มีน้องถามบ่อยว่า อยากเก่งแบบพี่ๆในวงการทำไง ไม่ยาก ลองทำตามขั้นตอนนี้ดู.... ( บทความนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองนะคับ )1. ก่อนอื่น
ถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณอยากเป็นอะไร สำคัญนะคับ ( แบบไม่โกหกตอบความจริง )เพราะถ้าผิดกว่าจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ นานพอดู เช่น อยากเป็นผู้กำกับ
เป็นคนตัดต่อ เป็นคนเขียนบท หรือเป็นช่างภาพ ฯลฯ... ที่ถามเพราะ งานแต่ละงานมันแยกปลีกย่อยออกไปมากมาย ขอยกตัวอย่างเช่น
สารคดีท่องเที่่ยว ..สารคดีท่องเที่่ยวจะแยกย่อยออกไป เช่น สารคดีท่องเที่ยวแบบ ททท(ไม่มีพิธีกรเน้น ศิลปะวัฒนธรรม ). , แบบพาโนฯ ( เน้นอารมณ์สวยงาม )
, แบบท่องเที่ยวมีพิธีกรชาย,มีพิธีกร หญิง, หรือมีทั้งชายหญิง รูปแบบการท่องเที่ยวแบบไหน แบบเที่ยวชมธรรมดา , เที่ยวชมแบบผจญภัย,
เที่ยวชมแบบบุกป่าสมบุกสมบัน, เที่ยวแบบลำบากตื่นเต้น ฯลฯ หรือ เพลงMV แต่ละค่ายก็ไม่เหมือนกัน เช่น แกรมมี่, อาร์เอส
ศิลปินในค่ายก็ไม่เหมือนกัน เช่น เบิร์ด , ใหม่ , คริสติน่า , เจ ฯลฯ มันดูมากมายเหมือนกับว่าเรียนรู้ไม่หมดในชาตินี้..-
ฉนั้นถึงบอกว่า ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งว่าจะไปทางไหน ... แต่น้องบางคนบอก .." ผมชอบทุกอย่างเลย อยากทำหมด "
( ได้เลย...ไม่มีปัญหา..... โปรดัคชั่นชอบคนเก่งอยู่แล้ว )
2.
ขั้นต่อไป " เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากงาน " คือการดูหนังเยอะๆ ที่พี่เขาแนะนำให้ดูหนังเยอะๆ น้องบางคนอาจไม่เข้าใจว่า ดูแล้วมันจะเก่งหรือ ถ้าไม่ได้ทำ ..
ถูกต้องแล้วคับ ..ที่พี่เขาบอกให้ดูหนังเยอะๆ หมายความว่า ในการดูหนังแต่ละเรื่องนั้น ดูแล้วคิดว่า ที่เขาผลิตออกมาแบบนี้ มีวัตถุประสงค์อะไร
เช่น MV เวดดิ้ง เขาตัดต่ออย่างไรถึงได้อารมณ์ , ถ่ายใช้มุมกล้องแบบไหนถึงดูสวยงาม, บ่าวสาวแอ๊คชั่นยังไงถึงดูน่ารัก ฯลฯ
ถ้าดีแล้วชอบแนะนำว่าให้เอาไปใช้ในงานของเรา พูดง่ายๆก็คือก๊อปปี้ไปใช้ทั้งดุ้นเลย
( ก๊อปปี้ทั้ง มุมกล้อง การตัดต่อ โทนสี แอ๊คชั่น อย่าลืมเพลงก็ก๊อปให้เหมือนไม่งั้นเดี๋ยวโทนจะโดดไม่รู้ด้วยนะ )
เพราะกว่าที่งานจะออกมาจนเสร็จสมบูรณ์ แสดงว่าพี่เขาคิดแล้วคิดอีก งานจึงออกมาสวยงามแบบนี้ ...การที่เราไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์จริง
แต่ได่้ดูงานที่เสร็จแล้ว ก็เหมือนกับเราได้ไปด้วยเหมือนกัน...( พี่ในเว็บใจดีอยู่แล้ว ไม่ว่าเราหรอก )
3.
ถึงเวลา " ตกผลึกทางความคิด " เมื่อเราก๊อปงานรุ่นพี่มากๆ วันหนึ่งเราจะรู้สึกเบื่อเพราะไม่ใช่ตัวเรา ถูกต้องแล้วครับ เหมือนเรากินก๋วยเตี๋ยว
เราชอบแบบรสแซบ แต่เผอิญงานของ รุ่นพี่ที่เราก๊อปเป็นงานแบบรสจืด( ก็เขาต้องการอารมณ์แบบนั้น อารมณ์โรเมนติกโดยให้ตัวละครเป็นคนพาอารมณ์ไป )
กินแรกๆรสจืดก็อร่อย กินบ่อยๆเริ่มไม่ไหว เพราะไม่ใช่ตัวเรา ถึงที่สุด เมื่อเราเบื่อ เราก็จะจัดการเติมพริก นำ้ส้ม นำ้ตาล นำ้ปลา เพื่อให้เป็นรสต้มยำแบบที่เราชอบ
งานก็เหมือนกัน ตอนเราก๊อปงานของพี่เขา เรารู้สึกขอบเพราะเรายังไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เห็นอะไรก็ดีก็ชอบไปหมด พอนานเข้าความรู้เริ่มแน่น
เอ๊ะลองเติมนั่น ลองเพิ่มนี่ งานโอขึ้นเยอะ ใครจะชอบหรือเปล่าไม่รู้แต่เราชอบ..
นั่นแหละ
เขาเรียกว่าถึงเวลาการแสดงตัวตนของเราออกมาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น แนวทางที่เราเคยก๊อปของคนอื่นมา
จะค่อยๆหมดไปจนเหลืองานที่เป็นแนวคิดของเราล้วนๆ ภาษาทางทีวีเขาเรียกว่า
" ทางใครทางมัน เลียนแบบกันไม่ได้ " และเมื่อรู้ทางของเราแล้ว ว่าถนัดทางนี้
ให้รักษาทางของเราไว้และเดินหน้าไปในแนวทางนั้นให้ดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ผู้กำกับคนนี้ ชอบกำกับละครตลก นั่นหมายความว่า ทางของเขาคือตลก
อย่าให้มากำกับละครชีวิตหรือละครสู้รบแนวสงครามเชียวนะ เละไม่เป็นท่า เช่นกัน ให้ผู้กำกับชีวิตไปกำกับหนังตลกก็ตก ม้าตายเหมือนกัน
เขาเรียกว่าทางของเขาถนัดทางนั้น นั่นหมายความว่า
เมื่อถึงเวลาที่อิ่มความรู้แล้ว ตัวเราจะบอกเราเองว่าเราถนัดทางไหน ...( อธิบายนิด ไม่ใช่ว่ากำกับตลกแล้วจะมากำกับชีวิตไม่ได้นะคับ.. ทำได้แต่ดีไม่เท่าแนวตลกที่เขาถนัด สำหรับบางคนก็สามารถทำได้หลายอย่าง และดีทุกอย่างด้วย )4.
ถึงเวลา " แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ " เมื่อเราได้แนวทางของตัวเราแล้ว และคิดว่าเราถึงที่สุดจุดสูงสุดความสามารถของเราแล้ว ทีนี้ย้อนมาดูงานของคนอื่นอีกท่ี ดูแบบในฐานะไม่ใช่รุ่นน้อง แต่ดูในฐานะรุ่นเดียวกัน อ่านความคิดแบบเจาะลึก ว่าทำไมเขากำกับแบบนี้ ถ่ายแบบนี้ ตัดแบบนี้
ดูให้ลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของแต่ละคน และถามกลับใหม่ ว่า งานของเขามีข้อบกพร่องอย่างไร ไม่ดีเพราะอะไร และถ้าเป็นเราทำเราจะ กำกับ ถ่าย ตัดต่อ
ทำให้ดีกว่าเขาอย่างไร คิดเทียบไปเรื่อยๆ แน่นอนประสบการณ์พี่เขามากกว่าเราอยู่แล้ว.... ไม่เป็นไร คิดไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่เราคิดได้ดีกว่าเขา ทำได้ดีกว่าเขา
เมื่อนั้นล่ะ แสดงว่าคุณถึงที่สุดของตัวคุณแล้ว คุณสามรถออกมาท่องยุทธจักรภายนอกได้อย่างเต็ม ภาคภูมิ เรียกได้ว่าพร้อมรบทุกรูปแบบ
เมื่อถึงเวลานั้น โปรดกลับไปอ่าน " ข้อควรระวังในการรับงานสำหรับมือใหม่ด้วยนะคับ "....
5.
ควรปฏิบัติงานจริง กับลูกค้าจริง โดยรับงานจริงๆ จะทำให้กับลูกค้าคนไหนก็ได้ หักลบกลบหนี้แล้วไม่มีกำไรก็เอา แลกประสบการณ์ความรู้
ส่วนมากจะมาตกม้าตายกันขั้นตอนนี้ เพราะ ตอนที่ซ้อม ถ่ายเล่นกับเพื่อนๆ หรือญาติ แล้วทำออกมาดี ใครดูใครชอบ นั่นมันงานของครอบครัว
ถ่ายวันละนิด ไม่ดีถ่ายใหม่ 1 อาทิตย์เสร็จ ตัด 2 อาทิตย์ ไม่ดีกลับไปถ่ายซ่อม ทำแล้วสนุกมีความสุข เพราะอะไร เพราะไม่มี " แรงกดดัน "
แต่ชีวิตจริง ลูกค้าจริงเขากดดันมาก ถ่าย 2 วันเสร็จ ตัดต่อ 3 วันเสร็จพร้อมส่งงาน และไอ้เอฟเฟคที่คุณมีสำเร็จรูป
พลิกมาแล้วพลิกไปฉันไม่เอานะ ขอเอาแบบพลิกมาแล้วหยุดกลางไม่ให้ไป เอาล่ะซิ โปรแกรมอะไรวะพลิกมาไม่พลิกไป ทีนี้หาไปซิ ทำไงวะแก้ตรงไหน ถึงจะหยุด
มัวเอาเวลาไปแก้เอฟเฟค 3 วันคงเสร็จหรอกนะ ( ไม่เสร็จลูกค้าไม่จ่ายตังค์มีขู่อีกนะ ) เป็นไงทรมานไม๊ ถามยำ้อีกครั้ง .
.ยังอยากทำวงการนี้อีกไหม... เพิ่มเติมหน่อยนะ.. กว่าที่คุณจะก้าวขึ้นมาจาก 1 - 5 ดูเหมือนง่าย แต่บางคนใช้เวลาเป็น 10ปี ก็มี บางคนเก่ง 1 ปีก็ขึ้นมาแนวหน้าแล้ว
เพราะอะไร ปัจจัยประกอบกัน มี 3 ส่วน คือ 1. ผู้ให้โอกาสคุณได้ทำงาน ( ลูกค้า - นายทุน... ณ วันนี้ ใครๆก็สามารถผลิตรายการได้ ปัญหาอยู่ที่ว่า ใครจะมาจ้างให้คุณผลิต )
2. ผู้ฉวยโอกาสทำงาน ( ตัวคุณเอง หรือทีมงาน คุณต้องพร้อมเสมอด้วยความสามารถในการทำงานนั้นๆ เช่น งาน MV
ถ้าความสามารถไม่พอแล้วคุณรับงานมาทำ อนาคตคุณก็ดับวูบ )
3. ดวง หรือจังหวะ ( ภาษาจีนเรียกเฮง เก่งไม่สู้เฮง ) บางคนเก่งแต่ไม่มีงานให้ทำ อีกคนไม่เก่งแต่มีงานทำตลอด ,
หรือ ผู้กำกับทำหนังเรื่องนี้เจ๊ง แต่คนอื่นทำเหมือนกัน แนวเดียวกันกลับดังมีชื่อเสียง ทั้งๆที่แนวเรื่องก็เหมือนกัน ฯลฯ
.
. ถ้าใครรู้ตัวว่ามีครบ 3 ข้อแล้ว บอกได้เลยว่า อนาคตคุณเป็นเศรษฐีแน่นอน รวยแล้วอย่าลืมมาเป็นสปอนด์เซอร์สนับสนุนเว็บนี้ด้วยนา ( โฆษณาให้เลย )
บทความเกี่ยวกับน้องใหม่ คลิกที่นี่เลย..แนวทางสำหรับมือใหม่ ที่จะ ( เตรียมตัว ) เข้าวงการมือใหม่อยากเข้าวงการ ( ทุกสาขาอาชีพ ) ตอนจบ[ แก้ไขล่าสุดโดย p0p-it เมื่อ 2012-05-19 17:23 ]