วันนี้มาเล่าประสบการณ์ในอดีตครับ อ่านเอาเพลินแล้วกันครับ
เมื่อตอนเริ่มทำหนังเรื่องแรก...ผมเข้าวงการหนังได้ด้วยความเฮงนิดหน่อย ตอนนั้นกำลังจะเอ็นทรานส์ จริงๆคือเอ็นท์แล้วไม่ติด เลยรออีกปี ระหว่างรอไม่มีอะไรทำ พอดีรู้จักพี่คนหนึ่งที่อยู่ในกองถ่าย ถนนนี้หัวใจข้าจอง ของอาจารย์ คิด สุวรรณศร (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้วครับ) ตอนนั้นเราก็แสดงความมุ่งมั่นมากว่าเราอยากจะทำหนัง เราก็เลยไปที่กองๆนี้
พี่ผู้ช่วยหนึ่ง ชื่อ พี่ธรรมรักษ์ (ชื่อภาษาอังกฤษว่า Make love เขาว่าอย่างนั้นนะ) ก็บอกให้เราคอยอยู่ใกล้ๆเขา เพื่อที่เขาจะสอนงาน แต่เชื่อมั๊ยครับว่าเวลาอยู่ที่กองถ่ายแล้วไม่ได้ทำอะไรนั้นมันโคตรจะน่าเบื่อเลย ไปไปมามาเห็นว่าที่กองไม่มีสวัสดิการ ก็เลยมาจับงานสวัสดิการ ว่าง่ายๆคือเสิร์ฟน้ำแหละครับ
แล้วก็พระเจ้าจอร์จมันทอดกล้วย ผมเพิ่งรู้ว่าการเสิร์ฟน้ำในกองถ่ายต้องอาศัยศาสตร์และศิลป์และต้องอาศัยความรับผิดชอบมากมาย
มันมีการทำงานอย่างนี้ครับ
ก่อนที่ทีมงานจะมากันเราก็ต้องหาที่ซื้อน้ำถังๆ และน้ำแข็งมาเตรียมไว้ก่อนครับ ...ต้องรีบทำก่อนคนอื่นมาเพราะถ้าคนอื่นมาแล้วจะไม่มีเวลา
ในกองถ่ายหนังใหญ่ๆนั้น เช้ามาเมื่อทีมงานมาถึงกองถ่ายแล้ว สิ่งที่ทีมงานต้องการกันก่อนทุกสิ่งก็คือกาแฟครับเมื่อคาเฟอีนเข้าร่างกายแล้วกองถ่ายจึงจะพร้อมทำงาน...และนั่นก็คืองานแรกของผมในทุกๆเช้าแบกกาต้มน้ำ หาที่เสียบน้ำร้อนและชงกาแฟให้ทุกๆคน การชงกาแฟในกองถ่ายนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ เพราะว่าทีมงานแต่ละคนจะมีสูตรกาแฟประจำตัวซึ่งเขามักจะบอกเราในครั้งแรกเท่านั้นเช่น...ตากล้อง 212 แกฟเฟอร์ 222 ดาราคนนี้ 121ดาราอีกคน200 อย่างนี้เป็นต้น...(ตัวเลขตัวแรกคือกาแฟตัวที่สองคือน้ำตาล และตัวที่ 3คือครีม ทั้งหมดมีหน่วยเป็นช้อนครับ) ที่น่าแปลกคือไม่ว่าแก้วใหญ่หรือแก้วเล็ก น้ำเยอะหรือน้ำน้อย แมร่งก็ใช้สูตรเดิม...
ช่วงเสิร์ฟกาแฟนี่ต้องทำงานอย่างรวดเร็วครับ หลังจากเสิร์ฟกาแฟเสร็จก็ต้องรีบเก็บแก้วกาแฟมาล้าง เพราะถ้าปล่อยให้ทีมงานถือแก้วกาแฟไปไหนต่อไหนนี่เขาจะวางแก้วทิ้งไปทั่ว แล้วถ้าแก้วหายมาขอเบิกเงินซื้อแก้วใหม่นี่ โดนด่าแน่ๆครับ
หลังจากเก็บแก้วเรียบร้อยก็จะเข้าสู่การกินข้าวเช้า เราก็จะต้องเอาน้ำใส่กระบอกไปเสิร์ฟทีละคน โดยที่แต่ละกระบอกก็จะมีชื่อของเจ้าของอยู่ ช่วงนี้อาจจะมีบางคนอยากกินน้ำแดง แป๊บซี่ หรืออื่นๆ ก็ต้องหามาให้ครับ พอเขากินข้าวกันเสร็จก็จะแยกย้ายไปทำงาน เราก็ต้องเอากระบอกมาล้างแล้วเตรียมน้ำกับน้ำแข็งเย็นๆใส่ตะกร้าเพื่อเอาไปเดินแจกในกองถ่ายถ้าวันไหนอากาศร้อนก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะทีมงานจะหิวน้ำตลอดเวลา แต่ถ้าอากาศหนาวก็สบายๆ
พอบ่ายๆก็ต้องเตรียมกาแฟอีกระลอกครับกันง่วง ถ้ามีถ่ายถึงดึกก็ต้องเตรียม กระทิงแดง ลิโพ เครื่องดื่มเสริมกำลังงาน และแต่สปอนต์เซอร์หรือโปรดิวซ์เซอร์จะจัดอะไรมาให้
ชีวิตก็จะเป็นแบบนี้ทุกวันครับ แก้วต้องล้างให้สะอาดเพราะถ้าทีมงานป่วยขึ้นมานี่เรื่องใหญ่ ทีมงานป่วยไม่เท่าไหร่ ผู้กำกับป่วยนี่เรื่องใหญ่มาก ถึงมากที่สุด
มีอยู่ครั้งนึงถ่ายฉากใหญ่ เป็นฉากตีกัน เป็นงานคอนเสิร์ต ตัวประกอบมหาศาล และแน่นอนครับทุกคนต้องเหนื่อย และที่สำคัญผมเหนื่อยตัวแทบหัก เพราะกินน้ำกันตลอดเวลาทั้งทีมงานและนักแสดง วันรุ่งขึ้นนึกว่าจะได้พัก ต้องต่อฉากไล่ล่าบนรถเมลล์ รถเมลล์สองคันวิ่งตีกัน ต้องแบกถึงน้ำขึ้นรถเมลล์ครับ เพราะว่าระหว่างถ่ายมีการหยุดพักเป็นจุดๆไป กลับมาบ้านเท้าบวมเป่ง ต้องเอาน้ำอุ่นผสมเกลือและมะนาวมาแช่เท้าไว้ ลุกขึ้นแทบไม่ไหวเลยครับ แต่ตอนนั้นคุ้มโคตร ได้ค่าตัวคิวละสองร้อย วันไหนถ่ายยันเช้าได้มาสามร้อย มีข้าวให้กิน มีรถให้ไปด้วย ได้ความรู้อีก
ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพราะอยากจะให้รู้ว่า เฟืองทุกตัวในกองถ่ายนี่จริงๆแล้วสำคัญหมดนะครับ ไม่มีใครสำคัญน้อยกว่าใคร ถ้ามีโอกาสได้เข้าไปฝึกงาน ไม่ว่าอะไรก็ทำไปเถอะครับ มันก็เป็นประสบการณ์ดีๆในชีวิตได้ทั้งหมด
อ้อ.... ถ้าได้เสิร์ฟน้ำนี่จะดีที่สุดครับ เพราะเราจะได้คุยกับทุกคนตั้งแต่โปรดิวซ์เซอร์ ยันแม่ครัวเลย เห็นมั๊ยครับ คุ้มแสนจะคุ้ม... ตอนนั้นเมื่อว่างงานก็มักจะไปยืนเตร็ดเตร่อยู่หลังมอนิเตอร์เสมอ