"สเปเชียลเอฟเฟค" กล้าไหมที่จะทำ

       ครับ!!! ผมขอบคุณมาก ๆ เลยครับ
ผมไม่เคยรู้เลยว่า คนสร้าง cg เงี้ย จะลำบากขนาดนี้ รู้แค่ว่า ทำออกมาขนาดนั้น ต้องทำงานหนัก ทุ่มเทมาก ๆ แน่ ๆ เลยเนอะ...... แต่พอรู้ปั๊บโห ซึ้งเลยครับ ผมต้องเป็นคนทำ cg ให้ได้คร้าบบบบบ!!!

        ผมกำลังแพลนเรื่องอยู่เลยครับ! ตอนนี้ลงมือทำแล้ว อีกไม่นานคงได้รู้รสของความลำบากแม่นแท้
อยากให้ถึงเวลานั้นจริง ๆ ว่าผมจะรู้สึกยังไงนะ
ว้าาาาาาาาาาาา!!! คิดแล้วเลือดโคตรสูฐฉีดเลยครับ!

ขอบคุณคุณป๋องมาก ๆ เลยนะครับ

ถ้าไม่รังเกียจ ขออนุญาติเรียก "พี่ป๋อง" นะครับ
เพราะผมชอบแนวของพี่ครับ สำหรับ สเปเชียลเอฟเฟคสด

อยากให้คุณ  [w]riterpict เข้าใจด้วยนะครับว่า เอาจริงๆ แม้เราจะมีฝีมือ  แต่อยากให้นึกถึงเรื่อง "ค่าซอฟท์แวร์" ด้วยนะครับ เพราะติวเตอร์ที่สอนๆ กันอยู่นั่นเป็นซอฟท์แวร์ดังๆ ทั้งนั้น

ถ้าเราต้องทำ "หนังฉายโรง" นึกเรื่องตรงนี้ไว้ด้วย ว่ามันไม่ฟรี และค่าใช้จ่ายสูงมาก

ผมทเคยทำเป็น IT support มา และต้องติดต่อกับบริษัทซอฟท์แวร์ตลอด คิดว่ายังไงมันก็ต้องเสียแน่นอน และจำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆ

ขอบคุณที่เข้าใจวงการนี้นะครับ  ขอให้โชคดีกับการทำหนังสั้น แล้วก็มีปัญหาอะไรปรึกษาได้ครับ

ขอตอบแสดงความเห็นในฐานะคนที่ทำงานด้านนี้แบบจริงๆจังๆเลยนะ

"งบน้อยนิด" แล้วทำไมต้องคิดทำละครับ? นกน้อยควรทำรังแต่พอตัว รู้จักตัวเองดีที่สุด มีงบเท่านี้จะดันงานอย่างไรให้อยู่ในงบประมาณและเวลา มันอยู่ในการบริหารได้ครับ สมมติงาน 10 นาที เราไม่จำเป็นต้องจัดหนักเต็ม 10 นาทีก็ได้นี่ครับ อาจจะมีแค่ช่วงหนึ่งที่ทำให้สวยเนี๊ยบดูแล้วอึ้งแค่ไม่กี่วินาที ดีกว่าออกมาเฉยๆทั้ง 10 นาทีนะครับ
ผมเห็นหลายเคสละครับ ฝืนๆ บอกตัวเองว่า ทำได้ ทำได้ ทำได้ สุดท้ายก็ส่งผลเสียไม่เพียงแค่ตัวเอง แต่กลายเป็นคนรอบข้าง ซัพลายเออร์ อะไรต่ออะไรอีกเป็นหางว่าว อย่าเอาความฝันตัวเองไปทำร้ายใครโดยไม่ตั้งใจเลยครับ

จริงๆผมบอกได้เลยว่าเมืองไทยไม่ได้จนอย่างที่คิดครับ แต่คนทำCGในไทยเรามักจะวางPositionตัวเองให้เป็นแบบนั้น เอางานก่อน เอาใจรัก พอได้เงินน้อยทำสักพักแก้ไปแก้มาก็ทิ้งงานบ้าง ทำไปนินทาด่านายจ้างบ้าง

แล้วก็เรื่องที่คิดว่า"ทำไมไม่มีใครลองทำ" ตรงนี้ขอตอบว่า เขาทำกันเยอะแยะครับ คนไทยเราเก่งๆเยอะ เพียงแต่ไม่โชว์กันแค่นั้นเอง แม้แต่ภาพยนตร์เมืองนอกก็มีคนไทยอยู่เบื้องหลังเยอะแยะครับ
แต่ว่าคนไทยด้วยกันไม่ค่อยเห็นคุณค่า โดยมากมักจะมองว่าทำงานห้องแอร์เปิดคอมไม่น่าจะเหนื่อย แค่นี้เอง แค่นี้เอง
รวมไปถึงการถ่ายทำด้วย
งานCGหรือพวกVFXที่ไทยจึงกลายเป็นงานแก้ปัญหา มากกว่า งานสร้างสรรค์

ผมเองถ้ามีเวลาก็ทำแก้เสี้ยนเล่นๆสัก 10-15 วิก็พอทุเลาครับ อย่าวางแผนอะไรให้ใหญ่เกินไปเพราะจะท้อและทำไม่สำเร็จ นึกโจทย์เป็นข้อๆไป ยังไงก็สู้ๆนะครับ ทำแบบตั้งใจยังไงก็ดีครับ

ผมก็เป็นหนึ่งคนครับที่มีความฝันที่คิดว่าใหญ่เกินตัวอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็จะพยายามทำให้ถึงที่สุดทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ผมก็เริ่มเดินเเล้วเหมือนกัน ตอนนี้ก็เรียนอยู่ภาพยนตร์ ม.กรุงเทพ ครับ เริ่มต้นจากเล็กๆ ด้วยการทำ muzzle flash อยู่ว่าจะฝึกสัก3-4 เดือน ความฝันของผมก็คล้ายๆกันเเหละครับ แนว CG อะไรพวกนี้

ยังไงก็สู้ๆละกันครับ ค่อยๆเดิน  

         ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ ผมจะเริ่มทำจากเล็ก ๆ ก่อนแหละครับ ประมาณเอฟเฟคพื้นฐาน ทำ 3 - 4 วิ แต่จัดให้เต็มเหนี่ยวสุดความสามารถ และค่อย ๆ พัฒนาฝีมือไป ค่อย ๆ เรียนรู้โปรแกรมต่าง ๆ ที่จำเป็นไปทีละน้อยละนิด

..........ขอบคุณคำปรึกษาดีดีจากใจครับ

         ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ!!!

          ใช่ครับ ผมจะทำหนังสั้นเล็ก ๆ แต่จะทำให้ออกมาดีเยี่ยมสุดความสามารถผม ไม่งั้นผมคงไม่กล้าให้คนอื่นดูแน่นอน
          จะทำหนังสั้น ไม่เกิน 5 นาทีน่ะครับ แต่อยากใส่เอฟเฟคไปแบบเยี่ยม ๆ ตอนนี้ก็กำลังศึกษาความรู้พื้นฐานต่าง ๆ ก่อน ผมจะต้องตั้งใจทำสุดความสามารถเลยครับ มันไม่ใช่แค่ฝันน่ะสิครับ แต่มันเป็นอะไรที่อยากทำ และคนอื่นไม่เดือดร้อนแน่นอน ผมเชื่อแบบนี้ครับพ๊มมมม!!

          และ โห!!! ผมเพิ่งรู้นะครับเนี้ย ว่าหนังต่างประเทศหลาย ๆ เรื่อง มีคนไทยเข้าร่วมด้วย งั้นผมก็เปลี่ยนความคิดได้แล้วสิ ที่ว่า ไม่ค่อยมีใครจริงจังเรื่องนี้ ...... เข้าใจแล้วครับ

ขอบคุณคำปรึกษาดีดีจากใจครับ

ขอบคุณข้อคิดดีดี ที่เยี่ยมยุทธมาก ๆ เลบครับ ผมจะพาไปปรับใช้ในกระบวนการคิดครับพ๊มมม!!

ขอบคุณมาก ๆ ครับ

โห!! พี่เรียน ม.กรุงเทพเหรอเนี้ยยยย?? ผมก็อยากไปเรียนเหมือนกันเลย แต่มีเหตุจำเป็นต้องเรียนภาคใต้
แต่ก็มีคณะ นวัตกรรมการสร้างสรรค์สื่อ เขาสอนเรื่องพวกนี้โดยตรงเลยครับ!.......

ขอบคุณมากครับพี่ ! พี่ก็สู้ ๆ ครับ อนาคตถ้าใจยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก เราคงได้เจอกันในเป้าหมายเดียวกัน

....ผมกำลังไปเรียน มอ.ปัตตานีครับ!

พูดในฐานะคนดูหนัง  ความน่าสนใจ น่าติดตาม ไปจนกระทั่งความประสบความสำเร็จของหนัง อยู่ที่แกนของมันคือ Story นะครับ CG เข้ามาเติมเต็มทีหลัง ตามความเหมาะสม ตามเหตุตามผล ... แต่ถ้าจะเอา CG เข้าว่าอย่างเดียว ปิดประตูความสำเร็จไปได้เลย หนังที่มี CG เยอะ แต่เรื่องราวห่วย ผมคนนึงล่ะที่ไม่ดู ...

ผมคิดว่า หนังที่ใช้ CG ที่ดี ต้องดูแล้วไม่รู้ว่าใช้ CG ฟอเรสกัมพ์เรื่องนึงล่ะที่เป็นตัวอย่างที่ดี แล้วประสบความสำเร็จด้วย ... ถ้าอยากจะทำจริง ๆ ควรจะพัฒนาเรือง Story ก่อน หรืออย่างน้อยก็พัฒนาไปพร้อม ๆ กัน ...

ปล. ขออภัย ผมโพสต์ไว้ทั้งสองกระทู้ของน้องเลยนะครับ มันคล้าย ๆ กัน

ครับ! ขอบคุณมาก ๆ ครับ ผมจะพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน

ผมก็ชอบดูหนังนะครับ ทุกแนวเลย แต่อยากทำหนังแนวที่มี CG เพิ่มเข้ามาน่ะครับ สงสัยคงจะดู และอ่านวรรณแนวนี้มาเยอะ เลยซึมซับมาตั้งแต่เด็ก.........

ขอบคุณอีกครั้งครับ

อ้างอิง

อ้างอิงโพสต์24 ต้นฉบับโพสต์โดยvfspostworkเมื่อ2012-12-05 16:46เผยแพร่ :
...หนังที่มี CG เยอะ แต่เรื่องราวห่วย ผมคนนึงล่ะที่ไม่ดู ...

ถูกใจสุด Teen จริงๆครับ ประโยคทองแห่งปีเลย


ถ้าจะยกตัวอย่างหนังใหม่ๆขึ้นมาหน่อย ผมขอ 2 เรื่องนี้ละกัน
Transformes 3 - ขนาดขอยืมแผ่นเพื่อนมาดู ไม่เสียตังค์ซักบาท ดูจบ ยังรู้สึกเสียดายเวลา
Inception - CG ไม่ถึงกับโดดเด้ง แต่ก็เกินพอสำหรับการรองรับเนื้อเรื่อง แถมดูในโรงก็แล้ว ยังไม่จบ ต้องซื้อแผ่นมาดูอีกรอบ ก็ยังไม่จบ คงต้องซ้ำอีกหลายรอบกว่าจะเก็บได้หมดทุกประเด็น กลายเป็นหนังในดวงใจอีกเรื่องไปเลย

เออ สวยดีครับ ใช้โปรแกรมไรทำครับ ...........มือใหม่ฝุดๆ

ใช่ ๆ......!! มันสำคัญที่เนื้อเรื่องเช่นกัน

.... ปล. พี่ดู อินเซ๊พชั่นด้วยเหรอ โห!! อยากบอกว่าเรื่องนั้นผมดูแล้วดูอีก โคตรชอบเลยครับ เป็นอะไรที่ซับซ้อน แต่โคตรอลังการ 55+ ชอบมากมาย มีข้อคิดด้วย โอ้ววว!!

แป๊ะครับ ตามนั้นเลย Transformer ความเห็นผม คือ ภาคแรกภาคเดียวเท่านั้น แน่นอนว่ามันสดใหม่ มี CG ที่ตื่นตะลึง แต่ที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือ ตัวบท และ เยี่ยมกว่าบท คือ คาแรกเตอร์ของตัวละคร โดยเฉพาะตัวเอก เหมือนคนเขียนบทเค้าคิดออกมาหลายชั้นมาก มุขที่ใส่ลงไปเหลือล้นจริง ๆ ทำให้ดูสนุกตลอดเรื่อง ได้อารมณ์เกรียนตามพระเอกขึ้นมาทันที ซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้นในหนัง action sci-fi แบบนี้ แล้วแต่ละฉากมีตัวหลักตัวรองซ้อนกันอยู่ ทำให้พอกลับมาดูอีกครั้ง หรือ หลาย ๆ ครั้ง เราได้เห็นสิ่งที่เก็บไม่หมดหรือไม่ทันดูในครั้งแรก มีหนังหลายเรื่องที่เป็นแบบนี้ เอามาดูซ้ำ ๆ ก็ยังสนุกอยู่ ถือว่าสุดยอดจริง ๆ ...

พอเป็นภาคสอง ไม่ถึงกับแย่ แต่เริ่มจืดลง มันไม่มีอะไรใหม่ ๆ แล้ว CG เดิม ๆ บทอะไรต่าง ๆ ก็ไม่ได้พัฒนาหรือทำให้น่าสนใจขึ้น จนมาถึงภาค 3 บอกคำเดียวว่า เละเป็นขี้ ตัวเอกถูกเขียนให้เป็นคุณหนูเจ้าอารมณ์ กับ เรื่องราวจุกจิกน่าเบื่อจนน่ารำคาญ ไม่หลงเหลือเค้าเดิมเลย คิดในใจว่าคนเขียนบทมันต้องแอบเบี่ยงเบนอะไรสักอย่าง ถึงได้ถ่ายทอดบุคคลิกแบบนี้ออกมา ตื้นเขินในความคิดความอ่าน ผิดกับภาคแรกราวฟ้ากับเหว ... เป็นการเขียนด้วยมือในภาคแรกแล้วถูกลบด้วยเท้าในภาค 3 จริง ๆ (แม้ CG จะเต็มเรื่อง แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย) ...

Inception ได้ดูสองรอบ CAM รอบนึง DVD รอบนึง คิดว่าเป็นหนังที่โอเค เพียงแต่แนวนี้มันมีมาก่อนแล้ว แถมดูไปทำงานไป เลยไม่สามารถจับรายละเอียดอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราว

แต่ที่ข้องใจไม่หาย คือ หนังดังในอดีต 2 เรื่อง ที่นำกลับมา re-make ใหม่ คือ Total Recall กับ Amazing Spiderman อยากจะเรียกว่า ไม่ประมาณตัวเลยสักนิดเดียว เป็นไก่รองบ่อน แต่ดันหาญสู้กับเจ้าสังเวียน เละเป็นขี้อีกเหมือนกัน สู้ไม่ได้ แพ้หมดรูปในทุก ๆ ด้าน ทั้งสองเรื่องนอกจากจะไม่สามรถจับความสนใจได้แล้ว ผมยังไม่สามารถทนดูได้จนจบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Total Recall หนังคาสสิคที่ทำได้ดีมาก ทำมาตั้งแต่สมัยปี 1990 อีก 22 ปีต่อมา เอามาทำใหม่ นึกในใจว่า หูยต้องสุดยอด คงจะเป็นภาคต่อ บวกกับเทคนิค CG ปัจจุบัน อลังการแน่นอน ผิดคาดหมด เนื้อเรื่องเดิมเป๊ะ (เพื่ออะไร ?) และทำได้แย่ถึงแย่ที่สุด CG ของปี 2012 ไม่แม้แต่จะใกล้เคียงกับที่ทำในปี 1990 เลย เป็นการทำหนังที่ไม่มีกิ๊นเลยสักนิด กลายสภาพเป็นหนังทุนต่ำที่มาเกาะกระแสความดังของชื่อหนังในอดีตไปซะงั้น ...