อ้างอิงโพส 1 ต้นฉบับโพสโดย boonyarit เมื่อ 2011-10-18 08:05 :
ในสายตาผม มันก็ยังเป็นนวนิยายอยู่ดีครับ ภาพยนตร์มันไม่เยิ่นเย้อ น่าเบื่อแบบนี้นะครับ มันจะพูดเท่าที่จำเป็น และมีความหมายต่อการดำเนินเรื่องของหนังนะ แต่นี่ผมว่า บทสนทนาต่างๆ มันยืดเยื้อน่าเบื่อราวกับอ่านนวนิยายก่อนนอนก็ไม่ปาน ผมว่าการดัดแปลงนวนิยายเป็นหนังนั้น มันต้องจับใจความของนิยายแต่ละวรรคละตอนมา แล้วตีความว่า นิยายเขาจะนำเสนออะไร แล้วถ้าเห็นภาพเป็นหนังแล้ว เราอยากนำเสนอคนดูได้เห็นภาพอะไร ภายในระยะเวลาจำกัดของหนังคือ 100-120 นาที ไม่ใช่อย่างนิยายที่จะหยิบมาอ่านตอนไหนก็ได้ ทิ้งไว้ 2 เดือนค่อยมาอ่านต่อก็ได้ มันคนละศาสตร์กัน เวลาของหนังมันจำกัดกว่า และทำให้ต้องพูดอะไรที่เขาเรียกว่า มีนัยยะซ่อน (Sub -context) คือ ใช้คำที่เหมือนคนพูดกัน แต่ไม่ใช่อย่างที่คนทั่วไปพูด นั่นคือ คำพูดจะดูธรรมดา ง่ายๆ แต่มีความลึกล้ำ ซ่อนความนัย และฟังดูน่าสนใจ สื่อสารได้ตรง ทำให้หนังขับเคลื่อนไป และที่สำคัญถ้าไม่ต้องพูดได้ คือ นำเสนอด้วยภาพแล้วเข้าใจมากกว่าโดยไม่ต้องพูด จะยิ่งดี เรียกว่า มีภาษาหนัง (Mis en scene) เหล่านี้ทำให้ศาสตร์ของการทำหนังมันถูกยกย่องให้เป็นศิลปะแขนงที่ 7 ครับ คิดว่า อาจจะมีถูก-ผิด บ้าง แต่น่าจะให้ความรู้แก่เพื่อนสมาชิกที่ได้อ่านบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
ด้วยความเคารพ