สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 11843เข้าชม
  • 20ตอบกลับ

อยากเป็นพนักงานตัดต่อ เรามีแนวทางง่ายๆในการทำงานให้คุณ..

โพสต์
787
เงิน
5355
ความดี
14867
เครดิต
11447
จิตพิสัย
37005
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

มีพี่ๆเจ้าของบริษัทขอยืมบทความไปสอนน้องใหม่( พนักงานใหม่) ดีใจจังที่มีประโยชน์ แต่ลงท้ายว่าที่เขียนมามีช่างภาพกำกับเขียนบทเหลือแผนกตัดต่อ
อยากให้เขียนเพิ่ม...ก่อนอื่น ขอทำความเข้าใจสักนิดก่อนว่า สำหรับงานตัดต่อ.. ที่เป็นโฆษณา .. เป็นMV หรือ..พวกหนังสั้น  ผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ 
เพราะส่วนมากมักจะมีสตอรี่บอร์ดมาให้ดู หรือไม่ก็ถ่ายตามเรื่องราวอยู่แล้ว แต่ที่ห่วงก็คือการตัดต่อแนวสารคดีโดยทั่วไป ( ยังไงก็ไปอ่านของพี่foolmoonด้วยนะคับ )
***. ใครที่ตั้งใจจะเป็นพนักงานตัดต่อถามตัวคุณเองก่อนว่า 
     - เป็นคน...รักความสบาย ...ชอบอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน 
    - ไม่ชอบลำบาก               ....เพราะไม่ต้องตากแดด แบกของให้มือด้าน  
    - .ชอบคุยกับตัวเอง.        .....ทำงานคนเดียว คุยกับจอคอมฯ
   -  ไม่เป็นโรคสมาธิสั้น.      .... เพราะต้องทำงานนานๆ เวลาที่ได้ฟิวหรือได้อารมณ์ 
   -  .มีความคิดสร้างสรรค์   ....ชอบคิด ชอบขุดคุ้ย ชอบดูทีวี 
    .... พนักงานตัดต่อ วันๆจะนั่งอยู่หน้าคอม ในห้องสี่เหลี่ยม  อย่างที่เขาเรียก ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ถ้าเป็นบริษํทก็คือ ตอนเย็น น้องๆออฟฟิศก็จะมากล่าวลาสวัสดี
   " พี่ขา หนูกลับแล้วค่ะ".. เวลาผ่านไปแค่ 2 ลมหายใจเข้าออก เวลาได้อารมณ์ทำงาน... น้องออฟฟิศก็เปิดประตู.... " พี่ขา สวัสดีตอนเช้า..มาแล้วค่ะ.."
          ถ้าใครชอบบรรยากาศในการทำงานแบบนี้ รับรองว่า ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพแน่ๆ..
***. ใครที่คิดไม่ตกว่า ตัวเองกำลังเดินไปทางสายไหนอยากให้ทำงานด้านตัดต่อไว้ก่อน เพราะจะเป็นฐานในการปูพื้นไปสู่ทางเดินอื่นๆได้หลากหลาย 
น้องใหม่บางคนเพิ่งจบมา ก็ตั้งทีมรับงานกันเองในกลุ่มเล็กๆ ( ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย..โดยส่วนตัว ) ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินนะ เพราะงานที่คุณทำอาจได้มาเพราะผู้ใหญ่
สนับสนุน หรือให้โอกาสในการทำงาน เพียงแต่ผมอยากให้น้องใหม่หาประสบการณ์ในการทำงานก่อน ให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมในวงการว่า จริงๆเขาทำงานอย่างไร 
วิถีทางเดินของคนในสายอาชีพนี้ การพูดคุยกับลูกค้า การรับงาน การปิดงาน  ฯลฯ หรือจะทำงานประจำควบคู่ไปกับงานที่เราอยากทำกับเพื่อนๆในตอนเย็นร่วมกันไปก่อน
หรือทำในวันหยุดก็ยังได้ และเมื่อคุณเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนอิ่มเต็มตัว แล้วค่อยหันกลับมาทำงานให้กับตัวเอง  เหตุผลที่ผมไม่เห็นด้วยก็เพราะการที่ได้ผู้ใหญ่สนับสนุน
 ในวันนี้  แต่ในวันข้างหน้า วันใดที่คุณจำต้องเดินออกมารับงานภายนอกเอง ฐานที่ไม่แน่นอาจทำให้คุณบาดเจ็บในโลกแห่งความเป็นจริงได้..
 ....สำหรับงานตัดต่อที่มีลูกค้า หรือโปรดิวเซอร์มาคุมงาน คนตัดต่อสบายคับ ไม่ต้องใช้สมองเท่าไหร่ ทำตามที่เขาคำสั่งเท่านั้นก็พอ แต่ที่มีปัญหาที่สุดคือ
  การตัดต่องานด้วยตัวเอง เพียงลำพังคนเดียว โดยไม่มีใครบอก ( ..แต่วันนี้ เราจะเป็นคนบอกคุณเองถึงวิธีการตัดต่อ ทีละขั้นๆ เน้นสไตล์ส่วนตัวนะคับ..)
1. ศึกษาเครื่องมือพวกเอฟเฟคแต่ละตัว ว่ามีคุณสมบัติที่ดีและมีข้อจำกัดอย่างไร จดใส่สมุดไว้ก็ได้ เช่น เอฟเฟคตัวนี้ใช้กับบรรยากาศตื่นเต้น แบบวัยรุ่น แบบโรเมนติก ฯลฯ
    อย่างลูกค้าบอก อยากได้สารคดีสวยใส แนวปรัชญา ไม่มีหรอกคับ ไม่ต้องหาเอฟเฟคชื่อปรัชญา หรือฟิลเตอร์แนวสวยใส คุณต้องสร้างขึ้นเองใหม่ทั้งหมด
    ฉนั้น ถ้าไม่เข้าใจ เอฟเฟค-ฟิลเตอร์หรือข้อดีข้อเสียของเครื่อง การทำงานก็จะยากเพราะขนาดคนที่รู้อย่างทะลุ บางทียังต้องทำเป็นวันจึงจะได้อารมณ์ภาพที่ต้องการ..
2. ดูงานฟุตเตสทั้งหมดของเทปที่ถ่ายมา และจำให้ได้ทั้งหมด ( ถูกต้องคับ จำให้ได้ทั้งหมด ) จะด้วยความสามารถที่คุณมี หรือจะหาตัวช่วยจดใส่สมุด หรือจะแบ่งเป็น
    ก้อนงานแต่ละประเภทในคอม ก็ตามแต่ จุดประสงค์คือ เมื่อนั่งตัดกับลูกค้า เขาจะเป็นคนคอยบอกว่าเอาภาพนั้นออก เอาภาพนี้ใส่ ถ้าคุณจำไม่ได้ว่าอยู่ม้วนไหน ตอนไหน 
    จะใส่ภาพแต่ละครั้งต้องหาหมดทุกคอลัมน์ เสียเวลา และเสียอารมณ์มาก ( คนตัดต่อหลายคนที่จำฟุตไม่ได้แย่นะคับ ) ฉนั้น ถ้าเนื้องานเยอะจำไม่ไหว ก็จดใส่สมุดไว้
    เวลาลูกค้าต้องการก็เปิดหาได้ง่าย..
3. แยกภาพที่สวยที่สุดในสายตาคุณ ( แสงสวย แอ๊คชั่นสวย มุมสวย ) หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณคิดว่าเด่นกว่าซีนอื่นๆ จะแยกออกมาไว้รวมต่างหาก หรือจะจำไว้ก็ได้
    เพราะส่วนมากภาพสวยจะใช้ ตอนเริ่มต้นไตเติ้ลเปิดเรื่อง กับตอนจบ ( เลือกก่อนเพื่อภาพจะได้ไม่ซำ้ในเนื้องาน )..
4 ดูเวลากำหนดส่งงาน สำคัญนะคับ เช่น ประมาณว่า 3 วันส่งงาน นั่นหมายความว่า 2 วันต้องเสร็จ ไว้วันที่ 3 ปรับแก้อีกครั้งให้เนียนขึ้น..แต่ถ้าเกิดเราใช้เวลามากเกินไป
    จนไม่มีเวลาปรับเปลี่ยน ก็ไม่เป็นไร ส่งงานแบบลวกๆให้ลูกค้าไปดูก่อน ( มีให้ดูดีกว่าไม่มีให้ดู )เพื่อจะได้รวบรวมมาแก้ไขขั้นตอนสุดท้าย พร้อมกันเลยก็ได้..
5. ดูอารมณ์ของเนื้องานทั้งหมด ที่ช่างภาพถ่ายมาแบบนี้ก็เพื่อให้เราตัดออกมาแบบนี้ใช่หรือไม่ เช่น ตื่นเต้น หรือธรรมดา หรือวัยรุ่นแบบกล้องเหวี่ยงกระชาก
    ถ้าได้พูดคุยกับเจ้าของงานก็ดี จะได้ชัดเจนและใกล้เคียงความจริง ดีกว่ามานั่งเดาผิดๆถูกๆ ( บางครั้งแก้งานเสียเวลามากกว่าตัดใหม่อีกนะ ) ถ้าไม่แน่ใจให้รักษาชีวิต
    ตัวเองด้วยการตัดต่อแนวกลางๆไว้ อย่าตื่นเต้นสุดโต่ง และราบเรียบจนน่าเบื่ออยากหลับ( ยกเว้นลูกค้าเจาะจงมาว่าอยากได้แบบนี้ )..
6. ตัดเฉพาะเนื้อหาที่ดิ้นไม่ได้ก่อนเป็นอันดับแรก เช่น บทพูดถึง...การปั้นกระถางต้นไม้เริ่มจากนำเดินมาทุบ มาบดผสมเข้ากับทราย แล้วนำไปวางบนแกนไม้หมุน
    การตัดส่วนนี้คือ การเลือกภาพให้ตรงกับบทที่เขาเขียนให้ครบ การถ่ายสารคดีบางครั้ง ช่างภาพอาจถ่ายมามากเกินความต้องการ หลายมุม หลายบรรยากาศ
   แต่อารมณ์เดียวกัน หน้าที่ของคนตัดต่อคือ ควรต้องใช้ให้ครบทุกช็อตที่ช่างภาพถ่ายมา จะสั้นยาวมากน้อยไม่สำคัญ แต่ต้องใช้ทุกช็อต ถ้าใช้เพียงบางส่วนเท่านั้น
   ไม่ได้นะคับ เพราะเกิดช่างภาพมาดูแล้วเห็นงานของเขาที่ถ่ายมาตั้งเยอะ แต่ใช้ไม่หมด เขาถือว่าไม่ให้เกียรติช่างภาพ ( สำคัญนะคับ คนในวงการเขาถือมากๆ )..
 7. ตัดเนื้อหาเฉพาะหมดแล้วที่เหลือตัดมั่วเลยคับ ในกรณีบทที่ดิ้นได้ เช่น หมู่บ้านเกาะเกร็ดเป็นหมู่บ้านชุมชนมอญที่ยังคงรักษาขนมธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้
     ไม่เปลี่ยนแปลง จากรุ่นก่อนสู่รุ่นปัจจุบัน จะสังเกตุว่าบทพูดทั่วๆไป อารมณ์แบบนี้จะใช้ภาพอะไรก็ได้ไม่ผิดกติกา วิวรอบเกาะ หรือวิถีชีวิตของชาวบ้าน ประเพณี 
     ศิลปะวัฒนธรรมใช้ได้หมด ในกรณีนี้คุณมีความคิดเห็นส่วนตัวอย่างไรตัดมั่วไปก่อน เมื่อนำมารวมกับบทที่เป็นเฉพาะคุณจะมองเห็นแกนทันทีเลยว่า ภาพของบทที่ดิ้นได้
     ที่คุณใส่เข้าไปตอนหลัง มันไปไม่ได้กับส่วนใหญ่ของเรื่อง ก็ค่อยเปลี่ยนไม่เป็นปัญหา แต่บางครั้งการลองผิดลองถูก เราอาจได้งานที่ดีกว่าที่เราคิดก็ได้นะคับ..
     เห็นบางคนเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่า เอาภาพนั้นสวยกว่า เอานี่ซิดีกว่า หาเทปไปมาหมดเวลาไปหลาย ชม.ยังไม่ไปไหน ลองใช้สไตล์ผมตัดเลยไม่ต้องคิด ไม่ดีแก้ใหม่ได้..
8. สุดท้ายปรับเช็คอีกครั้ง มองดูงานโดยรวมทั้งหมดว่า ส่วนเด่นของเรื่องเด่นพอหรือยัง  ช่วงเนื้อหาธรรมดาน่าเบื่อเกินไปหรือเปล่า เพิ่มเอฟเฟคให้งานน่าสนใจขึ้นได้ไม๊
    พยายามตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า " ทำให้ดีกว่าที่เราทำครั้งก่อนได้ไม๊ "  คิดแล้วลงมือทำเลย ถ้าทำแล้วดูไม่ดีกว่าของเดิม ค่อยปรับเป็นอย่างเดิม
    หรือจะเพิ่มแรงกดดันให้กับตัวเรามากขึ้นก็ได้ ..." เคยด่างานคนอื่นมาเยอะ ไม่อยากให้คนอื่นมาด่างานของเรา ฉนั้นต้องทำให้ดี และดีที่สุดกว่างานของคนอื่น " 
 ....การตัดต่อ อย่างที่พี่ๆในเว็บบอกคือ เหมือนพ่อครัวปรุงอาหาร ถ้าพ่อครัวได้อาหารที่เป็นวัตถุดิบมีคุณภาพ ( ภาพที่ช่างภาพถ่ายมาดี ) บวกับฝีมือในการปรุงอาหาร
    ของพ่อครัวที่ดีเลิศ ( ฝีมือการตัดต่อดี ) ที่รู้ว่าควรใช้เครื่องปรุงอะไร ( ใช้เอฟเฟคอะไร ) จึงจะดึงรสเด่นของอาหารนั้นให้น่าทาน ( ให้สารคดีเรื่องนั้นน่าสนใจมีคุณภาพ )
    แต่ถ้าวัตถุดิบมีปัญหาเช่นเน่าเสีย ( ช่างภาพถ่ายภาพออกมาไม่ดี ) พ่อครัวก็ต้องพยายามเปลี่ยนแปลง ( ตัดต่อเรียบเรียงใหม่ ) เพิ่มเติมรสชาติใหม่ ( ผสมเอฟเฟค )
    เพื่อให้รสชาติของอาหารออกมาดีจนน่าตกใจ ( ให้งานสารคดีออกมาดีจนไม่รู้ว่าถ่ายมาเสีย )
... การตัดต่อ จริงๆแล้วไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับผู้ขายงาน ( ฝ่ายผลิต ) และความพอใจของผู้ซื้องาน ( ฝ่ายลูกค้า ) เพียง 2 ฝ่ายเท่านั้น ความพึงพอใจของลูกค้าแต่ละคน
     ไม่เหมือนกันทุกคน แต่อาจคล้ายกันได้ ประสบการณ์ ทักษะ ที่เพิ่มพูนมากขึ้นทุกวันในการทำงาน  คุณสามารถนำมาปรับใช้และผลักดันให้ก้าวขึ้นมายืนอยู่แนวหน้าได้
     ขึ้นอยู่กับคุณ... ว่าจะมีความสามารถพลิกแพลง ...ปรับเปลี่ยนนำมาใช้ได้หลากหลาย ...มากน้อยเพียงใด ..( จริงๆแล้ว ไม่ว่าคุณจะตัดแนวไหน หลักก็คล้ายกันหมดล่ะคับ )
  ...อย่างไรก็ตาม ผมอยากฝากถึงน้องใหม่ในอาชีพนี้ว่าในวันข้างหน้าเมื่อคุณประสบความสำเร็จไม่อยากให้คุณลืมคนที่คอยเป็นแรงผลักดันให้คุณอยู่เบื้องหลังนั่นก็คือ 
คนใกล้ตัวที่สุดของคุณ...ไม่ว่าจะเป็น...คนรัก... หรือครอบครัว ....หรือคนที่พยายามเข้าใจงานของคุณ( เข้าใจอย่างเดียวไม่พอต้องทำใจยอมรับด้วย)
...เข้าใจว่า....คุณไปถ่ายทำต่างจังหวัดนานหลายวัน    .  ......ทำใจยอมรับว่าไม่ได้เจอหน้ากันเป็นอาทิตย์
...เข้าใจว่า....วันหยุดคือวันทำงานของคุณ                      ......ทำใจยอมรับว่าไปเที่ยวด้วยกันเหมือนคู่รักคนอื่นๆไม่ได้ 
...เข้าใจว่า....คุณทำงานไม่เป็นเวลา                             ...  ...ทำใจยอมรับว่าบางครั้งก็ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้
...หลายครอบครัวที่ทิ้งคนข้างหลังเหล่านี้  ทั้งๆที่เขาพยายามเข้าใจในงานอาชีพของคุณแต่อาจทำใจยอมรับพฤติกรรมการทำงานของคุณไม่ได้...
...อยากให้คุณเข้าใจความรู้สึก..ความเหงา..ความว้าเหว่..ของคนข้างหลังที่จะต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง...ในเวลาที่คุณไม่อยู่หรือ...ในเวลาที่เขาต้องการคุณ.......การแข่งขันก็เหมือนกับการปีนเขาเพื่อขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงหลายครั้งที่เราตั้งใจและทุ่มเทกำลังกายของเราอย่างสุดความสามารถเพื่อขึ้นไปยืนจุดที่เราฝัน.....และเมื่อถึงวันนั้น ( วันที่คุณได้ขึ้นไปยืนบนยอดเขาจริงๆ ).คือ.วันที่คุณมีชื่อเสียง( ไปไหนใครก็อยากรู้จัก) ... และมีเงินทองมากขึ้น( ใครๆก็อยากจ้างคุณทำงาน).. แต่จะมีประโยชน์อะไร..เมื่อคุุณต้องขึ้นไปยืนอยู่ลำพังเพียงคนเดียว..( โดยไม่มีครอบครัวและคนที่คุณรัก )...อยู่เคียงข้าง...กลับกันถ้าเราต้องการขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อแข่งขันกับคนอื่นเหมือนเดิมแต่เราไม่รีบร้อนค่อยเป็นค่อยไป เดินไปคุยไป  ประคองคู่ไปกับครอบครัวหรือคนที่เรารัก เราอาจหยุดเดินเพื่อชมดอกไม้ ( โดนบังคับให้ไปเที่ยวด้วยกัน ) หรือนั่งเงียบๆชมพระอาทิตย์ตกดินระหว่างทาง ( ไม่ให้รับงาน แม้งานนั้นคือโอกาสทองของเรา ) เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม     เมื่อเราออกเดิน...จุดหมายที่เราฝันคงต้องถึงสักวันอาจช้าหน่อยไม่เป็นไร .(.ยังไม่มีชื่อเสียง ไปไหนไม่มีใครรู้จัก รายได้จากการทำงานน้อย .)..แต่เรามีความสุข ...เราอบอุ่น ...ที่มีคนคอยฟังเรื่องราวดีๆที่เราไปเจอมา ...และคอยชื่นชมให้กำลังใจกับผลงานของเรา ( แม้จะไม่มีใครชอบเลยก็ตาม )..
...ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม เราอยากให้คุณคิดถึงครอบครัวก่อน.....

[ แก้ไขล่าสุดโดย p0p-it เมื่อ 2011-05-21 16:58 ]
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 6 คะแนน ความดี +270 ซ่อน
adisakfc ความดี +50 2015-02-23 -
sirsit ความดี +1 2013-05-14 -
bryan ความดี +9 2011-10-24 เยี่ยมไปเลยครับ
komedit ความดี +100 2011-05-30 -
happydongy ความดี +100 2011-05-19 แสบตา แต่ได้สาระ
focus ความดี +10 2011-05-19 สาระล้วนๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
25
เงิน
1419
ความดี
895
เครดิต
871
จิตพิสัย
988
จังหวัด
ศรีสะเกษ
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 20#  โพสต์เมื่อ: 2014-08-29
ขอบคุณมากๆครับ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
4
เงิน
24
ความดี
70
เครดิต
11
จิตพิสัย
98
จังหวัด
นครสวรรค์
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 19#  โพสต์เมื่อ: 2014-04-05
ขอบคุณมากนะครับ
ผมยังเรียนมัธยมครับ แต่เป็นคนตัดประจำ MV ที่เพื่อนเล่น DSRL ชอบทำกัน หรือไม่ก็รับตัดงาานให้เพื่อน พวกงานสารคดีส่งครู(ต้องถ่ายเอง ตัดเอง ให้เพื่อนที่ไม่รู้มุมถ่าย มันถ่ายฟ้า ถึงกะทรุด)

แต่การลำดับการทำงานของผมยังงงๆอยู่ ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับ แม้ต่อไปผมอาจไม่ได้ไปทำงานตัดก็ตาม ยังเลือกสายเรียนไม่ได้ แหะๆ (แต่ก็คงจะตัดงานเล่นไปตลอดชีพ)
โพสต์
1168
เงิน
213
ความดี
29205
เครดิต
30232
จิตพิสัย
35008
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 18#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-24
ขอบคุณครับ ได้่อาหารสมองมาเสพย์ีอีกแล้ว
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
74
เงิน
2792
ความดี
2093
เครดิต
2024
จิตพิสัย
2461
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 17#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-24
เป็นแรงบันดาลใจมากครับ ขอบคุณครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
468
เงิน
11558
ความดี
9483
เครดิต
10056
จิตพิสัย
9235
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 16#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-24
เป็นประโยชน์มาก ๆ ผมทำงานตัดต่อตั้งแต่ยุคยังไม่มี  non-linear  อยากบอกว่างานตัดต่อไม่ใช่ โปรแกรมเมอร์ ใช้โปรแกรมเก่งไม่ได้หมายความว่า จะตัดต่อเก่ง ต้องเข้าใจลักษณะงาน เข้าใจความต้องการของทีมงานหรือลูกค้า คนที่ทำงานจนเชี่ยว แค่เห็นฟุตก็รู้ว่าจะตัดยังไงให้เจ๋ง โดยอาจจะไม่ต้องมีคนบอก หรือดูสคริปต์ อันนี้ขั้นเทพ บางคนสามารถแนะนำผู้กำกับถึงความเหมาะสมที่จะตัดหรือต่อแต่ละ shot และผู้กำกับเองก็ต้องยอมเชื่อฟังแต่โดยดี คนเหล่านี้มีอยู่จริงในวงการ ซึ่งงานจะล้นมือชนิดต่อคิวรอกันเลย ผิดกับคนที่เป็นเพียงโปรแกรมเมอร์คือรู้ทุกซอกทุกมุมของโปรแกรม ถามอะไรรู้หมด เป็นอับดุล แต่ต้องมีคนไกด์ให้ ต้องมีคนบอกให้ว่าจะทำอะไรอย่างไร

ทุกวันนี้หายากจริง ๆ คนทำอาชีพตัดต่อที่เป็น auto แบบ breif ปุ๊บ รู้งานเลย จบงานโดยลูกค้าพึงพอใจ เห็นโปรแกรมเมอร์เกลื่อนกลาด

อยากทำงานตัดอย่าคิดแต่เป็นโปรแกรมเมอร์ ต้องพัฒนาให้เป็น editor ครับ
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 1 คะแนน ซ่อน
maleehuana09 ความดี +1 2011-10-24 คมมากครับ
ระดับ : สมาชิก V
โพสต์
141
เงิน
5592
ความดี
4433
เครดิต
4426
จิตพิสัย
4432
จังหวัด
ชลบุรี
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 15#  โพสต์เมื่อ: 2011-10-24
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ คิดว่าเรียนจบแล้ว จะเริ่มต้นทางสายนี้ก่อน ครับ
ระดับ : สมาชิก II
โพสต์
12
เงิน
698
ความดี
226
เครดิต
143
จิตพิสัย
445
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 14#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-24
อ่านแล้วได้ความรู้จัง แต่เนื้อหาเยอะมาก ปวดตาเลย
โพสต์
787
เงิน
5355
ความดี
14867
เครดิต
11447
จิตพิสัย
37005
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 13#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-21
ผมจะขอลองยกตัวอย่างถึงแนวคิดในการมองงาน ตั้งแต่เริ่มจนจบคร่าวๆ พอให้นึกออกถึงการทำงาน .ไม่ว่าจะเป็นหนังสั้น
หรือ อื่นๆ จะมีงานที่ถ่ายมาอยู่ 2 ส่วน คือ งานที่เป็นภาพเฉพาะ กับภาพทั่วๆไป ....สมมติ งานแต่งงานแล้วกัน ...
.1.....เริ่มต้น...จะดูงานฟุตที่ถ่ายมาทั้งหมด ว่ามีภาพสวยตรงไหน ไม่สวยตรงไหน จำไว้ให้หมด
เพราะบางทีเป็นสต๊อกเขาถ่ายข้ามไปข้ามมา ไม่เยอะก็จำเอา ถ้าจำไม่ได้ก็จด หรือจะแยกเป็นส่วนๆไว้...
.2.....เริ่มตัดส่วนเฉพาะก่อน ( คือส่วนดิ้นไม่ได้ ) ช่วงสัมภาษณ์ พูดคุย ของแต่ละคน / และของทั้ง 2 คน
ของเพื่อน / ของพ่อแม่ /.ช่วงนี้ยังไม่คำนึงถึงอารมณ์ของงาน ตัดเฉาะส่วนเสียออกก่อน ที่เขาพูดผิดๆถูกๆ
ออกมาเป็นก้อนๆ พูดง่ายๆก็คือตัดคร่าวๆออกมาก่อน ..( เมื่อตัดส่วนเสียออก ภาพจะกระตุก เสียงสะดุดไม่สนใจ )
3.....ขั้นต่อไปนี้เริ่มสำคัญแล้ว ตั้งสมาธิในการทำงานหน่อย ...(ปิดเสียงโทรศัพท์และเมล์ด้วย )
ดูงานก้อนทั้งหมดโดยรวมว่าเป็นอย่างไร ( ส่วนนี้จะเป็นส่วนกำหนดแกนของแต่ละเรื่องว่าจะไปในทิศทางไหน )
เช่น งานนี้ดูออกมาแล้ว คู่บ่าวสาวพูดคุยสนุก สัมภาษณ์ไปหยอกล้อไป แอ๊คชั่นน่ารักท้งคู่ ดูไปอมยิ้มไป
เปิดดูแล้วดูอีกก็ไม่น่าเบื่อ ถ้าเป็นแบบนี้เท่ากับว่าเราได้แกนของเรื่องมาแล้ว..
.....คิดต่อว่า จะทำให้งานในส่วนทั้งหมด (ช่วงสัมภาษณ์ ) นี้เด่นขึ้นได้อีกไม๊ เช่น..
.**....เอาอารมณ์ของแต่ละเหตุการณ์ที่เหมือนกันมาต่อรวมกัน หรือจะตรงข้ามกัน..
... ช่วงบ่าวสาวพูดถึงพ่อแม่ช่วงอินร้องไห้สลับภาพให้เค้กพ่อแม่ต่ออารมณ์ด้วยพ่อแม่พูดบนเวทีในงาน( พ่อแม่ร้องไห้ด้วยโอ๋ยสุดยอด )
....ช่วงบ่าวสาวพูดคุยหยอกล้อน่ารัก สลับด้วยภาพคู่ที่ถ่ายสต๊อกน่ารักๆ..
4. ...ให้ทำสลับแบบนี้ไปทั้งหมด ช่วงของก้อนสัมภาษณ์ก่อน ว่าทั้งหมดโดยรวมแล้วไปกันได้ไม๊ หรือน่าเบื่อเกินไปหรือเปล่า
หรือเอียนจนอ๊วกไปไม๊ เปิดดู 2-3 รอบแล้วดูอารมณ์ของก้อนนั้น ถ้ารู้สึกเนื้อหาแน่นไป ก็สลับยืดบางช่วงใส่เพลงมิวสิคให้หลวมหน่อย
แต่ต้องไปด้วยกันได้ในแต่ละช่วง เช่นคู่บ่าวสาวพูดถึงตัวเอง ก็ภาพทั้งสองใส่คลอเพลง พูดถึงพ่อแม่ ก็ช่วงพ่อแม่อาจเป็นตอนเด็ก
ถ้าใส่แล้วยังอ๊วกอยู่ ก็ให้ยืดบางช่วงทิ้งให้นานขึ้น เช่นเอาไปไว้หัวเทป และอีกส่วนเอาไว้ท้ายเทป ถ้าดูรวมๆแล้วโอก็แสดงว่าไปต่อได้
5.    เมื่อได้ตัวเนื้อทั้งหมดแล้ว ค่อยมาปรับช่วงเริ่มกับช่วงจบ ให้นำภาพสวยๆที่แยกไว้ต่างหากมาใช้ให้หมดคลอเป็นเพลง
ผสมไปกับส่วนสัมภาษณ์ที่แยกออกมาเป็นก้อน และสลับเสริมไปเรื่อยๆ ให้ทุกอย่างไปตามอารมณ์รวมเป็นก้อนเดียวกัน
6....ทำเสร็จหมดดูอีกครั้งว่า ภาพทั้งหมดที่ถ่ายมาใช้หมดทุกช็อตแล้วหรือยัง ( ต้องใช้ให้หมดเดี๋ยวช่างภาพมาดูจะว่าเอา )
ถ้าเหลือเยอะก็แทรกลงในช่วงสัมภาษณ์มีเฉพาะเสียงก็ได้ หรือตัดภาพอื่นให้สั้นลงแล้วแทรกภาพที่เหลือลงไปให้หมด
7....สุดท้ายยังไม่หมด เมื่อตรวจดูภาพและอารมณ์ของเนื้อเรื่องลงตัวหมดแล้ว ทีนี้ถึงใส่ตัวตนเราลงไป เขาเรียกสไตล์ของใครของมัน
ลูกค้าดูปั๊บว่าเป็นงานของเรา  เช่น ..กัดสีภาพบางช่วง หรือทั้งหมด / สโลว์ภาพช่วงต้นและช่วงจบให้แตกต่างกับในเนื้อ
/ ใส่ตัวหนังสือล้อเลียนหรือสลับเป็นช่วงๆ/ ฟรีซภาพน่ารักๆนิ่งสลับไม่ให้เบื่อ / ช่วงที่แน่นให้ยืดใส่เพลง..ฯลฯ..( สไตล์ส่วนตัวนะคับ )
..ที่เล่ามาเป็นแบบฉบับตัดโดยทั่วไป ถ้าภาพที่ถ่ายมาสวย หรือ ถ้าเป็นละครก็ดูเหมือนจริง พวกนี้ตัดสนุกคับ ทำยังไง ตัดแบบไหน
ก็ออกมาดูดี แต่จะมีปัญหาก็คือ ถ่ายมาเสีย แล้วละครที่เล่นไม่เหมือนจริง เช่น ถ่ายหนุ่มสาวรักกันเที่ยวแบบมีความสุข ตอนถ่ายโอ๊ย
หวานจะกลืนกินกลายเป็นคนเดียวกัน แต่พอมาถึงห้องตัดต่อ โหย..ปล่อยผ่านมาได้ไงวะ...หรือบ่าวสาวไม่พูด ถามคำตอบคำ
หัวเราะก็หนีบๆ ดูยังไงก็ไม่รักกันสักที ( ถูกบังคับให้ถ่าย )อันนี้ล่ะ คนตัดต่อต้องบอกงานเข้าแล้วคับ..เพราะต้องใช้วิชาประสบการณ์
ที่มีทั้งหมดในชีวิตคุณ มาปรับใช้ให้หมดทุกกระบวนท่า..เช่น เปลี่ยนแกนของเรื่องจากพูดคุยมาเป็นภาพเหตุการณ์จริง หรือ
ใช้ภาพนิ่งมาเป็นหลักแล้วพ่วงไปกับสัมภาษณ์ / สโลว์พร้อมใส่ฟุ้งเหมือนฝันเพิ่มเอฟเฟคดวงดาวหัวใจล้อม ฯลฯ..
..สรุป...การตัดต่อไม่อยากให้ยึดหลักที่เขียนขึ้นหรือวางโครงไว้แล้ว เพราะงานที่นึกไว้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงพอถ่ายทอดออกมา
เป็นภาพแล้วไปกันคนละทาง ให้ยึดแนวที่บอกตัดส่วนที่ดิ้นไม่ได้ ( ช่วงสัมภาษณ์หรือช่วงเนื้อละครโต้ตอบ ) เมื่อได้ส่วนนี้แล้วค่อยดู
ให้ละเอียดอีกครั้้งว่าแกนของเรื่องที่พูดคุยกันรู้เรื่องไม๊ ถ้าไม่รู้เรื่องลองตัดส่วนที่ดิ้นได้ ช่วงอารมณ์อื่นๆเสริมด้วยเพลง ด้วยภาพ
เรื่องไม่เด่นพอ แฟลชแบ็คย้อนเหตุการณ์ซำ้สองเพิ่ม  คิดอย่างไรตัดมั่วไปก่อน แล้วดูอีก ทดลองทำหลายๆแบบ ทุกวิธีแล้วไม่ได้ผล
ยังดูไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม ก็ต้องถ่ายเพิ่มแล้วคับ อย่าทู่ซี้ ถ้าแกนหลักของเรื่องไม่รู้เรื่อง ทำต่อไปยิ่งเละไม่รู้เรื่อง ..
..สำหรับผุ้เริ่มต้นตัดอาจเสียเวลากับการลองหลายแบบ แต่พอบ่มเพาะประสบการณ์จนเต็มที่แล้ว การลองจะเหลือน้อยวิธีลงเพราะ
จะเริ่มมองงานออกว่า ตัดแบบไหนดีไม่ดีเพราะอะไร ( ลองตัดมาหมดแล้ว ) แต่อย่างไรก็ตาม..ทุกวันนี้ พี่ๆคนเก่งก็ยังคงต้องลอง
หลายๆแบบหมือนกัน...หัวใจสำคัญของการตัดต่อ คือถามตัวเองทุกครั้งที่ตามองภาพ และมือเคลื่อนเมาส์ว่า ( 8 คำ จำจงดี )
....." ทำให้ดีกว่านี้ อีกได้ไม๊ " ... แค่นี้เอง ตัดต่อง่ายจะตาย ใครว่ายาก..




....
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
59
เงิน
3444
ความดี
2959
เครดิต
3005
จิตพิสัย
2820
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 12#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-20
เหมือนสิ่งเตือนใจครับ ขอบคุณมากครับ
ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
460
เงิน
16242
ความดี
7641
เครดิต
7804
จิตพิสัย
10591
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 11#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-20
ทุกวันนี้ผมจำอะไรไม่ค่อยจะได้ สงสัยสมองไปเก็บความจำFootageไว้ซะเยอะ มันแย่ที่บางทีอยากลบก็ลบไม่ได้
ระดับ : สมาชิก III
โพสต์
44
เงิน
1075
ความดี
905
เครดิต
912
จิตพิสัย
1041
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 10#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-20
ตัวตนเลยครับ
โพสต์
1099
เงิน
24442
ความดี
20956
เครดิต
21442
จิตพิสัย
21252
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 9#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
ได้ประโยชน์ ขอบคุณครับ
โพสต์
1036
เงิน
21774
ความดี
14792
เครดิต
14177
จิตพิสัย
24522
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 8#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
ชอบตรงตัดมั่วไปก่อน และ จำฟุตเทตให้ได้ทั้งหมดนี่ล่ะ
ระดับ : สมาชิก IIII
โพสต์
95
เงิน
2551
ความดี
2185
เครดิต
2154
จิตพิสัย
2714
จังหวัด
ตราด
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 7#  โพสต์เมื่อ: 2011-05-19
ขอบคุณครับ
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้