สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
  • 2514เข้าชม
  • 10ตอบกลับ

@@ จากเรื่องจริง ของ เรา และ นาย @@ จบในตอน

โพสต์
2233
เงิน
39418
ความดี
31452
เครดิต
30299
จิตพิสัย
73899
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เมื่อหนังใหญ่เรื่องแรกในชีวิต ไม่เป็นอย่างที่คิด
  
๙๙ ถึง ผู้กำกับคนนั้น จาก ผู้กำกับคนนี้ ๙๙                                

ถึง พูนลาภ นาคพนม

มันนานมากจนเลิกคิดไปแล้วว่า คงไม่มีใครเอาหนังเรื่องนี้มาลงสื่อออนไลน์สาธารณะสุดฮิต ในสมัยนี้

เกือบสิบปีผ่านไป ถ้าเปรียบเป็นคนก็ต้องบอกว่า หนังเรื่องนี้มัน ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่

เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เกิดมาบนโลกใบนี้เหมือนเสียชาติเกิด เพราะหนังมันเกิดมาเพื่อให้คนดู

แต่พ่อมันกลับอับอาย ไม่กล้าแม้กระทั่งบอกหรืออวดใครว่า นี่ลูกผม

วันนี้น้องคนนึงมาบอกว่า พี่ๆหนังที่พี่เคยกำกับ มีคนเอาไปลงยูทูปนะ

ความรู้สึกแรก ที่พิมตอบน้องคนนั้นกลับไป " ชิบหอย เฮีย แล้ววววววว"

ลองรีบไปเซิจดู แมงมีจริงๆด้วย ลงไว้ครบทั้งเรื่องเลย ใครเอามาลงนะ

เหมือนความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด ทำเป็นไม่สนใจได้สักพัก ก็อดไม่ได้ที่จะมาดูลูกที่พ่อมันเองยังไม่อยากยอมรับ
  
เพราะสุดท้ายก็อยากเห็นลูกตัวเอง ได้มาอยู่บนโลกออนไลน์ตามยุคสมัย เหมือนที่ลูกคนอื่นๆเขาเป็นกัน

หนังเล่นไปเรื่อยๆ น้ำตาแทบไหล ใครก็ไม่รู้ เห็นคุณค่าของมัน ยอมเสียเวลาอัพโหลด ให้มันได้กลับมาทำหน้าที่ของมัน

ครับหน้าที่ของหนัง คือ การที่มีคนดูมัน ใครก็ไม่รู้ ทำให้มันไม่เสียชาติเกิด

ใครก็ไม่รู้ที่นำหนังผมมาลง คุณเป็นแรงผลักดันครั้งสำคัญในชีวิตผมอีกครั้ง ผมคิดที่จะเล่าเรื่องนี้
  
เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรุ่นต่อๆไป 7 ปีที่ผ่านไป วันนี้คุณที่ไม่รู้ว่าใคร ทำให้ผมกล้าเล่าสักที    

คงต้องด่าตัวเองว่า เสียชาติเกิด ถ้าผมยังนิ่งเฉยเหมือนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ความทรงจำต่างๆค่อยๆกลับมาชัดขึ้นอีกครั้ง
  
แต่ครานี้ผมเข้าใจมากขึ้น ไม่อายที่จะยอมรับ เพื่อจะได้แก้ไขและเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ผลจะเป็นยังไงผมไม่รู้หรอก
  
รู้แค่ว่า สิ่งที่กำลังทำเป็นเรื่อง ดี คิดดีแล้วต้องทำ เป็นสิ่งที่ผมค้นพบหลังจากร่วงลงมาจากจุดที่สูงที่สุด  
  
ใครๆในวงการรู้ว่า ถ้าตกจากที่สูงขนาดนั้นแล้ว น้อยคนที่จะกลับมาได้ ผมเป็นส่วนน้อยในนั้น


                                                                                                                         

ถ้าเขียนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมต้องโทษคนนู้น พาดพิงคนนี้แน่ๆ
  
แต่วันนี้เด็กน้อยที่ชื่อ พูนลาภ นาคพนม เป็นเด็กโตที่ชื่อ ป้อม นาคพนม แล้ว
  
คำว่า ผู้กำกับ เป็นตัวแทนของทุกอย่าง ที่เราต้องรับไว้กับตัวทั้งหมด
  
เด็กน้อย พูนลาภ นาคพนม ต้องมาเป็นผู้นำกลุ่มคนที่ ประสปการณ์มากกว่า เก่งมากกว่า อายุมากกว่า
  
ทั้งๆที่ตัวเอง ประสปการณ์น้อยกว่า เก่งน้อยกว่า อายุก็น้อยกว่า
  
แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหนักใจใน 24 คิวแแรก เพราะผมไม่ได้เข้าไปอวดเก่งในเรื่องที่เรารู้ไม่จริง แค่นำพาหนังไปให้ถูกทิศทาง
  
ปล่อยให้กลุ่มคนเก่งๆ ทำงานของเขาอย่างเต็มที่ นั่นคืองานหลักของผม ในการเป็นผู้กำกับหนังใหญ่ครั้งแรกในชีวิต 
                                                                              
                                                                                                                          

ย้อนกลับไปก่อนที่หนังเรื่องนี้จะเปิดกล้อง เป็นเวลาไม่ถึงปีหลังจากที่เพิ่งจบจากรั้วมหาลัยเอกชนธรรมดาๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีชื่อเสียงเท่าใดนัก ทุกอย่างมันเริ่มต้นจาก แมคกาซีนหนังชื่อดังฉบับหนึ่งในยุคนั้น ทำให้รู้ว่าตัวเองอยากที่จะทำหนัง      
      
จึงตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ ด้วยสิ่งที่อยากทำจริงๆเสียที
ผมเปลี่ยนจากสายอาชีวะมาเรียนสายนิเทศ โดยที่ทางบ้านไม่สนับสนุนเท่าไรนัก
      
เป็นอีกครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่ท่านผิดหวังกับผม
บ้านผมเป็นครอบครัวทหาร ต้องอยากให้เป็นทหารเหมือนพวกท่าน แต่ผมก็ดื้อด้านมาเรียนสายอาชีวะ
      
ด้วยเหตุผลในใจสุดงี่เง่า ก็แค่อยากไว้ผมยาวกว่าตอนเรียน ม.ต้น ดังนั้นการเรียนที่นี่ ผมจึงแค่แต่งตัวเท่ๆออกมาหายใจทิ้งไปวันๆ


ไม่น่าแปลกใจ ในเวลาต่อมาผมถูกรีไทร์จนท่านต้องบากหน้าขอให้ผมได้เรียนซ้ำชั้น อีกครั้งที่ท่านต้องผิดหวังและอับอาย
      
ลูกชายคนเดียวของพวกท่าน ดูไม่มีอนาคตเอาเสียเลย
  

                                                                                                                              

เมื่อได้โอกาสกลับเข้าไปเรียนซ้ำชั้นอีกครั้ง ชีวิตผมก็ยิ่งดูไร้อนาคตเข้าไปอีก เพราะไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมายมีแต่กล้ำกลืนฝืนทำไปวันๆ
  
มีอยู่สิ่งหนึ่งนอกจากฟุตบอล ที่ทำให้ผมมีความสุข โดยตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าด้วยว่าทำไม " คือการไปดูหนัง "
  
ผมเหมือนคนอื่นๆทั่วไป เริ่มดูหนังจากการที่เพื่อนๆพากันไปดูหนังรอบดึก เรื่องแล้วเรื่องเล่า ผ่านไปผ่านมา ไม่ได้มีผลกับชีวิตผมสักเท่าไรนัก
  
จนวันนั้น ผมรอเพื่อนทำอะไรซักอย่างแล้วไม่มีอะไรทำ เลยหยิบแมคกาซีนของเพื่อนที่วางเกลื่อนกลาดอยู่ในห้องมาอ่าน ไม่ใช่ ไบโอสโคป หรอก
  
ไบโอ ยุคนั้นยังไม่เกิดเลย แมคกาซีนที่ผมหยิบขึ้นมาอ่านเล่นฆ่าเวลามีชื่อว่า   " Movie Time "

                                                                                                                               

ย้อนกลับมาตอนที่ ผมได้กำกับหนังใหญ่เรื่องแรกในชีวิต วันที่ได้โอกาสนั้น ผมดีใจแต่ไม่แปลกใจเท่าไรนัก เพราะผมวางแผนทุกอย่างไว้อย่างดี
  
มันเป็นการเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่ ผมจะทำให้ที่บ้านเสียใจอีกไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกท่าน ปลงหรือเชื่อมั่น ในการตัดสินใจครั้งนี้
  
แต่ไม่นานพวกท่านก็ได้คำตอบ เกรดเฉลี่ย 3 กว่า เป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กโง่ๆคนนี้ ตั้งแต่อนุบาล ยัน ปวช.  
  
จนครั้งนี้ แค่เทิอมแรกของการเรียนมหาลัยเนี่ยนะ ได้ 3 กว่า มันทำให้ผมรู้ว่าการที่เคย ตกเลข ตกอังกฤษ ตกวิชาพื้นฐานทั้งหลายแหล่มาตลอด  
  
มันไม่ใช่เพราะผมโง่ ดูไร้อนาคต เหมือนที่ใครๆชอบทำให้ที่บ้านผมอับอาย พวกนั้นตะหากเล่า ที่กลับไม่รู้ว่า สิ่งที่ผมถนัดมาตลอดคือ 
  
" จินตนาการ "
  
                                                                                                                                 

แต่ จินตนาการ คงเป็นเรื่องเพ้อฝันให้ทางบ้านได้อับอายอีกแน่ ถ้าไม่ลงมือทำ ผมวางแผนให้ตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือการวางแผนด้วยซ้ำ
  
มันคงเป็น " ธรรมชาติ " ของผม
  
1 ตุนเกรดให้สูงไว้ในช่วง ปี 1 และ ปี 2 เพื่อปี 3 และ 4 จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องตั้งใจเรียน เพื่อเอาเวลาไปทำงานภาคปฎิบัติเยอะๆ
  
2 หาทางจับอุปกรณ์ถ่ายทำ และ ตัดต่อต่างๆ โดยไม่ต้องรอให้ถึงปี 3 ตามหลักสูตร ซึ่งผมทำได้ตอนปี1
  
3 รวมกลุ่มเพื่อนต่างๆให้ได้ เพราะหนังมันทำคนเดียวไม่ได้ ซึ่งผมทำได้ตอนปี 2
  
4 คว้ารางวัลจาก มูลนิธิหนังไทย ให้ได้ เพราะเป็นเทศกาลที่ยุคนั้น ใครๆก็ต้องยอมรับ ซึ่งผมทำได้ตอนปี 3 รองชนะเลิศสาย รัตน์เปตัสยี จาก หนังสั้นเรื่อง injury tiime
  
5 เริ่มศึกษาว่าจะเจาะเข้าวงการหนังไทยยุคนั้นได้ยังไง ซึ่งผมเริ่มทำตอนปี 4

                                                                                                                                     

แผนระยะยาวที่ผมปูไว้ 5 ปี หลังจากตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเอง ก็สำเร็จตามจินตนาการ และ ได้ผลลัพธ์ตามที่ลงมือทำมันจริงๆ ขณะนั้นอายุผม 23 ปี
  
ทางบ้านผมไม่ต้องอับอายใครอีกต่อไป ท่านก็คงภูมิใจปนๆไม่เชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง โอยยยย ท่านผู้ที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ
  
ถ้าเป็นหนัง ช่วงนี้ต้องเป็นช่วงที่พีคสุดๆของตัวละครในซีรี่ย์นี้จริงๆ เพิ่งเรียนจบไม่ถึงปี ได้ทำหนังใหญ่ มีออฟฟิสเป็นของตัวเอง มีคนที่ต้องมาทำงานให้ร่วม 40 คน
  
ที่สำคัญที่สุด ทั้งหมดเกิดพร้อมๆกันในช่วงเวลาที่ผมมีแฟนสุดวิเศษ ซึ่งเป็นครั้งแรก และ ครั้งเดียว ทีผมแอบคิดจะมีครอบครัวแบบปกติชน
  
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนจากจิตนาการที่ลงมือทำจริงๆ ใครหน้าไหนก็มาเอามันไปจากผมไม่ได้ ไม่ประมาทแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆ ปัญหาใหญ่ๆก็ระวังทุกระเบียดนิ้ว แต่แล้ว
  
ผมกลับประมาทลืมระวัง    " ตัวเอง " และผลของมัน ทำให้ผมได้รับบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่
                                                                                                                                      
                                                                                                                                       

ขอบคุณมากครับ
ป้อม นาคพนม


                                                                                                                                        

๙๙ จาก ผู้กำกับคนนั้น ถึง ผู้กำกับคนนี้ ๙๙

ถึง ป้อม นาคพนม

2 ปี ที่นายต้องรับและแบกผลจากการกระทำที่ลืมตัวเอง มันไม่ได้มีแค่นายคนเดียวหรอกที่เจ็บ เชื่อสิพวกท่านเจ็บปวดยิ่งกว่า  
  
เรายังจำได้ ครั้งที่พวกท่านพานายไปเลี้ยงเฟมมิลี่หมูกะทะ ตอนนั้นนายเครียดและจิตตกมาก จนตวาดท่านเสียงดังลั่นร้าน  
  
เพียงเพราะท่านบ่นวนไปมาเรื่องงานที่นายเรียกว่า " Freelance "

                                                                                                                                          

ท่านไม่เข้าใจชีวิตแบบนายหรอก งานพนักงานประจำช่อง 7 ที่ท่านจะฝากให้ คงเป็นความสบายใจของท่าน
  
ที่อยากจะเห็นลูกชายคนเดียวของพวกเขา มีงานประจำมั่นคงแบบ
  
" คนปกติ "
  
                                                                                                                                            

เรายังจำไม่ได้เลยว่า 2ปีที่ล่องลอยเหมือนชีวิตไม่มีความหมาย อะไรนะที่ทำให้เรากลับมาเป็นนายได้เหมือนเดิม
  
จำได้แค่ลางๆว่า เช้าวันนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คำว่า Life Suck ที่ตั้งโชว์ไว้ที่มือถือ มันช่างไร้สาระเสียจริง
  
อยู่ดีๆความตลกร้ายก็กลับมา คงเป็นเพราะทุกๆครั้งที่เราหยิบหนังเวอร์ชั่น Director Cut มาเปิดดูเพื่อเยียวยาจิตใจ
  
นั่นคงทำให้นายค่อยๆรู้สึกตัวว่า " นายมาถูกทางแล้ว "

                                                                                                                                             

ในเมื่อมาถูกทางแล้ว ถ้ายอมแพ้ คงน่าเสียดายค่าเล่าเรียนแพงๆ ที่อุตส่าห์สู้จนเหมือนได้ทุนเรียนฟรีจากประสปการณ์จริง  
  
หลังจากวินาทีที่คิดได้แบบนั้น ความรู้สึกเมื่อลืมตาตื่นยามเช้า เหมือนในสมัยที่เป็นเด็กช่างฝันก็กลับมา
  
ข้อความโชว์บนมือถือ ถูกนายเปลี่ยนเป็นคำว่า   " Never Give Up "

                                                                                                                                             

5ปี ที่นายก้มหน้าก้มตา เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ มุ่งแก้ไขในสิ่งที่รู้ไม่จริง และ อดทนพยายามทำในสิ่งที่ไม่ชอบ
  
โดยไม่สนใจเสียงเยะเย้ยถากถางเหน็บแนมจิกกัดระหว่างทาง อาจเป็นโชคดีของนายก็ได้ที่เคยเจ็บสาหัสขนาดนั้น  
  
ใครที่ไม่เคยเฉียดช่วงเวลาแบบนั้น คงยากที่จะเข้าใจ จนในที่สุดระหว่างทาง
  
นายก็ได้ค้นพบสิ่งวิเศษที่สุด ที่นายไม่เคยใส่ใจมันมาก่อน นั่นคือ    " การทำเพื่อคนอื่น "

                                                                                                                                               

เราดีใจนายไม่มีทางลืมสิ่งวิเศษที่สุด และ นายไม่มีวันกลับไปเป็นแบบ 2 ปีที่ไร้ค่าอีกแล้ว ทุกวันนี้พวกท่านคงดีใจ
  
ที่พวกเขาคิดถูกจริงๆที่ไม่ขัดขวางการเปลี่ยนสายวิชาชีพในสมัยวัยรุ่น และ อีกครั้งที่พวกท่านอดทนเชื่อมั่นศรัทธาจนนายมี
  
ทีม Production " เป็นของตัวเอง "

                                                                                                                                                

เราจะไม่มีวัน ลืมฝันของนาย เพราะเราจะอยู่คอยเตือนใจนายเสมอ เพื่อไม่ให้นาย หลงลืมตัวเอง เมื่อไรที่นายเหนื่อย
    
ไม่มีใครเข้าใจ บอกใครก็ไม่ได้ เรากับเธอคนนั้น ยังอยู่ที่เดิมเสมอ ทำเพื่อเรากับเธอคนนั้นด้วยนะ ป้อม


ขอบใจนะ ที่ไม่เคยยอมแพ้
พูนลาภ นาคพนม
    
                                                                                                                                                  


อิอิ ดราม่า กันไปนิดๆหน่อยๆและ(หรือเปล่า อิอิ) มาเปลี่ยนอารมณ์ ด้วยการทำเพื่อคนอื่น ตามที่อวดไว้ดีกว่า
  
ใครบอกทำไมไม่มีหนังไทยดีๆ สร้างแรงบันดาลใจเหมือนหนังฝรั่งเลย หรือ หนังไทยที่ไม่ใช่ หนังตลก หนังผี หนังวัยรุ่นรักกันไปมา  
  
ต้องไปดูเรื่องนี้นะค้าบบบบ ให้หนังไทยดีๆ สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ๆ ทำเงินได้บ้าง คนที่ถนัดหนังไทยแนวนี้
  
จะได้โงหัวขึ้นบ้าง ระหว่างนี้หนังยังไม่เข้า แต่ก็ช่วยกันส่งเสียงต่อๆกันไปเรื่อยๆ จะดีมากค้าบบบบบ
  
เพื่อส่วนรวมครับ

                                                                                                                                                
[ แก้ไขล่าสุดโดย rotcerid เมื่อ 2011-09-24 14:00 ]
  • รูปภาพ:Never Give Up.jpg
บันทึกคะแนนนี้โพสต์ล่าสุด: รวม 3 คะแนน ซ่อน
komedit ความดี +1 2011-09-24 -
gotchastudio ความดี +1 2011-09-23 my idol!
vfspostwork ความดี +1 2011-09-23 เป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ๆ ...

บทความที่เกี่ยวข้อง

โพสต์
1276
เงิน
25178
ความดี
37915
เครดิต
40757
จิตพิสัย
37283
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
321
เงิน
7649
ความดี
6166
เครดิต
5399
จิตพิสัย
5922
จังหวัด
นนทบุรี
ชอบมากเลยครับ ผมอ่าน 2 รอบ รู้สึกว่า ถ้าล้ม แล้วไม่หันหลังไปมองสิ่งที่อยู่ด้านหลัง ก็จะไม่รู้ ว่าเราล้มเพราะอะไร เพราะส่วนใหญ่พอล้มก็จะมองแต่ตัวเอง ผมขอเก็บไปเป็นบทเรียนนะครับ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการใช้ชีวิตต่อไป อ่านแล้วได้ประโยชน์มาก ๆ เลยครับ
ระดับ : สมาชิก VII
โพสต์
734
เงิน
20336
ความดี
17622
เครดิต
19309
จิตพิสัย
17084
จังหวัด
สงขลา

ตัวท่านมีพลังจินตนาการล้นเหลืออยู่แล้ว..สามารถสรรค์สร้างสิ่งต่างๆอีกมากมาย..........สิ่งที่คนยกย่องเราอาจะไม่ใช้สิ่งที่เราต้องการก็ได้ใครจะไปรู้นอกจากตัวเรา..........พลังแห่งจินตนาการ
โพสต์
1027
เงิน
33105
ความดี
27831
เครดิต
28064
จิตพิสัย
29772
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 4#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-23
ผลงานจะเป็นอย่างไรช่างมัน อย่างน้อยก็ได้สร้างมันอย่างเต็มที ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
ถึงแม้จะเป็นผลงานที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็ภูมิใจทุกครั้งที่ได้ย้อนกลับมาดู   
โพสต์
1099
เงิน
24442
ความดี
20956
เครดิต
21442
จิตพิสัย
21252
จังหวัด
ขอนแก่น

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 5#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-23
เมื่อ...เราเปลื่อยตัวตนออกมา ในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี
เราก็คงไม่รู้สึกว่างเปล่าอีกต่อไป..
และเมื่อมองย้อนกลับไป..สิ่งนั่นแหละที่ทำให้เรากลายเป็นเราในวันนี้...

ยินดีด้วยครับ

(นานมาแล้ว ผมเองก็เคยมีภาวะคล้ายแบบนี้เหมือนกัน)

ระดับ : สมาชิก VI
โพสต์
216
เงิน
6786
ความดี
6256
เครดิต
6285
จิตพิสัย
6830
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 6#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-24
สิ่งที่ทำในอดีตเป็นบทเรียนที่มีค่าเหมือนเป็นตำราที่เขียนไว้เพื่อใช้เรียนในอนาคต
ขอบคุณสำหรับบทเรียนชีวิตของพี่ป้อมครับ มันเป็นเหมือนตำราอีกเล่มที่จะหยิบมาอ่านและเตือนตัวเองบ่อยๆ
ขอบคุณครับ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
7
เงิน
724
ความดี
268
เครดิต
209
จิตพิสัย
528
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 7#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-24
คุณป้อม เป็นคนที่มีไฟในการทำงานตลอดเวลา เสมือนหนังสือ text Book + การ์ตูน ผสมผสานกันเป็นอย่างดี
ขอให้คุณป้อมสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้น้องๆและพี่ๆเพื่อนๆมาให้ชมกันอีกตลอดนะครับ
จะคอยเป็นกำลังใจและรอความสำเร็จอันใกล้ๆนี้ของคุณป้อม นาคพนม ครับ
ระดับ : สมาชิก VII
โพสต์
698
เงิน
14599
ความดี
12923
เครดิต
12551
จิตพิสัย
17024
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 8#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-24
   ส่วนนึงที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะเจ้าของกระทู้แหละ  ที่คอยกระตุ้นให้ไฟอย่าดับ
ระดับ : สมาชิก I
โพสต์
6
เงิน
113
ความดี
143
เครดิต
77
จิตพิสัย
222
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 9#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-26
อ่านเเล้วรู้สึกรู้จักพี่ป้อมมากขึ้น  รู้ถึงความล้มเหลวจนทำให้เกิดความพยายามถึงทุกวันนี้

อ่านเเล้วรู้สึกอิน อาจเป็นเพราะใกล้ตัวพี่ป้อม  หรือชีวิตในวัยเด็กพี่ป้อมคล้ายๆกับนิก

ขอบคุณมากครับพี่ที่เปิดเผยข้อมูลได้ลึกขนาดนี้ เพราะมันเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนมาก
ระดับ : สมาชิก VII
โพสต์
698
เงิน
14599
ความดี
12923
เครดิต
12551
จิตพิสัย
17024
จังหวัด
กรุงเทพมหานคร
เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ 10#  โพสต์เมื่อ: 2011-09-26
บทเรียนนี้น่าจะเหมาะกับเด็กมหาลัยมากมายเชียวล่ะ เวลาทำงานเด็กจะชอบพูดกันว่า ในกลุ่มไม่มีใครทำ ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรับผิดชอบ ไอ้คนที่ทำก็เลยทำคนเดียว งานมันก็เลยแย่ ลองคิดใหม่ซะครับ การทำอะไรคนเดียวบางครั้งได้ดีกว่าหลายคนนะครับ ถ้าคุณตั้งมั่นที่จะทำ ทำอย่างมีรูบแบบและมีการวางแผน ผมเชื่อว่า งานที่คุณทำก็จะดีขึ้นด้วยครับ
   ผมคนนึงที่รุ้จักป้อมมานานมาก ตั้งแต่เรียนปี 1 ใครๆๆก้บอกว่ามันบ้างาน  บ้าดูหนัง วันๆจับแต่กล้อง วันๆอยุ่แต่ในห้องตัด เวลาคุยก็คุยแต่เรื่องหนังสั้น หารู้มั้ยว่า มันฉลาดที่จะเรียนรู้อะไรก่อนใครๆๆเค้า  ช่วงเวลาส่งงานให้อาจารย์งานป้อมจะถูกจับตามอง และมีคำตอบให้กับงานที่ป้อมทำเสมอ หลายๆคนในรุ่นยอมรับมันถึงความบ้า  พอถึงวันที่มันจบ แน่นอนที่สุด ป้อมสามารถเลือกที่จะทำงานที่ป้อมชอบได้  เพราะป้อมเป้นคนที่ทำการบ้านให้กับงานตัวเองเสมอ มีนายจ้างที่ใหนบ้างล่ะจะไม่ชอบ  ก้คนมันมีคุณภาพ
     ขอให้เพื่อนประสบความสำเร็จเว้ย เราคนนึงที่เฝ้ามองนายอยู่ตลอดว่ะ
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

คุณไม่มีสิทธิ์ใช้งานส่วนนี้, กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
กรุณาใช้ข้อความที่สุภาพ คุณสามารถบันทึกฉบับร่างได้