ผมก็โดนครับ คนที่ไม่ได้ตัดต่อจะไม่เข้าใจหรอกครับว่า "ค่าวิชาชีพในการตัดต่อ" มันหมายความว่าอย่างไร ยากง่ายขนาดไหน เพราะเขาจะคิดแค่ว่า "ก็แค่ตัดวิดีโอแล้วเอามาต่อกัน ก็เท่านั้น" ทั้งที่จริงๆ มันต้องใช้ความคิดพอสมควรเลยทีเดียว
งั้นผมขอสรุปเป็นข้อๆ ตามประสบการณ์แล้วกันนะครับ อาจจะไม่ถูกต้อง รบกวนเพื่อนๆพี่ๆคนอื่นมาเสริมด้วยละกันครับ
1.
Editor คือ บุคคลที่มีหน้าที่ร้อยเรียง footage ทั้งหมด เข้าเป็นวิดีโอเดียว แล้วสามารถสื่อถึงเรื่องราว และอารมย์ของ video นั้นๆได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีศิลป์ในการเลือกภาพ จังหวะเวลาที่เหมาะสม จัดความดังและความต่อเนื่องของเสียง รวมทั้งความสอดคล้องของเพลงประกอบ ให้สามารถกลมกลืนกันเป็น video ที่ดีอันนึง (หนัง สามารถเปลี่ยนเนื้อหาได้เลยทันที ขึ้นอยู่กับการตัดต่อเลยนะครับ แปลกแต่จริง)
2.
Editor ไม่ใช่ DP มันคนละหน้าที่กัน เพราะฉะนั้น การเอาไฟล์มาให้แล้ว แล้วทำให้ค่าตัวถูกลง ไม่จริงครับ
3. ที่จริง
Editor กับ Motion Graphic, CG, อีกทั้ง การแต่งเพลงประกอบ ก็ถือเป็นคนละหน้าที่กันครับ (ไม่เช่นนั้น end credit ของหนัง จะมีตำแหน่งตั้งมากมายขึ้นเป็นหางว่าวทำไม เพียงแต่อาจเป็นคนเดียวกันทำได้ครับ)
4. สุดท้าย ค่าตัวของการตัดต่อ สามารถเป็นได้ตั้งแต่
ฟรี ไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว (แต่ส่วนมากจะหลักพัน ตามแต่ตกลง)
นั่นเป็นทาง
ทฤษฎีครับ
ใน
ทางปฏิบัติเนื่องจากเมืองไทย มีการมั่วตำแหน่งอยู่เยอะ ไม่มีหลักเกณฑ์ในการใช้งานที่ชัดเจน หรือแม้แต่บางคนมีความสามารถครอบคลุมทำได้ทุกตำแหน่งในตัวคนเดียว ทำให้บุคคลภายนอกหรือบุคคลรุ่นหลังคิดว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะฉะนั้น ทางที่ดี ควรเรียกราคางานเป็นแบบเหมาครับ หรือไม่ก็แจกแจงงานโดยละเอียดครับ โดย
1.
ตกลงกันถึงเรื่องราคา ตั้งแต่ก่อนเริ่มงานครับ ถึงแม้จะเป็นคนใกล้ตัว ก็อย่าเสี่ยงครับ เสียมิตรภาพกันเปล่าๆ ใครจะมองว่าเราเป็นคนหน้าเงินก็ช่างครับ เพราะนี่คือระบบการทำงาน พอตัวเลขยิ้มออกทั้งคู่ ค่อยเริ่มงานครับ ดีกว่ามาวุ่นวายทีหลัง
2.
ตกลงกันถึงขอบเขตของงานให้เรียบร้อยก่อน เราเสนอไปว่าเราจะบริการในด้านไหนให้บ้าง เช่น ถ่ายทำ ตัดต่อ แต่ไม่รวม CG กับแต่งเพลงนะ เอา reference เก่าให้เขาดูด้วยเป็นการยืนยัน ทางเขาก็จะบอก concept กับราคามาเอง อีกทั้ง ต้องค่อนข้างรัดกุมในเรื่อง ระยะเวลาในการให้บริการ เพราะมีเหมือนกันครับ ที่มาแก้งานทีหลังโดยให้เราไปถ่ายใหม่ ตัดต่อมาใหม่จนกว่าเขาจะพอใจ โดยส่วนมาก มักจะไม่เกิน 3-5 ครั้งครับ (ภาวนา อย่าให้แก้เยอะเลย)
3.สำคัญอย่างยิ่่ง คือ
สัญญาการจ่ายเงิน ว่า จ่ายเมื่อไหร่ เช่น ทันทีที่ส่งมอบงาน, มัดจำก่อน หรือ หลังจากนั้น 1 เดือน, หรือ เบี้ยวชัวร์ (อันนี้ไม่แนะนำครับ) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดกันยากมากๆ ในหมู่คนสนิท แต่แข็งใจครับ ถ้าอยากสนิทกันต่อไป อีกทั้ง งานที่ขายค่าวิชาชีพ มีโอกาสถูกเบี้ยวสูงมากครับ
4.ด้วยความที่การตัดต่อเป็นศิลปะอย่างนึง เพราะฉะนั้น เป็นการยากมากที่จะตัดต่อให้ถูกใจกับลูกค้า เป๊ะๆๆๆๆๆ เพราะสไตล์ตัดต่อของเราเป็นแบบนี้ แต่เขาอาจจะไม่ชอบก็ได้ ซึ่งก็ไม่มีใครผิดนะครับ ทางทีดี ต้องย้ำ ขอ reference จากลูกค้า เพื่อเป็นแนวทางในการตัดต่อ ถ้าเขามี idea อะไร ทางเราก็ต้องจดเอาไว้ด้วยนะครับ
เหมือนการระบายอารมย์ยังไงก็ไม่รู้แฮะ
ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่อยากให้คนมองข้ามวิชาชีพการตัดต่อไป เพราะมีคนเข้าใจผิดเยอะมากว่าเป็นเรื่องง่ายๆ