ถ้ารับทำ presnt งานแต่ง ราคาควรอยู่ประมาณเท่าไรครับ

ถ้ารับทำ presnt งานแต่ง ราคาควรอยู่ประมาณเท่าไรครับ


แล้วพี่ๆ คิดราคากันอย่างไง


ขอบคุุณคับ

เท่าที่สืบราคามานะครับมีตั้งแต่ 5000(เพื่อนกันทำให้)จนถึงแบบเทพๆ 4-5หมื่นครับ

ราคาไม่แน่นอนครับพอใจราคาเท่าไหร่ก็ทำครับ ทำเพราะอยากทำก็มี

ราคาไม่แน่นอนจริงๆครับเมืองกรุงทำราคาได้ดีกว่าชนบทครับ ทำฟรีเพราะเพื้อนหักคอผมก้เจอมาแล้ว ทำตัวอย่างงานซะหรูไปเสนอ ลุกค้าบอก "กรูเอาเงินไปซื้อวัวเลี้ยงแขกดีกว่า" สารพัดอย่างเลยครับ

โดย โดนมาเหมือนกัน
ทั้ง ทำการ์ด ถ่ายรูป วีดีโอ
เบ็ดเสร็จ คิด สองหมื่น
เค้าเอาตังค์ไปซื้อ วัว พ้น

แล้วแต่ความยากง่าย ไอเดีย และใช้เวลาทำกี่วีนครับ

แต่เท่าๆที่ทำมาหลายงานของผมอยู่ 1500-2500 ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 2000

แต่ถ้า2500เพราะลูกค้าอยู่ไกลต้องเสียเวลาอัพงานทางยูทูบให้ดูหรือคุยงานแบบทางโทรแบบนี้

กว่าลูกค้าจะโอเคเสียเวลาค่าโทรและค่าส่งอีกก้อเลยต้องเอามาบวกอีก 500

ที่ทำไม่เคยเกินจากนี้สักที

งานแบบนี้พูดยากครับลูกค้าหลายคนไม่เข้าใจ

ว่าความยาวแค่ 5-8 นาทีทำไมแพงจังก้อบอกเค้าไปว่ามันใช้เวลาทำนานนะครับ

งานผมไม่ใช่แบบทำเพลทสำเร็จแล้วเอารูปเอาเพลงไปใส่

มันต้องเรียบเีรียงด้วย ต้องมีบท ต้องอัดเสียง ต้องคิด ต้องสแกนรูปเก่าๆอีก

กว่าจะเสร็จก้อปาไปเป็นอาทิตย์ๆ

ผมก้อจะบอกเค้าว่าสมมุติผมคิดเเวลาทำเป็น ชม ละ

เหลือชมล่ะ ไม่ถึง 50 บาทด้วยซ้ำ ไหนจาค่าไฟ ค่าโน่น ค่านี่อีก

เค้าก้อเข้าใจครับเพราะเค้าทำไม่ได้อย่างบางคนเป็น พยาบาล

เค้าบอกว่าว่าเค้าอยู่เวรๆละ 800  ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

8 ชม ได้มาแระ 800  เฉลีย ชมละ 100

ถ้าบอกไปถึงขนาดนี้เค้าไม่เข้าใจก้อลองให้เค้าไปหาที่ทำที่อื่นดูครับ

น่าจะมีราคาค่าวิชาชีพหรือราคาขั้นต่ำบางนะ เพราะบางทีบอกราคามาแทบไม่ได้อะไรเลย

ผมว่าราคาลองเอาต้นทุนการผลิตแล้วคูณ2ก็จะน่าโอเคนะครับ

มันไม่มีใครหรือสมาคมไหนกำหนดมาตรฐานอ่ะนะ
อีกอย่างลูกค้าหลายคนไม่ค่อยเข้าใจ
แต่ไม่เข้าใจก็ยังอธิบายกันได้ ถ้าคนจ้างไม่โอเคกับราคาหรือคนทำไม่โอเคกับราคา ก็ต่อรองกัน ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องจ้าง หรือคนทำไม่ไหวไม่ต้องรับทำ
อย่างผมนี่ก็ไม่ได้ทำบ่อยเพราะขี้เกียจเอาใจมาก (คนจะแต่งงานมันตื่นเต้น จะเอาโน่นเอานี่แถมเปลี่ยนใจได้ไม่รูจบ)
ถ้ารับก็จะคิดค่าจ้างตามปัจจัยที่ต้องใช้ เช่น ค่าสึกหรออุปกณ์, บางอย่างต้องเช่าเท่าไหร่, ค่าเดินทาง, เวลาในการทำ (ถ่ายเยอะราคาก็เยอะ ตัดเยอะ เรื่องยาวก็คิดด้วย)
ความยาก , ทรัพยากรที่ต้องจัดหา เช่น Prop ,สถานที่ หรืออะไรที่ต้องใช้
,ค่าแรง, ค่าทักษะ (2 อย่างนี้ควรจะคิดแยกกันนะครับ ระหว่างค่าแรงกับค่าทักษะ) ,ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน เบ็ดเตล็ดจิปาถะ ถ้าไม่เยอะมากก็ไม่เอามาคิดครับ

แต่ที่น่าหงุดหงิดใจคือลูกค้าประเภทไม่เห็นคุณค่าของงาน ไม่เคารพวิชาชีพของคนทำงาน
อยากได้ของดีแต่จะเอาถูกๆ  

ในกรณีงานแต่งงาน ผมและเพื่อนเคยเจอหลายเคสที่ลูกค้ายอมจ่ายให้กับค่าโรงแรมหรือสถานที่หลายหมื่นหรือเป็นแสน
ค่าดอกไม้ค่าตกแต่ง ฯลฯ ที่ทุกอย่างมลายหายไปเมื่อจบงาน  แต่มาต่อราคาภาพนิ่ง + วิดีโอ 4000 ก็เลยไม่รับครับ เลยบอกเขาไปจ้างคนอื่นเถอะ
ทำไมภาพถ่ายกับภาพวิดีโอเขากลับไม่เห็นคุณค่าว่ามันเก็บความทรงจำ ความประทับใจ ความหมายดีๆไว้ได้ยันชั่วลูกชั่วหลาน
อย่างอื่นจ่ายเป็นแสนได้ แถมจบงานมีแต่โยนทิ้ง หลายๆงานไม่ได้เป็นที่ประทับใจและน่าจดจำของแขกหรือแม้แต่ตัวเจ้าภาพด้วยซ้ำ


บางคน 5000 ก็ไม่ไหวแล้ว แต่บางคน 20000 ก็ยังโอเค
เราก็ทำตามระดับของงานให้ลูกค้าพอใจ คนทำพอใจ งานไหนงบลูกค้าน้อย เราก็ทำให้เล็กๆแต่ก็ดูดีได้ในแบบราคาไม่แพง



ถ้าลูกค้าที่ฐานะไม่มากผมก็พอเข้าใจและยินดีช่วยได้นะ อยากให้เขาได้ภาพดีๆเก็บไว้เป็นความประทับใจ

ทำไมเซลล์แมนเก่งๆ ถึงขายของได้ราคาสูงกว่าเซลล์แมนไม่เก่ง ทั้งๆ ที่เป็นของสิ่งเดียวกัน อันเดียวกัน
ทักษะทางการค้า สามารถช่วยให้เราทำราคาได้สูงขึ้นครับ

นอกจากทักษะทางศิลปะที่เราสร้างสรรค์ผลงานของเราออกมาได้อย่างสวยงามลงตัวแล้ว
เราก็ควรศึกษาทักษะในการนำเสนอ ในการต่อรอง ในการโน้มน้าวจิตใจคน
ให้เขาเห็นคุณค่าในงานศิลปะที่เราทำ ให้เขาเห็นถึง เหตุที่ว่าทำไมมันถึงราคาแพง
มันยูนิค มันหนึ่งเดียวในโลก มันสำคัญกับช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตของเค้ามาก
มันจะเป็นความทรงจำดีๆ ที่จะอยู่กับเค้าตลดไปตราบนานเท่านาน
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ด้วยบุคลากรที่มีฝีมือ
ผลงานที่เราจะสร้างสรรค์ให้ก็ย่อมเชื่อขนมกินได้เลยทีเดียว
ว่าพี่จะยิ้มไม่หุบไปอีกยี่สิบห้าปี ยันลูกพี่แต่งอีกก็ยังเรียกใช้ผม
ถ้าผมยังทำงานไหวนะ

สำหรับผม  10-35 k

แต่มีบางอย่างขอกล่าวเสริมนิดส์นึง...

ว่าหลายๆสิ่งที่ทุกท่านกล่าวมาล้วนมีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น  "ผู้รับจ้างหรือผู้ว่าจ้าง"

ต่างคนต่างมอง ต่างคนต่างเข้าใจ
ว่าเหตุผลในใจตน  มีอำนาจเหนือเหตุผลผู้อื่น....

"ล้มวัว มาเลี้ยงแขกยังมีประโยชน์มากกว่า - การจ้างผลิตงาน"
"นั่นเพราะเขาใช้สมองซีกซ้ายคิด" โดยใช้ตรรกของเงินมาเทียบค่าของ "งานศิลปะ"
ถ้าเจอคนประเภทนี้  สังเกตุไม่ยากครับ ดูได้จากลักษณะคำพูดและแววตา
แต่คนมันมี  "ความอยากไงครับ" อยากจะเข้าถึงบ้าง    (ARTตัวพ่อ)(เลียนแบบ พี่โน้ส)
                  "อยากได้งานแบบคนนู้น-คนนี้"
ซึ่งไม่ไตร่ตรองดูเลย......ว่างานของคนนั้นที่มันมีความสวยและมีคุณค่า
    (เพราะมันผ่านการ "คิด" และใช้เวลาทำนานเท่าไหร่)
(( ถึงจะมีความสมบูรณ์ขนาดนี้และเป็นที่หน้าประทับใจ ))

พอมันมาเป็นภาคธุรกิจเช่นนี้ พวกเราทุกคนก็ต้องปรับตัวครับ
เริ่มจากคิดเสียก่อนว่า "งานนั้นต้องใช้เวลาทำเท่าไหร่"

โดยคิดจาก งานวิดีโอพรีเซ็นต์ที่เราจะทำมันมี "เพลงกี่เพลง"
เมื่อรวมแล้วเป็นกี่นาที ประมาณการไว้คร่าวๆก่อน
แล้วค่อยมาคิดว่าเราต้องใช้เวลา ถ่ายทำกี่ขั่วโมง
ตัดต่ออีกกี่วัน จัดทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิกกี่ตัว

ถ้าเป็นลูกค้าอย่างนี้ ผมจะจัดเซ็ตเล็กที่สุดครับ
เพื่อความประหยัดของเขา คือ ถ่ายทำแต่ไม่มีเนื้อเรื่อง
กราพฟิกก็มีแต่เป็น Super นะ (อันนี้ต้องคุยให้เครียร์)
โดยเราจะจัดทำให้โดยรวมๆ แต่ไม่ลงรายละเอียดลึกๆ

"สู้ต่อไปครับ อย่าได้ท้อเน้อ"