ผมจบคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา โดนรับน้องหนักมากให้ตัดผมทรงนักเรียนด้วยสำหรับผู้ชาย ผมเป็นคนเดียวที่รับกับระบบไม่ไหวในรุ่นผม
และเป็นคนเดียวที่เรียนจบสำหรับคนที่ไม่รับน้องภายในรุ่น ตอนนั้นผมไม่ชอบมากๆยอมรับว่ากดดันมากแรงมากๆในสมัยนั้น ถึงขั้นที่ว่าคนที่ไม่รับน้องจะถูกกดดันจนลาออกไปเอง แต่หลังจากการรับน้องผมก็ให้ความเคารพกับรุ่นพี่ทุกคน จนทำให้รุ่นพี่และเพื่อนๆยอมรับทำให้ผมเรียนจบมาได้
เพื่อนๆพี่น้องในคณะของผม ทำงานอยู่สายเบื้องหน้าและเบื้องหลังวงการบันเทิงเกือบ 100 % พอผมจบมาผมถึงรู้ว่าการที่พี่ๆเค้ากดดันพวกผมและเพื่อนๆ มันมีเหตุผลที่ดีมากๆ พอมาทำงานความรู้สึกที่เคยถูกรุ่นพี่กดดันมันกลายเป็นความสุขไปเลยครับ เพราะวงการนี้ความกดดันสูงมากๆ ทั้งลูกค้าและภาระหน้าที่ต่างๆ และที่สำคัญการรับน้องทำให้พวกเราได้เกิดความสามัคคีภายในคณะ ไม่ใช่เฉพาะในเอกที่เรียน
ผมว่าคณะผมเป็นคณะเดียวที่คนรู้จักกันทั้งคณะสามารถคุยกันได้ทุกคนภายในรุ่น มันเป็นข้อดีมากๆเพราะพอมาทำงานเราก็ต้องพึ่งพากันอยู่
ยกตัวอย่าง ผมจบนิเทศศิลป์ ถ้าผมมีงานที่ต้องใช้ฝีมือในการวาดรูปมากๆ ผมก็จะนึกถึงเพื่อนที่เรียน จิตรกรรม และเรียกเค้ามาช่วยงานได้และก็มีเพื่อนๆรุ่นพี่ หลายคนที่ได้ดิบได้ดีแล้ว ก็ช่วยดึงรุ่นน้องเข้าวงการต่อไป
ทุกวันนี้ผมยังมีความรู้สึกเสียใจที่ผมรับน้องไม่จบ เคยคุยกับเพื่อนๆเล่นๆว่าถ้ากลับไปรับน้องได้จะไปมั๊ย เพื่อนผมบอกว่า "เดี๋ยวไปตัดผมเลย"
เพราะคณะผมต้องตัดทรงนักเรียนเวลารับน้องครับ