มืออาชีพคืออะไร

ไม่ใช่ไอ้พวกดีแต่ปากแต่กลับทำไม่ได้(คิดว่าตัวเองเก่งคนเก่งเค้าไม่มายืนโม่กันหลอกคุณ)......ผมดูแค่เนี้ยดู

มืออาชีพ
ในมุมมองของผม คือ คนที่ประกอบอาชีพนั้นๆครับ
ถ้าใครหาเงินจากการประกอบอาชีพ ก็เป็น มืออาชีพ
มันหมายความว่า ผลงานของคุณ มีคุณค่าพอต่อการซื้อ หรือจ้าง ก็ผ่านด่านแรกแล้วครับ

อีกหนึ่งความหมาย ในเชิง คำวิเศษณ์ มืออาชีพ จัดอยู่ในกลุ่มที่มีความหมายแง่บวก
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ อย่างที่ท่านก่อนๆว่ามาคือ Professional
คำๆนี้ ถูกเอ่ยจากปากลูกค้า มักเป็นคำชื่นชม มีสองแง่อีกนะ
คือชมตอนเห็นภาพพจน์เรา อันนี้อย่าไปเอามาเป็นสาระ
แต่ถ้าเค้าชมผลงานเรา แล้วเราภูมิใจ มีประโยชน์กว่าครับ

นอกจากจะมีทักษะ สามารถทำงานในสายอาชีพตัวเองได้ดีแล้ว
ยังต้องซื่อสัตย์ และมีวินัยกับผลงาน ตนเอง ลูกค้า ลูกน้อง และผู้ร่วมงานครับ

ทั้งนี้ ด้วยว่าเป็นการซื้อ-ขาย ดังนั้นแค่ทำงานดีอย่างเดียวไม่ได้นะครับ
การจัดการทั้งทีมงาน เวลา ทรัพยากร รวมไปถึงการประสานงาน ลูกค้า ทีมงานที่ต้องร่วมงาน บลา บลา บลา....
ก็เป็นเรื่องสำคัญ ครับ เพราะเราทำงานขาย ถ้าทำเอาอาร์ท ไม่เน้นขายก็อาจจะอีกเรื่อง แต่เมื่อใดที่มีการซื้อขาย
เรื่องการบริการ บริหาร จัดการในทุกๆส่วน ก็ต้องทำให้ดีด้วยครับ

ดังนั้นเอาว่าภาพรวมๆของสมาชิกในเวปเรา เราทำงาน "ศิลปะ" ขายครับ
นอกจากเราต้องเป็น "ศิลปิน" แล้ว หากคุณอยากเป็น "มืออาชีพ"
ไม่ว่าจะหมายความว่า ทำเป็นอาชีพ หรือ ภาพลักษณ์
คุณต้องเป็น "พ่อค้า แม่ค้า" ที่ดีด้วยครับ...............เอวัง

จะเป็นคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ คุณหมออาสาที่เราไม่รู้จัก หรือแม้แต่คุณหมอรักษาสิว ก็ล้วนเป็นมืออาชีพทั้งหมด

ถ้าคุณยังทำงานเว็ดดิ้ง เพื่อให้ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของคนคู่หนึ่งสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์ คุณก็คือ"มืออาชีพ"
ถ้าคุณยังทำงานโฆษณา เพื่อให้ช่วยให้สินค้าเป็นที่รู้จักในตลาด คุณก็คือ"มืออาชีพ"
ถ้าคุณยังทำภาพยนตร์, ละคร, รายการ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม คุณก็คือ"มืออาชีพ"
ถ้าคุณยังทำวิดีโอพรีเซนท์ เพื่อนำเสนอองค์กรใดๆได้ต่อยอดทางธุรกิจ คุณก็คือ"มืออาชีพ"
หรือถ้าคุณทำคาราโอเกะ เพื่อให้ขี้เมาได้ร้องเพลงอย่างมีความสุข คุณก็คือ"มืออาชีพ"

ตราบใดที่คุณยังทำงาน ยังเป็นชิ้นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกลไกให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ คุณก็คือ"มืออาชีพ"
แต่หากคุณกระทำการใดๆที่จะเป็นการบั่นทอนความก้าวหน้าของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการฉ่อโกง เอารัดเอาเปรียบ โกหกหลอกลวง คุณ "ไม่ใช่มืออาชีพ"

ทำงานได้ตัง รับ เงิน ก็ เป็น อาชีพ แล้ว

สำหรับผมแล้ว คำว่ามืออาชีพ ผมให้คำจำกัดความอยู่ที่ว่า

"ผู้ที่รู้ และมีความสามารถในการปฏิบัติงาน ในสายงานนั้นๆได้อย่างดียิ่ง สามารถคิด วิเคราะห์ตัวงานได้อย่างยิ่งยอด

จัดการและแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ข้อสุดท้าย ผมถือว่าสำคัญที่สุด สัจจะและความรับผิดชอบ พูดแล้วต้องทำให้ได้ รับแล้วต้องทำให้เสร็จ

อ้อ อีกประการหนึ่ง ให้ความสำคัญและความเชื่อมั่นในผลงานตน ไม่ใช่อวดอ้างว่ามืออาชีพ แต่หางานด้วยการตัดราคาเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกันเอง"


ส่วนตัวผมนั้นผมบอกกับตัวผมเอง ผมบอกกับลูกค้าเสมอมาว่า "ผมไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ เพียงแต่ผมหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างภาพเท่านั้น"

เดิมตั้งใจว่าจะเขียนเป็นบทความ เพราะมีน้องใหม่เม้นท์มาถามเรื่องนี้อยู่ แต่ติดที่เป็นผู้ลี้ภัยนำ้ท่วมพกแต่ไอแพด
เลยลำบากที่จะเขียน สุดท้ายก็อดรนทนไม่ได้ เลยขออนุญาติเจ้าของกระทู้ต่อยอดความรู้เลยแล้วกันนะคับ....
.... ไม่ว่าใครจะให้ความหมายอย่างไรก็ถูกทุกข้อ เพราะมันมาจากต้นเหตุเหล่านี้คือ.....
......ใครที่เคยทำงานในบริษัทใหญ่มีหลายทีมผลิต ในบริษัทจะมีกระดานบอร์ดไว้เขียนชื่อทีมงาน
....... เช่น ช่างภาพ 1 / ช่างภาพ 2 /. ช่างภาพ 3 ในทุกๆวันจะมีโปรดิวเซอร์ประจำรายการมาลงชื่อเรียกใช้
....ถ้าคุณเป็นหนึ่งในช่างภาพ แต่กระดานว่างทุกวัน ขณะที่คนอื่นคิวจองแน่นทุกวัน คุณจะทำอย่างไร?...
.... และนี่คือที่มาของคำว่า". มืออาชีพ" ....
   1.  มืออาชีพต้องมีงานตลอด ( เปรียบบริษัทเหมือนวงการโปรดัคชั่น)  หรือมีมาเรื่อยๆ
    2. มืออาชีพต้องทำงานมากกว่าที่ตกลง หรือพูดง่ายๆก็คือสามารถทำหน้าที่อื่นได้( ดีด้วย) เช่น
         เป็นช่างภาพต้องจัดไฟเป็น , ตัดต่อเก่ง, หรือทำงานได้เทียบเท่าโปรดิวเซอร์ฯ นั่นคือ ทำงานได้เกินความคาดหวัง
         ที่ลูกค้าตั้งใจไว้
   3.  มืออาชีพสมัยก่อนกำหนดราคาให้ลูกค้า แต่มืออาชีพวันนี้ให้ลูค้ากำหนดราคาเอง. (ไม่ใช่ตกตำ่หรอกคับ
         เพียงแต่ขี้เกียจเรียกเงิน เพราะรู้ว่าตั้งราคาไปยังไง สุดท้ายลูกค้าก็ต่อราคาอยู่ดี ). สู้ถามลูกค้าไปตรงๆเลยดีกว่า
         ว่ามีงบเท่าไหร่ ไม่เสียเวลา ไม่เสียอารมณ์ และยังไม่หมดนะคับ. เมื่อรับงานมาเท่าไหร่แล้วคุณต้องทำงานให้มาก
         กว่าที่เขาจ้างมา เป็น2เท่า.....
      ...แล้วถามต่อว่า ถ้าเรายังไม่เป็นมืออาชีพในวันนี้ จะขอเป็นมืออาชีพในวันหน้า จะต้องทำอย่างไรบ้าง?
     .... ตอบง่ายมาก จำข้อ3 ไว้ให้ขึ้นใจ ข้อเดียวก็พอแล้วคับ
     .....สมมติว่า มีลูกค้ามาจ้างทำ mv ในราคา3,000 บาท คุณทำงานเป็นปกติในราคาที่ลูกค้าจ้าง
     .... เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถามต่อว่าคุณสามารถทำMV ( วัตถุดิบเดิม). ในราคา5,000บาทได้หรือไม่
          จะทำอย่างไรตามใจคุณจะ เติมกราฟฟิคหรือติดต่อให้มีหลายมิติ หรือหลายเลเยอร์มากขึ้น หาวิธีทำเอาเอง
          และเมื่องานเสร็จแล้วนำมาเปรียบเทียบกับงานเดิมที่ลูกค้าจ้างมา ดูดีขึ้นกว่าหรืือไม่ ถ้าดีกว่าแสดงว่า
          คุณได้เลื่อนระดับมืออาชีพขึ้นมาอีกขั้นแล้ว ...
    .... ถามตัวเองต่อไปว่า. ถ้าจะให้ทำ MV. ในราคา10,000 ล่ะ จะทำอย่างไร ( วัตถุดิบเดิม)
          คิดไปคิดมา ต้องเพิ่มภาพนิ่ง ต้องถ่ายเพิ่ม ต้องสัมภาษณ์เพิ่ม ก็ทำเลย .....
........ สุดท้ายนำส่งงานชิ้นที่มีค่ามากที่สุด สมมติราคา10,000 บาท นั่นหมายความว่า
          -  ตัวคุณเองได้เลื่อนระดับมืออาชีพขึ้นมาอีกขั้นแล้ว
         -   คุณได้สร้างสิ่งที่เกินความคาดหมายของลูกค้าในงานที่คุณทำแล้ว
         -   และเมื่อลูกค้าได้งานที่ดีขึ้นกว่าข้อตกลง ตัวลูกค้าเองจะเป็นผู้ประชาสัมพันธ์บอกกล่าวผลงานของคุณเอง
             เมื่อมีลูกค้าใหม่ติดต่อมาโดยอ้างลูกค้าเก่าที่แนะนำ คุณอาจให้เหตุผลว่าที่ทำได้ในราคา3,000 เพราะเป็นญาติ
            แต่เห็นว่ามีความสนิทชิดเชื้อแล้วแนะนำติดต่อมา ผมลดให้ขอเป็น6,000 แล้วกัน....
........  ครบ 3ข้อ 3 ปัจจัยที่แนะนำไว้ตั้งแต่ต้น แล้วก็วนกลับไปเริ่มต้นใหม่กับลูค้ารายใหม่เช่นนี้ต่อๆไป....
          ใครที่เม้นท์มาถามผมคงพอเข้าใจขั้นตอนการเลื่อนชั้นมืออาชีพแล้วนะคับ...
......... อย่าลืมติดตามอ่าน" กะล่อนไว้ก่อนp0p-it สอนไว้". แย้มว่า ใครที่พูด... ลูกค้าคือพระเจ้า...
           อ่านบทความผมจบ ต่อไปลูกค้าจะเป็นคนพูด ". คุณคือพระเจ้า". ...  2 วันนับแต่วันนี้นะคับ...

หวังว่า MVราคา 3พัน 5พัน 1หมื่น ของพี่p0p-it คงจะเป็นแค่ราคาสมมุติตลอดไปนะครับ เท่าที่เป็นอยู่ปัจจุบันผมก็แย่แล้ว

อ้างอิง

มืออาชีพสมัยก่อนกำหนดราคาให้ลูกค้า แต่มืออาชีพวันนี้ให้ลูค้ากำหนดราคาเอง. (ไม่ใช่ตกตำ่หรอกคับ          เพียงแต่ขี้เกียจเรียกเงิน เพราะรู้ว่าตั้งราคาไปยังไง สุดท้ายลูกค้าก็ต่อราคาอยู่ดี ). สู้ถามลูกค้าไปตรงๆเลยดีกว่า          ว่ามีงบเท่าไหร่ ไม่เสียเวลา ไม่เสียอารมณ์  

.   555+   ชอบ ๆ  มันเป็นเรื่องจริง 

อ้างอิง

มืออาชีพสมัยก่อนกำหนดราคาให้ลูกค้า แต่มืออาชีพวันนี้ให้ลูค้ากำหนดราคาเอง. (ไม่ใช่ตกตำ่หรอกคับ          เพียงแต่ขี้เกียจเรียกเงิน เพราะรู้ว่าตั้งราคาไปยังไง สุดท้ายลูกค้าก็ต่อราคาอยู่ดี ). สู้ถามลูกค้าไปตรงๆเลยดีกว่า          ว่ามีงบเท่าไหร่ ไม่เสียเวลา ไม่เสียอารมณ์

ก็คงต้องบอกว่าลูกค้าที่ว่าจ้างเองถ้าเป็น end user ก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นหน่วยงาน องค์กรธรุกิจ เอเจนซี่ พีอาร์ ออร์แกไนซ์ ก็ต้องมีความเป็นมืออาชีพเช่นกัน ทุกวันนี้เจอแต่ลูกค้างบน้อยทั้งปี บรีฟงานไม่เคลียร์ แพลนงานไม่เป็น สรุปสคริปต์คอนเซ็ปต์กันทีเป็นเดือนแก้แล้วแก้อีก แต่เหลืออาทิตย์สุดท้ายถึงจะได้เริ่มโปรดักชั่น แต่พอเริ่มถ่ายยังไม่ทันไรก็ถามคำแรกเลยเสร็จเมื่อไหร่จะรีบใช้ อีตอนแก้สคริปต์กันมาเป็นเดือนไม่รีนจะมารีบเอาอีตอนจะทำเนี่ยนะ แล้วตอนถ่ายก็สุดแสนจะลำบากขอความร่วมมืออะไรไม่เคยได้ แม้กระทั่ง product หรือบุคคลากรบริษัทของตัวเองที่เราทำงานให้ยังขออะไรก้ขอยากขอเย็น สุดท้ายพองานเสร็จดันอยากจะแก้คอนเซ็ปต์ แก้สคริปต์ใหม่

เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นเฉพาะองค์กรเล็ก ๆ นะ บริษัทใหญ่โต เอเจนซี่ พีอาร์มีชื่อเสียงก็เป็น เพราะบริษัทที่มีชื่อไม่ได้หมายความว่าคนในองค์กรทุกคนจะฉลาดเลิศไปหมด

ถูกของคุณ tkratt ครับการเปิดโอกาสเป็นสิ่งดีสำหรับคนทำโปรดักชั่นครับ ผมชอบ

ผมเคยไปถ่ายรูปงานงานนึงแล้วโดนลูกค้าด่าว่า "แล้วบอกมืออาชีพ"

สำหรับผมนะครับ...

มืออาชีพ... คำๆนี้ไม่ได้เกิดจากการที่เราใช้เรียกตัวเอง หากแต่เป็นคำที่ผู้อื่นใช้กับเรา
................ซึ่งก็เป็นเพียงคำๆหนึ่ง อาจทำให้เราทำงานลำบากขึ้น แต่ก็อาจทำให้เราภาคภูมิใจได้

ส่วนรายละเอียดการที่จะทำให้ดูเป็นมืออาชีพ... หลายๆท่านตอบได้ดีแล้ว