ช่วยตอบทีครับ จบ ป.ตรี ....

มาเข้าคำถามกันเลยดีกว่านะครับ




คือว่าผมได้สำเร็จการศึกษา ป.ตรี มาแล้ว 1 ใบ(นิเทศวิทยุโทรทัศ) แต่ผมอยากจะเรียนต่อสถาบันอื่นอีก อยากจะเรียนถ่ายภาพและภาพยนตร์มันสามารถเรียนโดยที่ใช้วุฒป.ตรีสมัครโดยไม่ต้องเรียน 4ปีหรือไม่ครับ ( เอา ป.ตรี อีก 1 ใบ)



ช่วยหน่อยนะครับ เครียดๆๆๆๆ

ขอบคุนมากครับ ที่ให้คำแนะนำ      




และขออภัยด้วยคับ ที่มาช้าไปนิด ( งานเยอะ ) ^^

กำมันก็ต้องเรียนใหม่สิครับ ...จะเอา วุด อันเดิมมาได้ไง - -

สู้ๆครับ ดีแล้วครับที่คิดจะเรียน ..... ดีกว่าคิดไปในทางที่ไม่ดีครับผม

เชื่อมั้ยครับ ที่ผมเรียนมา 4 ปี ได้ความรู้ไม่เท่ากับที่เข้ามาศึกษาในเว็บนี้...............
ถามตัวเองดูครับ ว่าอยากได้อะไรจากใบป.ตรี

ก่อนอื่น ยินดีด้วยครับ ที่คุณใฝ่เรียน เอาล่ะ เริ่มจากตอบคำถามของคุณก่อน

1)อยากจะเรียนถ่ายภาพและภาพยนตร์มันสามารถเรียนโดยที่ใช้วุฒป.ตรีสมัครโดยไม่ต้องเรียน 4ปีหรือไม่ครับ ( เอา ป.ตรี อีก 1 ใบ)
ประเด็นแรกมีครับ บางมหาวิทยาลัยมีโครงการปริญญาตีใบที่ 2 ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง อย่าง ม.กรุงเทพ ซึ่งหากเข้าโครงการนี้แล้วคุณจบนิเทศมาอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นเรียนวิชานิเทศพื้นฐานอีกแล้วครับ ข้ามไปเรียนพวกวิชา Major ได้เลย  แต่ถ้าจบมาจาก ม. อื่น คงต้องทำเรื่องให้ฝ่ายวิชาการ โอนเทียบหน่วยกิจให้ แต่ก็เรียนน้อยลงกว่าเดิมเยอะอ่ะครับ

2) ที่บางคนบอกว่าเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ เห็นด้วยครึ่งนึง/ไม่เห็นด้วยครึ่งนึง ครับ
ประเด็นที่บอกว่าการเรียนปริญญาตรีเพิ่มอีก 1 ใบ ไม่ช่วยเรื่องการหางาน อันนี้จริงครับ เมืองไทยจัดเป็นประเทศโลกที่สามในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ บุคคลากรส่วนใหญ่ในวงการไม่ได้จบมาโดยตรง (ต้องบอกว่าอาศัยพวกมาก ลากไปก็มีเยอะ) ถ้าคุณคิดจะไปในใจกลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย การเรียนต่อถือว่าไร้ประโยชน์ครับ การไปฝึกงานได้คอนเนคชั่นกว่าจริงๆ

แต่ถ้าคุณอยากได้วิชาความรู้จริงๆนะครับ การเรียนต่อมีประโยชน์มากถึงมากที่สุด แต่ก็ต้องเลือกด้วย ถ้าโชคดี คุณก็จะไปเจออาจารย์ที่ดีมาก สอนให้คุณกระจ่างแจ้งในสิ่งที่คุณอยากรู้ได้ แต่ถ้าเจออาจารย์ไม่ดี ก็ซักแต่สอนครับ บางสำนัก ตำราเรียนก็เก่า ไม่มีการอัพเดต สำนักวิชาการที่สอนภาพยนตร์ในไทยที่มีคุณภาพนั้นยังน้อยอยู่ (ไม่ใช่ไม่มีนะครับ แต่ยังน้อย และไม่แพร่หลาย) เพราะคนไทยถูกปลูกฝังจากระบบโทรทัศน์ ทำให้ชอบคิดว่า ละคร ดูฟรี และพาลไปลดความสำคัญในธุรกิจภาพยนตร์ ไม่เหมือนอเมริกา คนทำงานภาพยนตร์ เค้าเลี้ยงชีพตัวเองได้สบาย และไม่ค่อยข้ามสายมาทางฝั่งโทรทัศน์ เพราะเค้าภูมิใจในวิชาชีพเค้ามาก อุตสหกรรมภาพยนตร์เค้าก็บูมแบบสุด ตอนนี้ไทยก็ตามหลังอินเดียแล้วครับ ถ้าจะไปเรียนผมแนะนำให้เรียนต่างประเทศดีกว่าครับ เผื่อจะมีโอกาสหางานที่ฝั่งนู้นบ้าง

แค่การไปเรียนต่างประเทศและใช้ชีวิตที่นั่น ต้นทุนมันค่อนข้างสูง มีอีกวิธีนึงที่น่าจะเป็นประโยชน์ คือ การไปฝึกงานกับบริษััทภาพยนตร์ในไทย แต่ขณะเดียวกันก็หมั่นศึกษาวิชาจาก Text Book (ตำราภาพยนตร์จากต่างประเทศ) ถ้าตอบโจทย์ตัวเองได้ว่าอยากศึกษาวิชาภาพยนตร์ในแขนงไหน ผมถึงจะสามารถแนะนำหนังสือให้ได้ครับ
แบ่งย่อยๆนะ

-สายกำกับ ( กำกับภาพ, กำกับการแสดง ฯลฯ สายนี้ยากหน่อย คือคุณต้องมีความรู้ครอบคลุมสายอื่นๆเกือบหมด แต่ไม่จำเป็นต้อง Expert ในด้านนั้นครับ สิ่งเดียวที่คุณต้องมีมากกว่าสายอื่นคือ ทักษะการอ่านบท การอ่านนะครับ ไม่ใช่การเขียนบท สายกำกับการแสดงก็จะลึกไปที่ทฤษฎีการแสดง แนะนำหนังสือ Directing the Actors ของ Judith Weston และ Fundamental Film Directing ของ Nicholas T. Proferes ครับ แต่กำกับภาพจะลึกไปที่ทฤษฎีภาพ แนะนำ Visual Story ของ Bruce Block)

-ถ่ายภาพ (อันนี้เป็นฝ่าย Technician ครับ จะไม่ยุ่งกับงานครีเอทีฟในภาพยนตร์เท่าไหร่ เน้นการทำงานกับกล้อง โอเปอรเรตกล้อง โหลดฟิล์ม สเตดดี้แคม ฯลฯ ในแต่ละสถาบันภาพยนตร์จะมีสอนอยู่แล้ว หรือถ้าฝึกงาน ลองไปบริษัท Gear Head ไม่ก็บริษัทโปรดักชั่นโหดๆอ่ะครับ ถึงจะได้ความรู้)

-ออกแบบศิลป์ (สายนี้ผมอ่อน แนะนำไม่ได้ โทษทีครับ 555+)

-ลำดับภาพ (ถือเป็นผู้กำกับย่อยๆอีกคนนึงครับ ต้องศึกษาองค์ประกอบภาพให้ได้ แนะนำหนังสือ Visual Story ของ Bruce Block เหมือนกัน แต่ถ้ามีความรู้เรื่อการแสดง คุณสามารถใช้การตัดต่อช่วยเสริม Beat การแสดงได้)

-เขียนบท (ตำราเขียนบทมีมากมาย ไม่ต้องห่วง)

แค่ต้องตอบโจทย์ตัวเองให้ได้ครับ ว่ารักอะไร ชอบอะไร และในสถาบันภาพยนตร์ก็จะมีสอนกระบวนการยิบย่อยอีกมากมาย ทั้งงานบริหารจัดการในกองถ่าย งานของผู้ช่วย ฯลฯ

ถ้าอยากเข้าวงการภาพยนตร์จริง ต้องทำตัวเล็กๆ ครับ บางทีก็ต้องแกล้งโง่ ตามน้ำพวกผู้ใหญ่ในวงการไป อย่าทำตัวให้เด่น และศึกษาหาความรู้ไปด้วย คือถ้าคุณไปฝึกงานอย่างเดียว มันไม่ได้ความรู้ที่เป็นระบบหรอกครับ เค้าคงไม่มานั่งสอนเรื่อง Space, Line & Shape, Tone, Color, Movement, Rhythm หรือแม้บรรดาผู้กำกับหนังเค้าก็คงไม่สอนคุณเรื่อง Beat, Acting Theory, Methodology Directing

ผมเป็นคนนึงที่จบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ1 ในสาขาภาพยนตร์ เคยไปวิ่งวุ่นอยู่ในกองถ่ายของค่ายหนังมีชื่อแห่งนึงของไทย คอยเฝ้าดูกระบวนการทำงานของคนที่เราเรียกว่า มืออาชีพ และขอคอนเฟิร์มว่า วุฒิการศึกษา ใช้กับวงการภาพยนตร์ไทยไม่ได้ครับ
ทุกวันนี้ผมก็ทำงานอย่างอื่น ไม่ได้เกี๋ยวข้องกับภาพยนตร์ แต่ว่างๆผมก็ไปสอนรุ่นน้องที่ ม. บ้าง ผ่านเฟซบุ๊คบ้าง เป็นการทบทวนความรู้อ่ะครับ
(เสียดาย เรียนตั้ง 4ปี)

คอนเฟิร์มอีกอย่างครับ วิชานิเทศพื้นฐานไม่ค่อยเกี่ยวกับวิชาภาพยนตร์เท่าไหร่หรอกครับ จริงๆแล้ว วิชาภาพยนตร์ ควรจัดอยู่ในหมวดหมู่ วิชาศิลปะ พวก Bachelor of Art งงเหมือนกันว่าทำไม เมืองไทย มันมาอยู่ใน Communication Art

ลองดูอันนี้ครับ ^^

สายนี้วัดที่วุฒิไม่ได้หรอก

10 ปีที่แล้วที่เริ่มอาชีพตัดต่อ เชื่อม่ะ?คนสอนงานผมจบแค่ม.3 ขณะที่ตัวผมจบปริญญาตรีแต่ต้องไปเป็นลูกน้องเขา และมันทำให้ผมรู้ว่าประสบการณ์เท่านั้นที่สำคัญ

ถ้าจะเอาตรีใบที่สอง ผมว่าเอาโท ดีกว่ามั๊ยครับ หรือไม่ก็ออกมาสมัครงานในสายงานที่เราอยากทำมากที่สุด
ตอนแรกอาจจะไม่ได้ตำแหน่งที่เราใฝ่ฝัน แต่มันก็ต้องค่อยๆ ก้าวเดินกันไปครับ
ถ้าโชคดีก็จะถึง ถ้าโชคร้าย ก็อาจจะติดหล่มอยู่กลางทาง
หรือไม่ก็เลี้ยวไปทางอื่น แต่อย่ายูเทิร์นกลับทางเดิมก็แล้วกัน

  คิดอะไรอยู่ครับ ไม่เข้าใจจริงๆ ที่อยากเรียนเพราะอยากได้ความรู้ หรือเพียงแค่อยากหาไรทำเพื่อให้ไม่ว่าง ที่จบมามันไม่ดีตรงไหนครับ  
ได้ปริญญาตรี 2 ใบ แล้วจะเอาไปทำอะไรครับ   
  

ถ้าคุณรักการเรียนรู้จริงๆ แทนที่จะไปเสียเงินเรียนเป็นแสน
คุณน่าจะเข้าไปขอฝึกงานกับบริษัทหนัง หรือโฆษณาที่คุณคิดว่าใช่
แล้วเอาเงินที่คุณที่คิดว่าจะจ่ายให้สถาบันมาเลี้ยงตัว
วิธีนี้นอกจากจะได้วิชาแบบแก่นแท้แล้ว คุณยังได้เครดิตจากพี่ๆในวงการ
มีโอกาสทางหน้าที่การงานมากกว่าเรียนปีหนึ่งใหม่ครับ

ว่าแต่เรียนบรอดหรือเปล่า ผมBR4 ยินดีให้คำปรึกษาครับ

ผมมองว่าการศึกษาใน ม. เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้นเองอะครับ ...... ผมว่าออกมาศึกษานอก ม. ดีกว่ามีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะเลย

ปล.ลองฟัง มหาลัย ของ คาราบาว หรือ ม.ให้อะไร ของ พี่ปูดู ครับผม

ฉวยโอกาสตอบที่อยากตอบ ในกรณีถามมาแบบไม่เข้าใจ ได้อีกแล้ว อิอิ

ความสำคัญของการเรียนมหาลัยเอกชนบางแห่ง ที่นศ.เกือบส่วนมากของประเทศเข้าใจผิดกันก็คือ เขาไม่ได้ให้ไปเรียนตามหน่วยกิตให้ครบ เพื่อแลกเศษกระดาษมาหนึ่งใบ

แต่เขาให้ไปใช้ชีวิตด้วยตะหาก ให้มี รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อน เพื่อต่อไปในอนาคต สามสิ่งนี้ จะช่วยต่อยอดให้อาชีพเราในอนาคต ไม่มากก็น้อย

ในกรณีของ คนถาม น่าจะหมายถึง การไม่ต้องเรียนพื้นฐาน แต่ เรียนที่อยากเรียนเลยได้มั๊ย คิดว่าทำได้แต่คงไม่รอดถึงเรียนวิชาที่อยากเรียน เพราะระบบจะคัดกรองคุณออกมาก่อน

ระบบเราน่ะดีนะ สากลมาก แตที่มันทำงานไม่ได้เต็มที่เพราะอะไร คงรู้อยู่แล้ว

สุดท้ายเขียนเยอะกว่าคนถามอีก กวกๆๆๆๆๆๆๆ