วิธีหาลูกค้าเพิ่ม ( ยอมเหนื่อยในวันนี้เพื่อสบายในอนาคต )

หวัดดีพี่ๆทุกคนคับ...อ่านเรื่องที่ผมเขียนไว้ในการทำรายการส่งฟรีทีวี จะเห็นว่าช่างหางานเป็นผู้ทำงานน้อยที่สุด แต่กลับได้รายได้มากที่สุด คนโปรดัคชั่นต่างหากที่ทำงานมากที่สุด 
รับผิดชอบมากที่สุด ( แก้ไขงานจนกว่าลูกค้าจะพอใจ ) เหนื่อยที่สุด ( อดหลับอดนอน ) เครียดที่สุด ( ทำแล้วจะได้เงินหรือไม่ ) จบงานปิดจ๊อบกลับได้เงินน้อยกว่าช่างหางาน ..
 ..นี่คือ ความเจ็บปวดในโลกแห่งความจริง ที่คนโปรดัคชั่นทุกคนหนีไม่พ้น และจำต้องทน ต่อนี้ไปเราอาจทนน้อยหน่อย เพราะเราจะไม่เป็นเพียงผู้ตามอย่างเดียวแต่จะหางานเองด้วย
สำหรับใครที่กำลังทำงานอาชีพนี้ ( อิสระ ) ปัจจุบันงานยังไม่เยอะ ผมอยากแนะนำ ( อีกหนึ่งทางเลือก ) ให้คุณได้ลองทำดู คือการเปิดหน้าร้านเพื่อโชว์ผลงานให้ลูกค้าเห็น
( เหมือนร้านเวดดิ้ง, ร้านถ่ายรูป ) พูดง่ายๆก็คือ เป็นช่างหางานด้วย โดยสร้างฐานลูกค้าของเราขึ้นมาเอง ..( วิธีใดวิธีหนึ่ง เลือกเองนะคับ )
เริ่มต้นต้องเตรียมอุปกรณ์ในการประชาสัมพันธ์ผลงานก่อน ( เข้าป่าล่าสัตว์มีปืนอย่างดียวไม่พอต้องมีลูกกระสุนด้วย ) 
  -  ทำโฟโต้อัลบั้มผลงาน ให้เท่ห์ เก๋ไก๋ ดูภูมิฐาน น่าเชื่อถือ รวบรวมผลงานให้ลูกค้าดูหลายๆแบบ พร้อมอัตราค่าบริการ แนบด้วยแผ่นพับนามบัตรเล็กๆ เสียบไว้ในเล่ม 
     เผื่อลูกค้าสนใจจะได้หยิบนามบัตรกลับไป อาจนำไปฝากไว้กับร้านญาติ เพื่อนพี่น้องท่ีทำธุรกิจอยู่แล้ว …..
  -  ขยายภาพคู่แต่งงานสวยๆ หรือภาพผลงานที่เด่นๆขยายให้ใหญ่ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ขนาด 20-24 ( 50 บาทเองคับ ) ใส่กรอบให้ดูสวยงาม เพื่อนำไปติดโชว์
     แนวทางที่เราจะนำเจ้า 2 สิ่งไปใช้ก็คือ หาร้านญาติพี่น้อง ผองเพื่อน ที่เปิดธุรกิจอยู่แล้ว แต่มีพื้นที่ ( กำแพง ) ว่าง ก็ขอเอารูปที่เราทำกราฟฟิคสวยงาม ไปแทนรูปวิวเก่า
พร้อมด้วยอัลบ้มรูปผลงานเล็กๆของเรา ( ในกรณีที่ลูกค้าต้องการดูข้อมูลเพิ่ม ) รูปภาพที่นำไปติดเราจำต้องออกแบบให้ไปได้กับธุรกิจที่เขามี อาจให้เปอร์เซ็นต์ในส่วนหน้าร้าน
เช่น มีลูกค้าติดต่อผ่านทางร้าน เราอาจโทรคุยรายละเอียดกับลูกค้าโดยตรง เมื่องานเสร็จเราก็นำส่งงานที่ร้านค้า ทางร้านเป็นคนรับเงินและได้ส่วนแบ่งจากงานที่เราทำเสร็จ 
สามารถทำได้กับหลายธุรกิจที่เราเข้าร่วม..( เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น คุณอาจนำไปปรับใช้ในธุรกิจอื่นๆได้ ) เช่น
   -  ร้านทำผมวัยรุ่น ก็เอารูปผลงานไปติดเสริมเข้ากับรูปผมที่ทางร้านมี ทำโฟโต้เก๋ๆ มีเบอร์โทรฯด้านล่าง พอมีลูกค้ามาทำผมเห็นรูปติดโชว์น่าสนใจ ถามช่างทำผม ช่างบอก
      "  เพื่อนผมเองคับ ( ฝีมือระดับปรมาจารย์ต้องเรียกพี่ ) นี่คับอัลบั้มงานตัวอย่าง ติดต่อได้เลยคับ "..
-  ร้านกิ๊ฟช็อพวัยรุ่น , ร้านขายเสื้อผ้า เอาภาพผลงานเสริมตกแต่งให้ไปด้วยดีกับธุรกิจที่เขามี " แฟนหนูเองค่ะ ช่วยอุดหนุนหน่อยนะคะ มีงานอะไรโทรเรียกได้เลยค่ะ "
   -  ร้านซ่อมคอมฯ ก็ทำได้นะคับ ไม่ผิดกติกา เพราะตัดต่อก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์เหมือนกัน ในกรณีนี้มีน้องคนนึง เปิดร้านซ่อมก็เลยแนะนำให้ลองทำดู ลูกค้าเอาคอมฯมาซ่อม
      เห็นรูปติดข้างฝา คือรูปตัวเขาเองที่เป็นช่างภาพถ่าย MV ลูกค้าเห็นยิ่งสร้างความเชื่อถือให้กับตัวคุณมากขึ้นอีก..
-  ร้านถ่ายเอกสาร ก็ร่วมธุรกิจได้เหมือนกัน อาจให้ทางร้านเขาเชียร์หน่อย " น้องชายผมเองคับ มีงานอะไรเรียกใช้ได้คับ "
…ตัวอย่างที่ยกมาให้ดูเป็นแนวทางตัวช่วยเพิ่มไอเดียให้คุณได้มองเห็นภาพ สรุปก็มี3 แนวทางหลักๆ
      วิธีที่ 1 . นำผลงานไปฝากกับร้านอื่นที่เขาทำธุรกิจของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่เราปรับรูปแบบของเราให้ไปได้ดีไม่ขัดกับรูปแบบที่เขามี ผลประโยชน์ก็แบ่งตามสัดส่วนที่ได้
                 ข้อดีคือ คุณไม่ต้องเสียเสียค่าใช้จ่าย ได้งานก็ได้เงิน ไม่ได้งานก็ไม่ได้เงิน ( ลงทุนครั้งแรกทำรูปและอัลบั้มตัวอย่าง )
      วิธีที่ 2. เปิดร้านเองหุ้นกับเพื่อนๆที่มีธุรกิจคล้ายๆกัน ( วันสต๊อปเซอร์วิส ) เช่น ช่างภาพนิ่ง ช่างทำอัลบั้ม ทำโฟโต้ ทำกรอบรูป ช่างตัดต่อ ช่างภาพ ฯลฯ
                 ข้อดีก็คือมีคนมาช่วยกันหารค่าใช้จ่าย ข้อเสียคือ ต้องมีค่าใช้จ่าย และอย่าลืมไปอ่านการทำรายการทีวีส่งช่อง ( เรื่องการทำธุรกิจกับเพื่อน )
      วิธีที่ 3. ทำเองคนเดียว สำหรับใครที่มีบ้านอยู่ริมถนน เป็นตึกแถว ลองกั้นเป็นห้องเล็กๆ ตกแต่งให้ดูน่ารัก เก๋ไก๋ แล้วติดรูปผลงานต่างๆที่เราทำ รวมถึงเปิดงาน MV 
                โชว์ลูกค้าทางจอแบน ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถที่จะทำงานของเราควบคู่ไปด้วย เพราะยังไงเราก็นั่งทำงานอยู่แล้ว เปิดโชว์ให้ลูกค้าเห็นเครื่องมือซะเลย 
              ( จอแบน 3 จอเรียงรอบตัว ) ข้อดีธุรกิจคนเดียวทำงานสบาย ข้อเสียคือเวลาที่คุณต้องออกไปทำงาน อาจต้องปิดร้านบ่อย ลูกค้าอาจขาดความเชื่อถือ 
               คงคิดว่า ร้านอะไรวะปิดมากกว่าเปิด คิดมุมกลับผมว่า  เป็นข้อดีซะอีก เวลาไปรับงานข้างนอก ก็ติดป้ายว่าไปทำงานถ่าย MV ,งานสัมมนา อะไรทำนองนี้
               ถ้าลูกค้ารีบด่วนก็ติดต่อเบอร์โทรนี้ ติดป้ายแขวนหน้าร้าน ที่ปิดบ่อยเพราะมีงานเยอะ ถ้าลูกค้าเข้าใจเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเองได้อีก .
….ใครเคยขับรถผ่านบางกรวย จะเห็นร้านขายต้นไม้ริมถนน มีตั้งแต่ต้นละ 1 - 5 บาท ไปจนถึงหลักพันเคยถามแม่ค้าว่า ขายเพียงต้นละแค่นี้จะไปกำไรได้ไง แม่ค้าบอก
ที่เขาขายทุกวันนี้ อยู่ไม่ได้หรอก กำไรจากการขายต้นไม้น้อยมาก แต่ที่เขาขายอยู่ก็เพราะหวังงานหน้าร้านคืองานจัดสวน ตรงนี้ต่างหากคือกำไรเลี้ยงชีพ ส่วนลูกค้าขาจร
ก็เปิดขายไปงั้นๆแหละ ได้ค่าเช่าค่าข้าวก็พอ เลยกลับมาคิดถึงธุรกิจโปรดัคชั่นว่า ถ้าเรามีหน้าร้านเหมือนธุรกิจอื่นๆบ้าง ไม่มีงานก็ทำงานของเราไป มีงานก็ปิดร้านไปรับจ๊อบนอก
บางทีเราอาจได้ลูกค้าใหม่ที่เป็นของเราจริงๆ เช่น ถ่ายงานสัมมนาประจำ , งานบริษัทฯ, งานสารคดี  ฟลุ๊คๆอาจได้งานระดับชาติ ตั้งตัวได้ในชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า..
ลองหาทางดูนะคับ ทุกคนคงมีญาติทำธุรกิจหน้าร้าน เป็นการเพิ่มลูกค้าอีกทาง ผมลองแนะนำน้องที่เขามีญาติหน้าร้าน ปรากฏทำแล้วได้ผลดีเกินคาด ได้ลูกค้าเพิ่มเฉลี่ย
เดือนละ 1 - 2 คน ถือว่าเยอะมากๆ เพราะอย่าลืม ลูกค้า 1 คนในวันนี้จะพาลูกค้าในอนาคตมาอีก 10 คน เท่ากับคุณได้ลูกค้าในอนาคตเพิ่มมาอีกเดือนละ 20 คน และยิ่งธุรกิจ
หน้าร้านของญาติเราอยู่ในแหล่งสถาบันการศึกษา, คนทำงาน , เรียกว่าอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการด้วยแล้ว อนาคตเศรษฐีแน่นอน เตรียมประกาศรับสมัครทีมงานเพิ่มได้เลย 
ณ วันนี้ นอกจากเราจำต้องเก่งพร้อมกันหลายๆอย่างแล้ว ส่วนสำคัญอีกอย่างก็คือ เราควรเป็นผู้นำตลาดด้วย ( โดยการสร้างกลุ่มลูกค้าของเราเอง ) ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้ตาม
(รองานจากคนอื่นส่งให้ ) ..เหนื่อยหน่อยในวันนี้ ( ทำทุกวิธีเพื่อหาลูกค้า )  แต่ถ้าลูกค้าติดใจในผลงานที่มีคุณภาพของเรา...รับรองว่า สบายไปตลอดชีวิต คิดแล้วคุ้มนะคับ..

เยี่ยมเลยครับ ขอบคุณที่ให้ความรุ้มากมายเลย

ใช่แล้วครับ ขอบคุณครับสำหรับเนื้อหาสาระดีๆครับ

ขาดไปอย่างนึง สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ... เว็บไซต์ ครับ ... ทุนมาก ทุนน้อย ก็ทำได้ ทำก่อนเลย ได้ผลเกินคาด ... ดีไม่ดี เฉพาะเว็บไซต์อย่างเดียว ก็งานเข้าไม่หยุดแล้ว ฐานลูกค้ากว้างมากด้วย ...

มีประโยชน์กับหลายๆคนเลยครับ

เปิดหน้าร้าน แล้วลูกค้า เข้าเยอะขึ้นจริงๆ  ขอ คอนเฟิร์ม  
แต่บางที ต้องเลือกทำเล  ถ้าไปเช่าทำเล แพงๆ  อาจจะต้องไปจ่ายค่าเช่าหมด

หนับหนุนคับ.. กรณีเปิิดหน้าเว็บหาลูกค้าก็เป็นอีกแนวทางที่ควรทำ ( ถ้าทำได้ ) บางทีผมลองเปิดเว็บภาพนิ่งดู มีน้องคนนึงต้องการช่างภาพถ่ายงาน
รับปริญญา ไม่น่าเชื่อมีคนส่งเมล์มาถึง 250 ฉบับ ผมมานั่งนึกดูว่าถ้าเราเป็นเจ้าของงาน จะมีเวลามาเปิดดูหมดไม๊เนี่ย และถ้าเปิดหมดจะเลือกเจ้าไหน
ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน ผมว่าการหาคนโปรดัคชั่นให้ทำงาน น่าจะเริ่มมาจากคนรู้จักแนะนำกันก่อน ถ้าไม่มีใครรู้จักจริงๆ ถึงจะเปิดหาในเว็บ
สำหรับกรณีฝากประชาสัมพันธ์กับญาติผู้ใหญ่ที่เปิดธุรกิจหน้าร้าน ผมอยากให้ข้อสังเกตุและควรระวังอย่างมากก็คือ อย่าทิ้งงานหรือมีปัญหากับลูกค้า
( ไม่ว่าคุณจะถูกก็ตาม ) เมื่อปัญหาเกิด คนที่จะซวยเป็นคนแรก โดนลูกค้าด่าคนแรก ก็คือคนแนะนำคับ( ญาติคุณ )  ฉะนั้นคุณต้องแบกความรับผิดชอบนี้
ไว้เต็มๆ ทำอะไรอย่าให้มีปัญหาไปกระทบกับธุรกิจที่เขามีอยู่ ถ้าเขาเสียชื่อขึ้นมา เรื่องก็คงจะถึงผู้ใหญ่ที่คุณนับถือกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต(ไม่อยากคิด)
เหมือนนำ้ผึ้งหยดเดียว ( ซึ่งอาจเกิดจากเงินเพียงไม่กี่พันบาท ) ทำอะไรนึกถึงเจ้าของธุรกิจ ( ญาติผู้ใหญ่ ) ไว้มากๆ....ก็จะดีคับ

ขอบพระคุณมากๆ ครับพี่

อ่านแล้วเอาไปใช้ได้ง่ายดีจริงๆ ถ่ายทอดได้เก่งมากคร้าบ

ขอบคุณ ที่แบ่งปันความรู้ครับ