จะทำหนังสั้นประกวด คุณต้องมีอาการเหล่านี้ก่อน แล้วจึงทำ.
.( ..ใครไม่มีแล้วทำ โกรธจริงๆนะ จะแช่งให้จน..) กรณี 1.- ทำเมื่อคัน อยู่ๆก็เป็นโรคคันไม่รู้สาเหตุ นอนก็ไม่หลับ ตื่นก็มองอะไรไม่เห็น เห็นแต่เรื่องที่อยากทำ ต้องทำถึงหายคัน งั้นทำเลย...( หมอไม่รักษาโรคนี้ )
- ทำเมื่อว่าง ช่วงนี้ไม่มีงาน ใช้เวลาว่างให้เป็นประยชน์ คิดเรื่อง คิดตัวแสดง คิดสถานที่ถ่าย ฯลฯ ( อยู่บ้านอย่านิ่งดูดาย ทำหนังสั้นให้ลูกเพื่อนดู )
- ทำเมื่อมีโอกาศ คือ พอดีเจอพี่ใหญ่ที่มีอุปกรณ์ครบ ( ไม่ต้องเช่าเลยสักชิ้นเดียว ) แถมทีมผู้แสดงก็มาเสนอตัวถึงบ้าน ไม่ทำไม่ได้แล้ว ( อกแตกตาย )
- ทำเมื่อทุกอย่างลงตัว เหมือนฟ้าแกล้งให้ชำ้ใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยดูข่าว เปิดมาเจอโฆษณาชักชวนให้ทำ เนื้อเรื่องเดียวกับที่เราอยากทำ ( ต้องทำๆๆ )
ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ตามที่บอกข้างต้น เราแนะนำให้ทำเลย และรีบๆทำด้วย ไม่งั้นอาจลงแดงตายเพราะอาการคันกำเริบไม่หยุด เมื่อผลิตจนจบแล้ว
อาการคันก็หายไปแล้ว ทีนี้สบายตัวเบาหวิวเพราะไม่คัน ( ถ้ายังไม่หายคันก็แนะนำให้ทำอีกเรื่อง ) ….ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายคัน ฉนั้นจะเห็นว่า
กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับการประกวดแต่อย่างไร ถ้าไม่ได้รับรางวัลใดๆจากการประกวดก็ไม่เสียอะไร เพราะกรณี 1 เกิดจากการรวมตัวของคนที่มีอาการ
คันเหมือนๆกัน แล้วมารวมตัวหาวิธีแก้คัน แต่ถ้าฟลุ๊คได้รางวัลถือเป็นผลพลอยได้ เพราะยังไงเราก็ต้องทำอยู่ดี ทำเพื่อให้หายคันเท่านั้น …
…………………………………………………
กรณี 2 .. และเราไม่แนะนำให้คุณทำหนังสั้นประกวด ถ้ามีอาการตามข้างล่างนี้....ห้ามทำและห้ามทำ ( 2 คำท่องไว้ )
- อย่าทำเพราะหวังชื่อเสียง แน่ใจหรือว่าถ้าชนะได้รับรางวัลแล้วจะมีชื่อเสียง มีคนรู้จักทีมงานผู้สร้างแล้วทำไม ( ดีตรงไหนนึกไม่ออก )
ไปไหนคนแย่งกันเข้ามาขอลายเซ็นต์หรือก็เปล่า , เดินตามเวลาไปช้อปปิ้งก็ไม่เห็น มีรู้จักอยู่ 2คน คือ คนจัดงานประกวด กับคนสมัครฯ รู้จักแน่...
- อย่าทำเพราะหวังเงินทอง แน่ใจหรือว่า ถ้าชนะจะได้เงินมากมายในการทำงาน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมคนจัดงานประกวด ก็เป็นบริษัทผลิตรายการ
โทรทัศน์ มีรายการและมีสถานีเป็นของตัวเอง ทำไมไม่รับคุณและทีมงานเข้าทำงานล่ะ ปล่อยทิ้งให้อดอยากต่อไปทำไม...( แรงไปเปล่าไม่รู้นะ )..
รวมถึงธุรกิจที่เขาเปิดสอนการผลิตให้คุณ จบแล้วก็ไม่ยักรับคุณเข้าทำงาน ให้ไปหางานที่อื่นเอาเอง ( ทำไมและทำไม )
- อย่าทำเพราะหวังว่ารางวัลคือกลีบกุหลาบที่จะโรยให้คุณเดินต่อไปในอนาคต
ลองไปเปิดดูกูเกิ้ล แล้วค้นหาชื่อคนที่ประกวดหนังสั้นได้รางวัลไปแล้ว เม้นท์ไปหาเขาดูซิว่า ตอนนี้กำลังทำงานอะไรอยู่ กำลังนั่งอยู่บนกองเงินกองทองจริงหรือเปล่า หรือ กำลังยุ่งอยู่กับว่าจะไปผลิตหนังให้บริษัทไหน...
- อย่าทำเพราะหวังฟันนางเอก..อุ๊ย ข้อนี้เป็นมุข ไม่ซีเรียส อย่าทำนะคับ ทำได้เฉพาะผู้อำนวยการสร้างเท่านั้น ( มีแต่ในละครเรื่องจริงไม่มี ..ห้ามทำ )
…………………………………………………
กรณี 3 อยากทำหนังสั้นประกวดเมื่อมีสติ ครบ 1000 % ( 100% ไม่พอแล้ว ) หมายถึงต้องพร้อมจริงๆ พร้อมทั้งตัวคุณและตัวทีมงาน
สารภาพว่า มีอยู่คอลัมน์เดียวที่ไม่อยากเปิดดูเลย คือผลงานส่วนตัว เพราะผมถือว่างานทุกงานดีหมด ไม่เคยมีงานไหนที่สร้างสรรค์ออกมาแล้วไม่ดี
( เมื่อไม่ดีทำทำไม ชิมิ๊ ) เพียงแต่ว่างานนั้นอาจดีเฉพาะของเรา แต่คนอื่นไม่ดี ( ช่วยไม่ได้ ) เพราะวัตถุประสงค์ในงานต่างกัน ลูกค้าชอบแต่เราไม่ชอบ
เราทำแล้วไม่ชอบแต่คนอื่นชอบ พอเราชอบคนอื่นกลับไม่ชอบ (พูดแล้วเหนื่อยประเด็นนี้ ) แต่ถ้าคุณอยากทำหนังสั้นประกวดจริงๆ ทั้งๆที่ไม่มีอกาการคัน
แต่เพราะอยากทำจริงๆ ทำตามนี้เลย ( ท่องไว้หน่อยนะ )..
1. บทหนังละครที่จะทำ ต้องดี หมายถึง ทุกคนอ่านแล้วเข้าใจ (ตามที่คนเสนอเรื่อง )เหมือนกันหมดทุกคนในทีม ทั้งอารมณ์ ตัวแสดง และเหตุการณ์ ในทิศทางเดียวกัน
ถ้าอ่านแล้วตีบทไปคนละทาง ต้องกลับมาทบทวนใหม่ว่า เพราะอะไร บทเขียนไม่เข้าใจหรือคนอ่านไม่เข้าใจ ( ภูมิหลังในชีวิตไม่เหมือนกันทำให้มองต่างกัน )
ในกรณีที่บทไม่ดี หน้าที่คนต่อไปต้องดี นั่นคือ ผู้กำกับ
2. ผู้กำกับ คือผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวและรายละเอียดตามที่คนเขียนบท เขียนไว้เป็นตัวหนังสือให้ออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวให้ได้ บางส่วนที่ไม่ชัดเจนอาจ
ปรับแก้ไขให้ดีขึ้น หรือที่ดีอยู่แล้วก็ถ่ายทอดออกมาให้ดีมากขึ้น และถ้าผู้กำกับไม่ดี ไม่เก่ง หน้าที่คนต่อไปต้องดี คือ ช่างภาพ จัดแสง ( รวมเลยนะ )
3. ช่างภาพ และคนจัดแสง ช่างภาพต้องเก่งทดแทน 2 คนที่ไม่เก่ง ด้วยมุมสวย จัดแสงอบอวลให้ได้อารมณ์ ใช้อุปกรณ์เสริมอย่างรู้จริงในงาน
ช่างภาพเก่งจะช่วยปิดบังส่วนงานที่ด้อยได้ดี ( ไม่รู้ถามเขาดู ) แต่ถ้า บทไม่ดี กำกับไม่เป็น ช่างภาพก็ห่วย หน้าที่คนต่อไปต้องดี คือ คนตัดต่อคับ..
3. คนตัดต่อ คือขั้นตอนสุดท้าย ที่จะปรับทุกอย่างให้ออกมาดีให้ได้ ด้วยความจำเป็น (ที่คนอื่นทำไม่ดีทิ้งให้ไว้ )
บทเขียนไม่รู้เรื่อง กำกับก็ตัวแสดงก็ไม่ได้อารมณ์ คนตัดต่ออาจต้องใช้เอฟเฟค เข้าช่วยปรับให้เนื้อเรื่องเด่นขึ้น เช่น ตัวแสดงคู่รัก 2 คนแสดงไม่เหมือนแฟนกัน อาจต้องตัดกลับย้อนภาพในอดีตมาช่วย
ปรับสีซีเปีย หรือทำสโลว์ไม่ให้รู้ว่าเล่นไม่เป็น พร้อมเสริมทัพคนเก่งด้วยคนทำเสียงประกอบ ...
…………………………………………………
จริงๆยังมีรายละเอียดอีกเยอะ เล่าไปก็ยิ่งงงสำหรับน้องใหม่ทำหนังประกวด ( คนเก่าเขาเลิกทำไปนานแล้ว ) จากการเปิดดูผลงานส่วนตัว ยังเห็นข้อผิดพลาด
มากมาย อยากเม้นท์เสริมแต่ไม่รู้จะเม้นท์ไปทำไม เพราะข้อจำกัดในการผลิตหนังละครมีมากมาย เงินทุนจำกัด เวลาในการผลิตน้อย ทีมงานก็เพื่อนๆ ผลิตออก
มาได้ดีขนาดนี้ ก็เทพกันทุกทีมแล้วคับ เพียงแต่อยากบอกน้องใหม่ว่า ที่เรียบเรียงให้อ่านในแต่ละข้อ ก็เพราะทีมน้องใหม่ส่วนมากทำกันเอง เขียนบทกันเอง
( คนเขียนบทตกงานหมดแล้ว ) ถ่ายกันเอง ( ช่างภาพตกงานอีกคน ) กำกับกันเอง ( อ้าวผู้กำกับก็โดนด้วย ) และตัดต่อลงเสียงเองอีก ( พี่ๆทุกคนตกงานทั้งเว็บ )
จากการทำงานคนเดียว ตั้งแต่จนจบจะดีออกมาได้ยังไง ฝรั่งมาทำงานในเมืองไทย เห็นคนไทยทำโปรดัคชั่นแบบทำเองเบ็ดเสร็จ เขาตกใจจนตกเก้าอี้เลยนะคับ
กระซิบบอก " ยู แค่นี้สำหรับโปรดัคชั่นไทยกระจอก ซ่อมเครื่องมือเองทำได้ ทำอุปกรณ์พวกตัวบินใช้เองก็ทำได้ ตอนนี้กำลังทำกล้องEXTRA HD 5920 - 5080
เอาไว้ถ่ายเล่น เพราะของยูมีแค่ 1920 เรานำหน้าไปไกลแล้ว กำลังคิดจะผลิตส่งออก.. รับรองว่า ฝรั่งมันหนีกลับบ้านไม่ทันเลย...
สรุปว่า.. ถ้าอยากทำหนังสั้นส่งประกวดจริง ขออย่างหนึ่งว่า จะต้องมีคนเก่งระดับเทพ ( ระดับธรรมดาไม่พอ ) สัก 1 คน จะเป็นใครก็ได้ในทีมงาน อย่าเอา
เพื่อนๆเป็นคนทำงานทั้งหมด เพราะการมองไม่ขาด หรือบางทีการมองงานในกลุ่ม ( ดีเฉพาะกลุ่ม ) แต่คนอื่นไม่เข้าใจก็มี และยิ่งวัยรุ่นปัจจุบันผลิตหนังสั้งประกวด
แต่กรรมการเป็นรุ่นเก่า เขาก็ดูไม่เข้าใจในมุมมองวัยรุ่น ( ดูไม่รู้เรื่อง ) และอยากบอกให้รู้ว่า การที่องค์กรต่างๆจัดประกวดหนังสั้น ทุกองค์กรมีวัตถุประสงค์แอบ
แฝงทางธุรกิจทั้งนั้น ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ดูให้ออก ถ้าการประกวดหนังสั้นดีจริง ทำไมมีแต่คนรุ่นใหม่อย่างน้องใหม่ที่ส่งเข้าประกวด พี่ๆคนเก่งรุ่นเก๋าหายไปไหนทำไม
ไม่มาทำส่งประกวด ในเมื่อมันมีประโยชน์และดีจริง และอีกอย่างที่อยากฝากให้คิด ใครที่กำลังผลิตหนังสั้นโดยงบจำกัด ระวังนะคับ อย่านึกดีใจที่บริษัทใจดีมอบ
งานให้เราทำ ถามตัวเองอีกครั้งก่อนรับงานว่า " ถ้าหนังสั้นเรื่องนี้ดีจริง ผลิตออกมาแล้ว คุณมีชื่อเสียงจริง แล้วทำไมคนอื่นเก่งกว่าคุณจึงไม่รับไปทำ ทำไมต้องเป็นคุณ "..
อยากบอกอีกครั้งว่า ถ้าเป็นไปได้ ทำงานเพื่อปากเพื่อท้องดีกว่าคับ ทำแล้วได้เงินน้อย ก็ยังดีกว่าทำประกวดแล้วไม่ได้รางวัลใดๆ แถมต้องเสียเงิน เสียอารมณ์
กับกติกาที่ตั้งขึ้นเพื่อไม่ให้ได้รางวัลอย่างที่คุณเป็น ทำงานของเราไปเรื่อยๆทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็เก่งขึ้นเอง เมื่อลูกค้าเห็นงานเรามีคุณภาพ
ก็จะบอกต่อๆกันไป เมื่อนั้นคุณก็จะมีชื่อเสียงตามมาเอง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดที่อยากทำหนังสั้นประกวด ควรเม้นท์มาปรึกษาพี่ๆในเว็บก่อน เริ่มตั้งแต่บทและไล่เรียง
ไปจนจบถึงการตัดต่อลงเสียง แต่ถ้าพี่ๆไม่มีใครว่าง เม้นท์มาที่ผมก็ได้ ว่างจะช่วยทำให้คับ ...( ช่วยทำทุกอย่าง ยกเว้นช่วยเรื่องเงิน )..
[ แก้ไขล่าสุดโดย p0p-it เมื่อ 2011-08-29 19:23 ]