ปรึกษาการทำห้องบันทึกเสียงขนาดเล็ก / ข้อมูลไมค์ Superlux HO8

กรณีไม่เอาเสียงออกลำโพงใช้หูฟังตอนอัดต้องทำแผงมั้ยครับเพราะผมลองอัดแล้วเสียงก้พอใช้ได้ครับใช้ได้

ตอนอัด มันอัดแบบมีเสียงกระจายออกมาสะท้อนแล้วใช้ไมค์เป็นตัวรับนี่ครับ มันเลยต้องมีเรื่องกำแพงที่ดูดซับการสะท้อนของเสียงมาเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนเรื่องใช้หูฟังนี่มันเป็นส่วนของการเพลย์แบ็คนะครับ มันคนละส่วนกับการอัดเสียง

เมื่อคืนลองอัดเข้าไมคแล้วครับเหลือแต่จะทำแผ่นไม้ตามที่พี่บอกครับ

พี่ครับรูปการทำแผ่นไม้ดูไม่ได้ครับ

มิกที่ซื้อคือ    alto รุ่น  LYNX-MIX82FX   ไมค์  superlux ho8    และมีอินเตอร์เฟตของalto  เชื่อระหว่างคอม   อัดเสียงก้โอเคครับ   การปรับมิกยังไม่ค่อยเป็นครับในส่วนของเอฟเฟ๊กไมค์ใช้ไม่ค่อยเป็นครับขอคำชี้แนะด้วยครับพยายามส่งรูปแล้วไม่ได้ครับ

ผังห้องอัดครับ

ห้องประมาณนี้ครับ

เพลงที่อัดครับ

อ้างอิง

ถามคุณ  vfspostwork  ต่ออีกนิดนึงครับ mixer    Alto AMX-100FX  ตัวนี้
ใช้ งานในร้านอาหารเล็กๆๆ กีต้าร์2ตัวไมค์อีกตัวดีไหมครับ

ขออภัยครับ เพิ่งเห็นว่ากระทู้นี้มีอัพเดต ...



Alto AMX-100FX รับ input ได้ 10 ช่อง โดยจะมี 2 ช่อง ที่มี Microphone Pre-Amplified มาให้ ดังนั้นในสองช่องนี้สามารถนำไมค์มาเสียบได้โดยตรงทันที ขั้วเสียบจะได้ทั้งที่เป็น XLR หรือ TS ... ส่วนที่เหลืออีก 8 ช่อง ไม่มี pre-amp เพราะฉะนั้นสัญญาณที่จะส่งเข้ามาต้องอยู่ในระดับ Line-Level หรือ ต้องขยายมาแล้วเท่านั้นครับ ...

ถามว่า รับไมค์ 1 ตัว + กีตาร์อีก 2 ตัวได้มั๊ย ... ไมค์ได้ครับ แต่กีตาร์เป็นกีตาร์อะไร ? ... ถ้าเป็น Acoustic กีตาร์ แล้วใช้ไมค์จ่อ ก็ได้อีกแค่ตัวเดียว อีกตัวที่เหลือต้องผ่าน Mic Pre-amp ก่อน เพื่อขยายให้ได้ระดับ Line-Level แล้วส่งเข้าอีก 8 ช่องที่เหลือ หรือ ไม่ก็ต้องขยายเป็นรุ่นที่ใหญ่ขึ้น อาจจะเป็นรุ่นที่มี mic pre-amp 4 ช่อง (XLR+TS) ซึ่งจะแพงขึ้นนิดหน่อย อยู่ราว ๆ ไม่เกินห้าพันบาท ...





แต่ถ้ากีตาร์สองตัวที่ว่าเป็น กีตาร์ไฟฟ้า ก็ช้าก่อนครับ !!! ... เพราะไม่สามารถนำมาเสียบกับมิกส์ตัวนี้ได้ จำเป็นต้องผ่าน amp เฉพาะของกีตาร์ก่อนเท่านั้น (DI-Box) แล้วถึงจะส่งเข้ามาได้ เพราะ amp กีตาร์ มันจะเป็นแบบ Hi-impedance (Hi-Z) คนละแบบกับ amp ที่ใชกับไมค์ ...

ถ้าจะใช้กับกีตาร์ไฟฟ้าจริง ๆ แนะนำให้มองหาตัวอื่นดีกว่าครับ จุดสังเกตุว่ามิกเซอร์ตัวไหนรับกีตาร์ไฟฟ้าได้ มักจะมีเขียนบอกไว้ว่าเป็นช่อง Hi-Z, Hi-Impedance, Instrument หรือไม่ก็สกรีนรูปกีตาร์ติดเลย ลองดูตัวอย่างนี้ครับ ...

อ้างอิง

Mackie 802-VLZ3 Features

    * Ultra-compact 8-channel mixer with low noise, high-headroom VLZ3 design
    * 3 studio-grade XDR2 Extended Dynamic Range mic preamps
    * 130dB dynamic range
    * Ultra-wide 60dB gain range
    * Extended low frequency response
    * Distortion under 0.0007% (20Hz - 20kHz)
    * Phantom power for studio condenser mics
    * 8 high-headroom line inputs
    * Aux send, level, pan and PFL solo on each channel
    * Selectable Instrument inputs on first two channels - no DI box needed
    * Stereo Return for connecting FX processor or other stereo source
    * 3-band Active EQ (80Hz, 2.5kHz, 12kHz)
    * 18dB/oct. 75Hz Lo-Cut filter on Mic input channels
    * ALT 3/4 stereo bus for added versatility
    * Control Room/Phones source matrix
    * High-resolution 12-segment stereo meters
    * Sealed rotary controls to resist dust and grime
    * Rugged steel chassis
    * Includes Tracktion 3 Project Bundle software

ที่กาแดงไว้นั่นแหล่ะครับ คือ ส่วนที่บอกว่าใช้กับกีตาร์ไฟฟ้าได้ และ ไม่เฉพาะกับกีตาร์เท่านั้นครับ คีย์บอร์ด หรือ อะไรที่คล้าย ๆ กัน ก็ได้ด้วย ... ถ้างบถึง ตัวนี้ก็ใช้ได้กับลักษณะงานที่ถามครับ แต่ถ้างบจำกัดก็มีอีกหลายรุ่นให้เลือก ลองคุยกับร้านขายดูก่อนครับ ...

อยากทิ้งท้ายไว้นิดนึงว่า pre-amp ที่อยู่ในมิกเซอร์เหล่านี้แค่พอใช้ได้เท่านั้นนะครับ หากเป็นงานที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียงมาก ไม่แนะนำเลย ต้องหา mic pre-amp เฉพาะ หรือ หากจะใช้แบบที่ฝังมาให้ในมิกเซอร์ มักจะอยู่ในระดับราคาที่สูงกว่านี้มากครับ ...





ซึ่งพอพูดถึง pre-amp สำหรับบันทึกเสียงแบบซีเรียสหรือในระดับสตูดิโอแล้ว เรื่องจะยาวรายละเอียดจะเยอะแล้วครับ ...

อ้างอิง

กรณีไม่เอาเสียงออกลำโพงใช้หูฟังตอนอัดต้องทำแผงมั้ยครับเพราะผมลองอัดแล้ว เสียงก้พอใช้ได้ครับใช้ได้

ก็ตามที่จารย์ไอซ์ให้ข้อสังเกตุไว้นั่นแหล่ะครับ ... เวลาทำงานให้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การบันทึก และ การมิกซ์ ... ต่างกันยังไง ก็ต่างตรงที่ เวลาบันทึก คือ เสียงจากแหล่งกำเนิด (เสียงร้อง/กีตาร์) วิ่งเข้าไมค์ ส่วนเวลามิกซ์ เสียงจากแหล่งเกิดเนิด (ลำโพง) วิ่งเข้าหูคนมิกซ์ ... ก็ต้องแบ่งการคิด-การจัดการกันไป แต่ยังไงก็คงอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ...

เดี๋ยวผมมาขยายรายละเอียดเพิ่มเติมให้ แต่ขอทิ้งท้ายสั้น ๆ ว่า หูฟังมักจะใช้ในการตรวจสอบรายละเอียดเสียง ส่วนการฟังจริง ๆ เพื่อใช้ตัดสินใจในการมิกซ์จะใช้ลำโพงเป็นหลัก เพราะลำโพงจะเป็นสภาพที่แท้จริงเวลาคนฟังเพลง ต่างกันยังไง ต่างกันตรง เสียงจากลำโพงแต่ละข้างจะวิ่งเข้าหูคนมิกซ์ทั้งสองข้าง แต่หูฟังแต่ละข้างจะวิ่งเข้าหูข้างที่ครอบไว้เท่านั้น อีกข้างจะไม่ได้ยิน ซึ่งตรงนี้มันมีนัยสำคัญในการมิกซ์ครับ ...

แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องซาวด์มันเป็นรสนิยม ไม่มีถูกผิด ถ้าคุณบอกพอแล้ว ใช้ได้แล้ว ก็คือจบ ...

รู้สึกข้อมูลนี้ค่อนข้างมีประโยชน์ ขอเพิ่มเติมสำหรับเจ้า AMX-100FX หรือ รุ่นใกล้เคียง ไว้ใช้เป็นแนวทางในการเชื่อมต่อสักหน่อยครับ ...







มิกซ์เล็ก ๆ แทบทุกรุ่นก็จะประมาณนี้ครับ เพียงแต่มิกซ์จีนตัวนี้มันให้อะไรมาครบมากกว่าสินค้าในระดับราคาเดียวกันเท่านั้นเอง และ ไม่แนะนำสำหรับงานซาวด์ที่ซีเรียสครับ ...

* ปล. ในภาพที่ 2 จะเห็นนะครับ ตรงรูปกีตาร์ เข้าจะโยงไปที่ DI-Box ซึ่งก็คือ amp สำหรับกีตาร์ ก่อนส่งเข้ามิกซ์ ...

alto รุ่น  LYNX-MIX82FX   คงจะไม่มีนะครับช่องเสียงกีต้า  แต้ถ้สฃาเราเสียบจะมีผลเสียกับมิกมั้ครับเสียตรงรูเดียวข้างล่างรูไมค์อีกช่องหนึ่ง

4xMic/Line
2xStereo Line
Digitaleffekt mit 16 Presets
3 Band EQ
2 AUX
externes Netzteil
CD/Tape In
6.3mm Klinke Ausgang symetrisch

original manufacturers description:
8 Input, 2 Bus Console, DSP (for 82FX)

4 MIC input channels with gold plated XLR and balanced LINE input          
2 stereo input channels with balanced TRS jacks                                              
Ultra-low noise discrete MIC pre-Amps with +48V Phantom power          
Extremely high head room offering extra dynamic range                                    
Balanced inputs for optimal signal integrity                                                        
Warm, natural 3-band EQ on each channel                                                        
Built-in 24 bits digital effects process (For LYNX-MIX82 FX model)            
Peak LED on each channel                                                  
2 AUX sends pre-channel for external effect sand monitoring                          
Main out put, Control room and head phone out puts                                      
2-Track inputs assignable to main mix, control room/ head phone out puts    
Highly accurate 8-segment bar-graph meters                                                    
Dimensions (WxDxH): 256 x 250 x 72 mm (10.08" x 9.84" x 2.83")
Net Weight: 2.3kg (5.07lbs)
ALTO's mixers integrate the successful models LYNX-MIX124 USB, LYNX-MIX164 USB, LYNX-MIX204 USB and LYNX-MIX244 USB, featuring two smart switches to make the USB port versatile in recording, overdubbing

and karaoke! Furthermore, model LYNX-MIX124 UM is more versatile, adding to smart switches USB port and MP3 player section, which is routable to inputs 9/10 thus making it perfect for karaoke, with its 4 Aux sends for stage monitors and effects.    



Common features:

16 Bit 32 ~ 48KHz ADC / DAC USB input and output with selectable track
Universal serial bus (USB) for easy connection with computer for music recording
Ultra - low noise discrete Mic Preamps with +48V Phantom Power
Extremely high headroom offering more dynamic range
60 mm high precision faders
Each input channel with Mute, SOLO function, Overload & signal present LEDs and low cut filters (except for stereo channel)
SUB 1 - 2, SUB 3 - 4 and MAIN L - R signal assignment switch
4 AUX sends per channel: 2 PRE / POST faders switchable for monitoring application and effects & sound processor input;
2 POST faders for  internal digital DFX or as external send
4 - band fixed EQ on stereo line channels
3 - band EQ with swept mid on microphone channels
Channel inserts and direct outputs on each mono channel plus main mix insert for flexible connection of outboard equipment
24 - bit DSP effect for 256 choices (16 presets ×16 variations)
Stereo 9 - band graphic EQ
BNC socket for connecting lamp
Control room / phones matrix
2 - TRACK IN assignable to main mix, control room / headphone outputs
Highly accurate 12 segment output level meters

ผมลองเสียบกีต้าเข้ารูที่อยู่ใต้รูเสียบไมค 3  ขา  อีช่อง 1 ของไมค์มิกจะเสียมั้ยครับใช้กีต้าโปร่งไฟฟ้า

ขอบคุณพี่ๆๆมากนะครับ

ดูรูปห้องแล้วท่าทางเสียงจะก้องมาก ๆ ผนังปูน 4 ด้าน ขนานกันอีกต่าง ๆ พื้นเป็นกระเบื้องอีกยิ่งเหมือนอัดเสียงในโอ่งเลยทีนี้

เอางี้ครับ สำหรับคนไม่มีงบหรือไม่มีพื้นที่มันมีวิธีครับ จากห้องในรูปที่ถ่ายมาอย่างแรกปูพรมซะ เอาแบบเป็นพรมที่มียางรองพื้นด้วยจะดีมาก จากนั้นผนังส่วนที่เป็นปูนเอาฟองน้ำรังไข่ติดรอบ ๆ สูงจากเอวขึ้นไปถึงเพดาน ติดให้ทั้วห้องเลยครับ หรือถ้าจะเอาง่ายสุด ทำเป็นรางผ้าม่านหนา ๆ แบบเลื่อนได้มาบังส่วนที่เป็นกำแพงทั้งหมดเวลาไม่ใช้ก้เลื่อนเก็บไปซะ เวลาใช้ค่อยเลื่อนออกมาปิดผนัง อันนี้ด้ดแปลงมาใช้แทนได้และถูกด้วยครับ

ที่ตั้งลำโพงและโต๊ะดูไม่เวิร์คกับการทำงานเลยครับ ไปซุกอยู่ในมุมห้องเป็นมุมอับอัดเสียงๆ ก็สะท้อน ก้องไปก้องมา เปิดเสียงจากลำโพงก้ สะท้อนกัน ก้องไป ก้องมาอีก ย้ายโต๊ะทำงานมาอยู่กลาง ๆ ผนังด้านใดด้านหนึ่งดีกว่ามั้ยครับ และวางโต๊ะให้ห่างจากผนังมาสักเมตรนึงหรือมากกว่า วางลำโพงให้ บาลานซ์ซ้ายขวา คือให้ระยะห่างลำโพง จากผนังทั้งด้านหลังและด้านข้างให้เท่า ๆ กันทั้งลำโพงซ้ายและขวา บาลานซ์ให้ดี ๆ เพราะมันมีผลกับการฟังเสียงครับ

ลำโพงที่ใช้ก็สำคัญหามอร์นิเตอร์ดี ๆ สักตัวจะดีมิใช้น้อย ใช้ลำโพงธรรมดาฟังไม่ออกหรอกครับเวลามิกซ์มันไม่แฟลตพอ

เทคนิคอีกอย่างนึงคือพยายามทำให้ผนังห้องไม่ขนานกัน ลดมุมฉากของห้อง อาจจะหาตู้หาชั้น หรืออะไรก็ได้มาวางตามมุมห้อง หรือตามผนัง ยิ่งถ้าเป็นวัสดุที่ทำจากไม้ ผ้า พรม จะดี หลีกเลี้ยงเฟอร์นิเจอร์โลหะ หรือพวกกระจก คือทำให้ผนังไม่โล่ง ไม่เรียบ ทำให้มันยุ่ง ๆ เหยิงเข้าไว้ แค่นั้นก็ช่วยได้แล้วครับ คิดง่าย ๆ ห้องเสียงที่เค้าทำระบบอคูสติกดี ๆ ก็คือการควบคุมการสะท้อน การดูดซับของเสียง ด้วยการทำวัสดุห้องให้มันสะท้อนและดูดซับเสียงตามความต้องการ เราก็ทำได้อาจจะไม่ดีเท่าแต่ก็ไม่ขี้เหร่หรอกครับ ถ้าลองไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวจะดีเอง

เชื่อมั้ยครับว่าห้องอย่างของคุณเนี่ยถ้าคนที่เค้ามีความรู้และทำเป็น ๆ เค้าสามารถใช้เงินลงทุนที่ไม่เยอะแต่ทำห้องให้งานได้ระดับโปรเลยก็มีนะต้องเข้าใจมันแล้วจะดัดแปลงได้ครับ