเสนอแนะผมเนี่ย บอกด้วยนะครับ  ตอนนี้ทางบ้านถามว่า จบไปจะไปทำงานอะไร  ผมยังหาคำตอบให้เค้าไม่ได้เลย แต่ผมรู้ว่าผมอยากเรียนเจ้าตัวนี้อ่ะคับ

 ^^ โปรดแนะนำด้วยครับผม

โอ๊ววว ขอบคุณครับท่านอาจารย์  โหะๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่ ขอบคุณจริงๆนะครับผม  

อาจารย์ป๊อป สอน ปี1 เอกภาพยนตร์บ้างมั๊ยครับ

...ผมเองสอนอยู่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ อ.ป๊อป ปรัชญา ครับ เป็นครูปฎิบัติการนิเทศศาสตร์ (วิทยุ-โทรทัศน์) ด้าน Sound Production ส่วนครูที่สอนด้าน Film&Digital ก็รู้จักสนิทและทำงานด้วยกันทั้งหมดครับ...

...ถามว่าต้องมีกล้องส่วนตัวมั้ยสำหรับสาขานี้...
       - ถ้าเป็นภาพนิ่ง คุณเรียนภาพนิ่งแค่เทอมเดียวเองนะครับในความเป็นจริง อาจารย์ท่านจะสอนพื้นฐานการถ่ายภาพให้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะเน้นในสตูดิโอเป็นส่วนใหญ่รวมถึงการจัดแสงด้วย ซึ่งคงไม่ได้ Advance อะไรมากนัก ที่เหลือนักศึกษาต้องไปต่อยอดครับ ทั้งนี้หากนักศึกษามีความสนใจส่วนตัวก็สามารถ Walk in มาหาอาจารย์ที่ดูแลการสอนในสตูดิโอได้ทุกท่านเลยครับ ทุกท่านยินดีที่จะร่วมแบ่งปันความรู้ครับ ..ดังนั้นสรุป คือ ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ครับ เพราะกล้อง DSLR ปัจจุบันนี้ถึงแม้ราคาจะลงเยอะแล้ว แต่ก็เป็นหมื่นบาทอยู่ดี สิ้นเปลืองครับ เพราะคุณใช้เรียนแค่เทอมเดียว ยกเว้นแต่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวครับ
     - สำหรับกล้อง วิดิโอ อันนี้ก็ไม่ต้องซื้ออีกเช่นกันครับ เพราะราคามหาโหดตามคุณภาพ และเป็นการรบกวนคุณพ่อคุณแม่เปล่าๆ ทางมหาวิทยาลยเองในสาขาที่คุณเลือกเรียน มีกล้องวิดีโอ Sony Ex-1 รองรับอยู่ 3 ตัว ระดับ Full HD ครับ พร้อมชุดไฟและอุปกรณ์ครบ ในอนาคตอีกไม่นานมีจะมี Sony Ex-3 มาอีก 2 ตัว พร้อมชุด Production และ Lens พร้อม เช่นกันครับ ดังนั้นคงเพียงพอกับความต้องการแล้ว นอกจากนี้ เรายังมีกล้องใน Format อื่นๆนอกจาก AVCHD อีกนับ 10 ตัวครับ ซึ่งสามารถใช้งานระดับ Broadcast ได้ครับ ดังนั้น สรุปคือ ไม่จำเป็นต้องซื้ออีกเช่นกันครับ

** สรุป คือ ด้วยค่าเทอมของมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างแพงอยู่แล้ว ประกอบกับค่าห้องปฎิบัติการ ส่งผลให้ค่าเทอมของผู้ปกครองค่อนข้างสูงมากครับ ดังนั้นเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระตรงนี้ ขอให้นักศึกษาใช้อุปกรณ์ของมหาวิทยาลัยได้เลยครับ เพราะเราเตรียมไว้ให้นักศึกษาได้เรียนรู้จริงอย่างเต็มที่ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ Pre-Pro-Post เพียงแค่คุณมีความตั้งใจจริง ความพยายาม การใฝ่รู้อย่างจริงจังก็พอครับ ประกอบกับการ Walk in เข้าหาอาจารย์ ทุกท่านยินดีมอบความรู้และประสบการณ์เพื่อการศึกษาแก่นักศึกษาทุกคนครับ...

ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับผม  


แต่ในใจก็นึกน๊า ถ้าไม่มีกล้องนี่ต้องอายเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันแน่ๆเลย  แบบว่า เรียนนิเทศน์ไม่มีกล้องแล้วมาเรียนทำไมอะไรอย่างนี้  แต่ ซักวันเราต้องมีแหละหน่า เนอะ 55

ไม่ได้เรียนด้านนิเทศ เลยไม่รู้ว่าอุปกรณ์มีแค่ไหน

ศึกษากับรุ่นพี่ที่เรียนนิเทศเอา เขาก็ประมาณว่าอุปกรณ์ทางมหาลัยไม่พอ ต่อคิวยืมกันยาวววว

บ้างคนต้องไปเช่ากล้อง เช่าไฟมาใช้กันมาเอง

มีกล้องของตัวเองก็ดีค่ะ จะได้ฝึกฝีมือไปในด้วย ทำความคุ้นเคยกับกล้องไว้

เพราะยังไงน้องก็มีโอกาสเรียนด้านนี้ ก็เอาให้เก่งๆไปเลย จะได้มีคนเก่งๆเพิ่มอีกคน

สู้ๆนะค่ะ

ทุกท่านตอลเคลียร์กันหมดแล้ว แต่อยากตอบบ้างอะไรบ้าง 555

ผมเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏครับ

ขึ้นชื่อในด้านขาดแคลนอุปกรณ์มาก

มีกล้อง DV ใช้ยืมใช้อยู่5ตัว แบบพังๆไม่สมประกอบเท่าไหร่ มีเครื่องตัดอยู่ 10เครื่อง ทุกเครื่องเต็มไปด้วยไวรัส 555

อุปกรณ์เหล่านี้ ต่อนักศึกษาชั้นปีผมประมาณ 100 กว่าคน ชั้นปีอื่นอีก ชั้นละ 100-200 คน(ปี1จะเยอะมาก  แต่จะหายไปเรื่อย ๆ)

ถามว่าเพียงพอมั๊ย ตอบได้เลยว่าไม่ครับ

แล้วทำอย่างไร

1.วางแผนการทำงาน รีบทำก่อน ยืมของก่อน ความไวเป็นของปีศาจ แต่มนุษย์สามารถเอามาใช้ได้

2.ทำความรู้จักกับรุ่นพี่ เพื่อน ๆเอาไว้ครับ ช่วยได้เยอะ ผมก็ใช้วิธีนี้แหละ 555

3.เก็บเงินรอครับ อุปกรณ์เดี๋ยวนี้ราคาลงมาเยอะมากแล้ว อีกปีนึงเนี่ย คงเก็บเงินได้ก้อนนึงแน่ ๆ ถ้าตั้งใจนะ

จบสิ่งที่อยากจะบ่นไปแล้ว



มาเรื่องของ อุปกรณ์ที่ให้ยืมของ ธุรกิจบันฑิต

มีให้ยืมครับ อุปกรณ์ดีมาก ถึงมากที่สุด สตูดิโอดี ๆนี่เองครับ  ไม่น้อยหน้า ม.กรุงเทพแน่ ๆ

แต่เรื่องระเบียบการยืมนี่ไม่แน่ใจครับว่าเป็นยังไง


ส่วนเรื่องที่จบไปแล้วทำงานอะไรนี่ตอบยากเหมือนกันครับ ถ้าไม่มีเป้าหมายมาก่อน งานด้านนี้มันค่อนข้างกว้าง

ที่บ้านผมก็ถามเหมือนกัน ผมก็ตอบไปว่า ทำรายการทีวีทีวี

มาถึงตอนนี้เอง ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีเหมือนกัน ยังตัน ๆอยู่นิดหน่อย เพราะทำไปหมดทุกอย่าง จับฉ่ายเหลือเกิน

ถึงจะคิดไว้บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จมั๊ย

ปล.ถ้าชอบแล้ว ทำไปเถอะครับ เอาให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ แล้วผลมันออกมาเดี๋ยวก็ดีเอง เค้าจะเห็นเอง

ดูแล้ว ค่อยมีกำลังใจหน่อย เชื่อเลยว่าพี่ๆนี่พลังจริงๆ จบมาดูไม่ค่อยจะตรงกับงานที่พี่ๆทำเลยเฮอะๆๆ แต่ก็นะครับ ถือว่าเป้นกำลังใจที่ดีสำหรับผมเหมือนกัน ผมก็เด็กวิทยาคอม ที่ไม่ยอมทิ้งฝันเหมือนกันเรียนไปเรียนมารู้สึกเหมือนไม่ได้อย่างที่ตั้งใจเท่าไหร่ ตอนนี้ขอลองเดินตามฝันดูบ้าง บอกได้คำเดียวเรียนอะไรก็ได้ขอให้รักก็พอ ที่เหลืือมันสุดแต่จะลงมือทำครับ...

ขอเอา ม.ตัวเองมาเผาหน่อย 555

ภาค วิทยุโทรทัศน์ อุปกรณ์มีไม่ค่อยพอครับ รอจองคิวกัน ที่มีก็ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ ประมาณใช้ไปแล้วต้องลุ้นวาจะเกิดเซอรไพรส์อะไรขึ้นมั้ย (โดยเฉพาะไมค์ wireless)

สำหรับ ม.ผม สิ่งที่จะทำให้เราได้คะแนนดี คือ แนวคิด วิธีการนำเสนอ วิธีการทำงาน ส่วนเรื่องโปรดักชั่น อ.แทบไม่สนใจ ถ้าโปรดักชั่นดี อ.ก็แค่ชมว่า สวย  เค้าแค่คาดหวังว่าเราทำได้ถูกก็พอ (การลำดับภาพ, องค์ประกอบม คุณภาพเสียง)


ไม่รู้นะ ม.ธุรกิจบัณฑิต อาจคิดไม่เหมือนกัน
สรุป มีกล้องก็มีสิทธิอนาคตไกล ถ้าขยัน แต่ไม่มีก็ไม่ตาย แถมได้ประสบการณ์การทำงานแบบมีข้อจำกัด  หนุกดี (เครียดด้วย)

ผมปี 1 นิเทศน์ ม.กรุงเทพ ภาพยนตร์ครับ ตอนนี้มี 550D ของพ่อ แอบเนียนเอามาใช้อยู่

แนะนำอย่างนี้ครับ

คือปี 1 เทอม 1 จะเรียนตัวพื้นฐานครับ ไม่มีได้จับกล้องแน่นอน แล้วเทอม 2 ค่อยเรียนตัวที่เกี่ยวกับภาพยนตร์จริงๆ

ส่วนมากที่อยากได้กล้อง เพราะต้องการเอามาถ่ายเล่นเอง ฝึกฝีมือซะมากกว่า

ผมจบวิศวเคมี คุณเอกจบพันธุกรรมศาสตร์ และเชื่อว่าอีกหลายๆท่าน ไม่ได้จบสายMedia
(ประภาส ชลศรานนท์ BigBossของ WorkPoint จบ สถาปัตย์)
ผมไม่ได้บอกให้ไปเรียนสาขาอื่นนะครับ555

ผมทำงานด้านนี้มา4ปีกว่าๆ
แต่เพิ่งมีคอมพิวเตอร์ไว้ทำงานเป็นของตัวเองจริงๆ
เมื่อ ตุลาคม ปีที่แล้ว
เพิ่งมีกล้องDSLRเป็นกล้องที่ใช้ทำงาน เป็นของตัวเอง เมื่อ มีนาคม ปีนี้ 
ก่อนหน้านี้ ทำงาน ต้องเช่าเครื่องตัด เช่ากล้อง(กรณีเป็นงานส่วนตัว)งานบริษัท ใช้ของบริษัท
ดังนั้น มีก็สะดวกดี ไม่มีก็หายืมหาเช่าเอาตกผลึกตัวเองก่อน ค่อยลงทุนซื้อ การลงทุนที่ดีอย่างนึงคือ การถือเงินเอาไว้ในมือก่อนครับ



จบมาเป็นอะไร?


ผมว่าคนที่จะเข้า มหาวิทยาลัย ไม่มีใครรู้อย่างจริงๆจังๆหรอกครับ
ว่าอาชีพที่ใฝ่ฝันจะทำ จริงๆแล้ว มันทำอะไรกัน หรือจริงๆเราอยากทำอะไรกันแน่
แม้ว่าจะมีรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยแนะแนวก็เถอะ
ผมเองก็เพิ่งรู้ตัว หลังจบมาแล้ว สามปี!!! ก่อนหน้านี้เป็นวิศวกร เป็นผู้จัดการโครงการ เป็นนักร้อง เป็นนักแต่งเพลง เป็นนักเขียนการ์ตูน เป็นอาจารย์สอนพิเศษ
เป็น................................มากมาย


ทุกวันนี้ผมยังตอบที่บ้านไม่ถูกเลยว่า อาชีพผม เรียกว่าอะไร


อยากตั้งชื่ออะไรก็ตั้งให้มันเลยครับ งานสายนี้หากรอบยาก 
เว้นแต่ว่าใฝ่ฝันเฉพาะตำแหน่ง
ช่างภาพCameraMan ตัดต่อEditor ครีเอทีฟCreative ผู้กำกับDirector อาร์ตไดArtDirectorและอีกบานตะไท


แต่ละอาชีพก็ระบุยากนะครับ ว่าเราจะมีรายได้เท่าไหร่(กรณีที่บ้านถาม)ขึ้นอยู่กับฝีมือและโอกาส


เอาว่า ถ้าชอบสายนี้จริง ก็เรียนสายนี้ครับ


อาจจะมีโอกาสมากกว่าผมและหลายท่าน ที่โตมาผิดสาย แต่โอกาสเยอะกว่าไม่ได้วัดความสำเร็จนะครับ
ต้องมาพร้อมความใฝ่รู้ แต่สายนี้ผมแนะนำว่า ใฝ่รู้แบบซังกะตายไม่ช่วยอะไร


เราต้องรัก และCrazyและหามุมมองตัวเองให้เจอครับ(คนไม่Crazy ไม่ประสบความสำเร็จแน่ ฟันธง!!!)
 ทันโลกทันเทคโนโลยี เพื่อหา เครื่องมือที่ดีที่สุด มาใช้สร้างสรรค์งานในแบบของตัวเอง


ปล. งานสายนี้ ผมเรียกว่า Media Solution ได้ข้อคิดมาจากอาจารย์สอนธุรกิจว่า Solutionมันขายได้แพงกว่าProduction 55555
และตัวผมไม่ใช่ศิลปินArtist แต่เป็นศิลปินนักธุรกิจ BusinessArtist

มีของตัวเองมันได้จับได้ใช้ตลอดเวลา ก็ดี ถ้าทำได้ ก็ดีมากมาย
ที่จ่ายไปคือค่าประสบการณ์ฝังลึกติดตัว
ไม่ใช่เอามาอวดแบบพวกเหลือขอมีตังนะ...ขอพ่อแม่มาซื้อถ่ายสาวแล้ววางทิ้ง

ทำดัวน่ารักๆ   ..ใช้กล้องยืมก็ได้นิ
แต่ถ้ามีงบ อย่าเพิ่งซื้อทันที    ศึกษาก่อนครับ เอาให้รู้ว่าจะเอาอะไร ไปทำอะไร เพื่อรูปอย่างไรก่อนนะครับ
ถ้าชอบถ่ายรูปคนก็หาแฟนสวยๆ...

550ดี + 50 1.4 อยู่ได้จนเรียนจบจนทำงานแน่ๆ

ของจำเป็นจริงๆ ผมว่าคอมพิวเตอร์ และ ทักษะการใช้งานนะ

....จบไปจะไปทำงานอะไร      นี่คำถามที่ไม่มีคำตอบครับ ..... จบนิเทศน์...เป็ดมาก
ผมจบนิเทศน์ศิลป์ ....เป็ดมากมาย ไม่มีอะไรที่เจาะลึกตอนเรียน ไม่มีอะไรบอกว่าคุณจบมาจะเป็นอะไรไรเหมือนหมอพยาบาลหรือช่างเชื่อม
โลกของเราจะกว้างงงงงงงง.....กว้างไปหมด     อย่าให้เคว้งละกัน
มันอยู่ที่ idea ครับ เรียนไป ก็จะรู้ไป ว่าเป็นอะไร   แต่ปัญหาของเด็กนิเทศน์ คือ  ไม่่ค่อยรู้อนาคตตัวเอง ตอนเรียน....

ผมจบมา 10 ปีนิดๆ ทำงานตอนเรียนตลอดๆ เป็นนักดนตรี ...เป็นช่างอาร์ต  เป็นคนทำหนัง  ทำอนิเมชั่น   ..เป็นครู  เป็นคนขายประกัน  เป็นลูกจ้างชั่วคราว ฯลฯ ...ตอนน้ีเป็นฟรีเลนซ์ถ่ายรูป...วันข้างหน้าไม่รู้

นอกซะจากว่าคุณอยากเป็นอะไรจริงๆ บอกทางบ้านไปเลย เพื่อจะได้ความมั่นใจในตัวคุณ....อย่างเช่น เป็นผู้กำกับ 1000 ล้าน...    เป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ ...เป็นเจ้าของคนต่อไปของเวิร์คพ้อย    .....คือฝันที่คุณอยากทำตอนนี้ + จุดสูงสุดของอาชีพที่ฝันครับ

เด็กนิเทศน์   จะรู้ตัวเองว่าอยากทำงานอะไรมันอยู่ที่การฝึกงานด้วยนะ  ....ศึกษา คลุกคลี ตีวงใน ในสายงาน เข้าไปศึกษาให้หมดครับ จบมามันได้ใช้ร่วมกันหมด แต่ว่าจะเด่นทักษะไหนก็เน้นกันอีกที

เรียนนิเทศน์ เปลือง   อะไรๆๆๆๆๆ ก็จำเป็นไปหมด มันต้องใช้ไปหมด    หนทางช่วยตัดกิเลสและคุมงบประมาณคือการศึกษาข้อมูลของอุปกรณ์ใช้งานแต่ละอย่างๆ ครับ รู้เอากว้างๆ  ใช้ที่จำเป็น สมัยนี้ไม่ต้องทุ่มทุนมหาศาลเพื่องานไฮโซๆ...   มันอยู่ที่สมองวางแผนครับ

พอละครับ

ผมไม่เคยเรียนนิเทศ ผมไม่เคยมีกล้องเป็นของตัวเอง มาเป็น 10 ปีอะ แต่มีใจรักทางด้านนี้  มันทำให้เรามองเห็นหนทางในการพัฒนาตนเอง กล้องเพื่อน กล้อง คณะหรือจะเช่าถ่ายงานส่งอาจารย์ ได้หมด ทุกวันนี้ที่ บ.ผมก็ยังมีเด็กลาดบัง มาขอยืมอุปกรณ์ เลย

อ้างอิง

เราจำเป็นต้องมีกล้องเป็นของตัวเองหรือเปล่าครับ  แล้วถ้าไม่มีเนี่ย จะสามารถเรียนได้หรือเปล่า ?

- ไม่มีก็เรียนได้ครับ เรื่องกล้องไม่ใช่ปัญหา ปัญหาที่แท้จริงคือ เราชอบจริงๆหรือเปล่า?
ค่อยๆหยอดกระปุกครับ 1-2 ปี ก็ซื้อกล้องได้ครับ

อ้างอิง

แล้วมหาวิทยาลัยทั่วไป ส่วนใหญ่ผมได้ยินมาว่า มักจะมีให้นักศึกษายืมใช้ได้ อันนี้จริงไหมครับ?

- ส่วนมากแล้วอุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษา แต่กล้องก็ราคาถูกลงมากแล้ว นศ. ส่วนใหญ่มีกล้องของตัวเอง
อาศัยเรียนรู้กับเพื่อน ยืมใช้กับเพื่อนได้ครับ

อ้างอิง

ตอนนี้ทางบ้านถามว่า จบไปจะไปทำงานอะไร  ผมยังหาคำตอบให้เค้าไม่ได้เลย แต่ผมรู้ว่าผมอยากเรียนเจ้าตัวนี้อ่ะคับ

- เป็นคำถามพื้นๆมากครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าจะไปทำงานอะไร หากเป็นคำถามที่ว่า เราต้องการอะไรในชีวิต?
หากเป้าหมายในชีวิตชัดเจน ก็มองหาวิธีเดิน วางแผน และ ให้ทำมันทุกวัน ความสำเร็จเกิดจากการสะสมครับ

อ้างอิง

ส่วนใครมีอะไรจะเสนอแนะผมเนี่ย บอกด้วยนะครับ

- ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เราจะทำได้ดีครับ งานจะกลายเป็นกิจกรรมที่ทำอย่างไรก็ไม่เบื่อ   

เรื่องงานพี่ก็ยังไม่รู้จะทำไรเหมือนกันเมื่อจบไป อิอิ

รู้แต่ว่ามีไรให้ทำพี่ทำหมด เลยฝึกไว้หลายๆอย่าง ตอนนี้ อยากเด่นด้านกำกับ ไว้

ถ้าไม่เลือกงาน มีงานทำแน่นอน

กล้องไปยืมเพื่อนเอาได้ครับ แต่ถ้ามีของตัวเองจะดีมากๆ

ตอนปี1 พี่ก้ยืมเพื่อนเอา แต่มันไม่สะดวก + ใช้ไม่ค่อยเป้น เพราะไม่มีเวลาศึกษา ปี2 พี่เลยซื้อ 550d มาใช้เอง จะได้ศึกษาเองไปด้วย

ธุรกิจบัณฑิตย์ผมไม่รู้รายละเอียดนะครับว่ามีอุปกรณ์เยอะไหม แต่พี่เรียน ม.กรุงเทพ มีเยอะครับ เครน กล้องฟิล์ม ดอลลี่ ฯลฯ