การทำงานหนังขอจบด้วยตัวคนเดียวถือว่าวุ่นวาย แต่ไม่ยากครับ
ที่บอกอย่างนี้เพื่อเป็นแรงใจให้เอาชนะอุปสรรคไปได้ ผมเคยช่วยเพื่อนและรุ่นน้องทำหนังจบมาก็รวม4รุ่นแล้ว
ทำดีบ้างไม่ไม่ดีบ้างก็ขึ้นอยู่กับหลายประจัย ที่น้องๆจะได้มีประสบการณ์ด้วยตัวเอง บางคนกำกับเอง
บางคนขอถ่ายเอง บางคนจัดไฟเอง บางคนบันทึกเสียงเอง เสียบ้างถ่ายซ้ำบ้าง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นทักษะในอนาคต
ซึ่งอันนี้พอน้องๆถ่ายมาเสร็จก็มักจะมาถามว่าตรงนี้ดีไหม? บันทึกเสียงมาอู้อี้เพราะอะไร? แสงฉากนี้ใช้ไฟกี่ดวงดี?
สิ่งนี้จะเป็นทักษะที่หาที่ไหนไม่ได้แล้วครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้คุณต้องทำการบ้านมาบ้างเช่น แคสติ้งนักแสดงเอง หาสถานที่เอง และเลือกใช้อุปกรณ์ด้วยตัวเองครับ
กล้องธรรมดาก็ถ่ายสวยได้ถ้าใช้เป็น ไมค์ธรรมดาก็บันทึกได้ถ้าสถานที่ไม่จอแจ คนธรรมดาก็กำกับได้ถ้าอธิบายเป็น
มาถึงตรงนี้ ผมอยากแนะนำคุณว่า ควรจะกำกับด้วยตัวเองมากที่สุดด้วย
ตำแหน่งอื่นอาจจะหาได้ แต่คนทำบทต้องกำกับเองถึงจะดีครับ. ยิ่งคุณกำลังเรียนอยู่โอกาสมันมาก็คว้าไว้
คุณอาจจะกำกับไม่เก่งแต่มันจะได้ประสบการณ์ครับ
หลักการณ์หนังสั้นก็ถ่ายให้ continued เข้าไว้
ก่อนถ่ายจริงถ่ายรูปนัก แสดงไว้ช่วยจำเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ถ่ายเสร็จหนึ่งซีนก็มือถือถ่ายไว้มุมต่างๆ
ถ้าจะหาตากล้องขอที่เชี่ยวชาญในงานและจัดแสงได้จะช่วยประหยัดได้หนึ่งงาน เช่าแต่ไฟส่วนที่เหลือจัดเองจะได้ประหยัดและถ่ายเสร็จเช็คภาพเลย ส่วนเสียง หาคนบันทึกมาพร้อมอุปกรณ์ไมค์บูมและ ไมค์แบบต่างๆไปด้วย พอถ่ายเสร็จต้องเช็คเสียงเลยอย่าปล่อย ก่อนถ่ายจริงก็ซ้อมให้ดูก่อนสักรอบสองรอบ คุณจะได้ดูแอคติ้ง มุมกล้อง
ถ้าเล่นไม่ดีก็เข้าไปอธิบายนักแสดง ถ้ามุมไม่สวยก็ให้พี่ช่างภาพหาให้ใหม่ ให้พี่ช่างภาพเค้าซ้อมไปด้วย
ทั้งแพนทั้งทิ้ว เราจะได้ดูและเลือกไปเลย พอจะถ่ายข้ามซีนก็เปิดมือถือดูหรือใช้ความจำเอาว่าซีนไหนมันต่อตรงไหน
ส่วนเรื่องการตัดต่อหรือเรียกว่าการลำดับภาพหลักๆเลยมันก็ตัดตามบท ลงล็อคของสคริปส์อยู่แล้ว
งานหนังสั้นนั้นไม่จำเป็นต้องทำกราฟฟิกอะไรมาก องค์ประกอบศิลป์มันเริ่มมาตั้งแต่เลือกสถานที่แล้วครับ
อย่ากลัวว่างานจะเยอะครับ ยิ่งเยอะคุณยิ่งได้ประสบการณ์ครับ