..หวัดดีคับ..ช่วงนี้พอมีเวลาว่างแล้ว ก็เลยเขียนมาให้น้องใหม่ได้อ่าน เห็นมีต้องการรับสมัครโปรดิวเซอร์มาบ้างแล้ว ก็เลยคิดว่าได้เวลานำเสนอ..
บอกก่อนเลยนะคับว่า บทความชิ้นนี้นำเสนอให้น้องใหม่ได้อ่าน ( สำหรับพี่คนเก่งอ่านแล้วอาจไม่สบอารมณ์ก็อย่าว่ากันนะ ) ก็ขออภัยมาก่อน ณ ที่นี้เลย ..
เป็นห่วงน้องใหม่ที่อยากเข้ามาทำงานจะได้ไม่สับสน เพราะมีไปสมัครตำแหน่งอื่นแล้วพี่เจ้าของบริษัทใจดีให้ทำหน้าที่นี้ ( ด้วยเหตุนี้แหละ จึงจำต้องเขียน ) ..
...มาทำความเข้าใจอันดับแรกก่อนว่า โปรดิวเซอร์คืออะไร ( ไปหาอ่านความรู้หลักของพี่ก่อน ) ถ้าอ่านแล้วยังไม่เข้าใจอีก ก็ขอบอกแบบบ้านๆว่า
จริงๆแล้วตำแหน่งโปรดิวเซอร์ก็คือตำแหน่งประสานงานนั่นเอง หรือ เป็นตัวแทนของเจ้าของงาน ( คนเขียนบท , เจ้าของบริษัท )ที่จ้างมาทำแทนตัวเขา
คอยตรวจดูทุกขั้นตอนการทำงานต่างๆให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ ( ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ) ตั้งแต่ต้นจนจบ
...สมมตินะคับ เจ้าของบริษัท ต้องการทำสารคดีธรรมะ 5 นาที แนวปรัชญาเน้นภาพสวยใส ไม่เครียดสำหรับผู้ชมวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ แต่เนื่องจากเจ้าของบริษัทฯมี
งานที่ต้องดูแลมากมายก็เลยเรียกโปรดิวเซอร์มาพูดคุยถึงรูปแบบรายการ ถ้าเจ้าของงานมีความรู้ในขั้นตอนต่างๆเป็นอย่างดี โปรดิวเซอร์ก็เพียงแต่คอยจดและจำ
พยายามทำงานตามขั้นตอนที่เจ้าของบอกมา มีปัญหาอะไรก็โทรคุยปรึกษางานไปเรื่อยๆ เมื่อเสร็จงานก็นำส่งเจ้าของงาน เพียงแค่นี้ก็เสร็จงาน ปิดจ๊อบแล้ว
กรณีแรกง่ายคับ เพราะเหมือนทำตามคำสั่งอย่างเดียว แต่กรณีที่มีปัญหาก็คือเจ้าของงานไม่มีความรู้เลย หรือมีความรู้นิดเดียวและไม่อยากเสี่ยงกับงานที่เสีย
ก็เรียกโปรดิวเซอร์มาพูดคุยถึงแนวทาง รูปแบบที่เขาอยากทำ แต่ไม่รู้วิธีในการสร้างสรรค์ อันนี้แหละคับ โปรดิวเซอร์ต้องออกโรงเป็นพระเอกตั้งแต่ต้นจนจบ
เริ่มตั้งแต่ต้องหาทีมงานตากล้องถ่ายทำ พิธีกรพูดบทแนวปรัชญาได้น่าฟัง สถานที่สวยเหมือนฝัน ถ่ายเสร็จเข้าตัดต่อ หาทีมงานทำเอฟเฟคให้ภาพออกมาดูสวยใส
ตามที่เจ้าของบอกคอนเซปมา รวมถึงลงเพลงประกอบ เสร็จส่งงานปิดจ๊อบเหมือนกัน กรณี 2 ค่าตัวโปรดิวเซอร์อาจแพงกว่าแบบแรก เพราะมีความรู้และประสบการณ์
มากพอที่จะควบคุม ขั้นตอนต่างๆให้กลมกลืน น่าดู ได้อารมณ์ตามที่เจ้าของงานพอใจ ...
...เมื่อเข้าใจถึงความรับผิดชอบของโปรดิวเซอร์แล้ว ทีนี้มาถึงตัวน้องใหม่ล่ะคับ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง.( มี 2 ข้อเท่านั้น ก็ทำงานได้เลย )
....... สำคัญอันดับแรกถามตัวคุณเองก่อนว่า มีเงินเก็บไว้สักก้อนหนึ่งไหม ไม่มากไม่น้อย ( ถ้าไม่มีก็รีบๆเก็บซะตอนนี้ ) และสำคัญอันดับสอง คือ พร้อมเป็นหนี้ได้ทุกเวลา......ถ้ามีคุณสมบัติครบสองข้อขั้นต้น ..เรารีบให้คุณมาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์เลย ( รีบมาสมัครรับไม่อั้น )
เหตุที่บอกว่าสำคัญก็เพราะ เมื่อคุณมีหน้าที่ประสานงาน คุณคือ คนเดียวที่รู้จักเจ้าของงาน และคุยกับเจ้าของงาน คนอื่นเขาไม่รู้ไม่เห็น หรือได้ยินอะไรที่คุณพูดคุยกัน
เมื่อคุณรู้คนเดียวเข้าใจคนเดียวแล้วมานั่งสั่งงานคนอื่นที่เกี่ยวข้อง เขาก็ทำตามที่คุณสั่งโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เหมือนกันจนจบ ..สุดท้าย โปรดิวเซอร์นำส่งปิดจ๊อบ
เจ้าของงานมาเห็นโวยวายแหลก บอกเขาไม่ได้สั่งให้คุณทำแบบนี้ คุณทำมาผิดคอนเซ็ปที่เขาบอกไป ( คือคนละทิศละทาง ) ..เอาล่ะซิคับ ทีนี้ล่ะ...ใครถูกใครผิด
...ใครโกงใคร... มีพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ( เพราะคุณคุยอยู่กัน 2 คน ) บอกเลยงานเข้าคับ... เมื่อเจ้าของงานไม่รับงานที่คุณนำส่ง นั่นก็คือ เขาไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้คุณ..
.... นั่นหมายถึงอะไร ...คุณต้องออกค่าใข้จ่ายทุกขั้นตอนการทำงานเองตั้งแต่ต้นจนจบ....
เป็นงายคับ ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ง่ายจะตายใครว่ายาก ...ตัวอย่างที่ยกมาให้อ่านเป็นเพียงทฤษฏี ที่เขาว่าไว้แบบนั้น แต่ในทางปฏิบัติมีทางแก้คับ ใจเย็นๆ
อ่านความสามารถพิเศษเพิ่มเติมอีกนิดไม่เยอะแล้ว..อย่าเพิ่งไปไหน ( ข้อร้อง please..).... แหมหายากคับ ..ที่มีเงินเก็บแล้วพร้อมเป็นหนี้ ต้องหลอกล่อไว้ ..
.....เมื่อเป็นโปรดิวเซอร์น้องใหม่แล้ว แต่อยากเพิ่มเป็นมืออาชีพ คณต้องมีความสามารถพิเศษ ที่สามารถทำ 2 อย่างพร้อมกันได้ จำเป็นมาก..อยากเป็นโปรดิวเซอร์ต้องฝึก ..
....
อ่านแล้วอยากให้ลองฝึกทำตาม สมมติตามเหตุการณ์ที่เราเจอ ณ ตอนนั้น ..1.
หน้าคิ้วขมวด ปากพยักหน้าเข้าใจ ( จับประเด็นเก่ง ) สมมติเจ้าของงานกำลังแต่งงานบอกอยากได้ MV แบบ 1 โมเมนติก แต่พออธิบาย กลับมีล็อคคอเสยเข่าตีศอก
กลายเป็นแบบ 2 หน้าที่คุณคือต้องจับหัวท้ายของ( แบบ1 และ แบบ 2 ) มาชนติดกัน และสรุปให้เจ้าของงานฟังอีกครั้งว่า ที่เราเข้าใจคือแบบที่ 3 แนวบู๊ผสมซาดิสต์..ใช่ป่าว
เจ้าของงานฟังโอเคบอก ใช่ๆๆ แต่ขอแบบแรงสุดๆเลยนะ โปรดิวเซอร์น้องใหม่
หน้าคิ้วขมวด ปากพยักหน้าเข้าใจ พร้อมสั่งทีมงานว่า ลูกค้าต้องการ "แนวชีวิตบัดซบ " .. เลยไม่รู้ว่า ไอ้ที่เขาพูดเราฟังไม่เข้าใจ หรือ...เราพูดแล้วเขาไม่เข้าใจเอง..( ชักอยากรู้แล้วว่า โปรดิวเซอร์น้องใหม่คนนี้ตอนจบจะเป็นยังไง ติดตามนะคับ )
2 .
มือกำหมัดหน้ายิ้มระรื่น ( มีความอดทนสูง ) อาการแบบนี้จะเกิดตอนทำงาน เมื่อเราได้โจทย์มาจากเจ้าของงาน และสั่งงานไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องแต่
ไม่มีใครทำตาม บอกไม่ดีบ้าง เชยบ้าง ทำแบบผมซิดีกว่าเร็วกว่าจ๊าบกว่า จะโมโหก็ไม่ได้กลัวคุมอารมณ์ไม่อยู่งานจะเสีย จำต้องใจเย็นอธิบายไปยิ้มไป
แต่อารมณ์ภายในโกรธเต็มที่ จ้างมาให้ทำงานไม่ใช่มาเป็นเจ้านาย แต่เพื่องาน ยิ้มไว้ก่อนจบแล้วค่อยคิดบัญชี อดทนๆๆ..ให้ถึงที่สุด
3.
ตาโตกลอกไปมา พร้อมทำปากจู๋ ส่งเสียงจุ๊ๆๆ ( รับผิดในงานที่ตัวเองไม่ได้ทำ ) นึกภาพที่ตัวเองยืนอยู่ในทีมงาน จู่ๆมีลูกค้าเดินเข้ามานิ้วชี้กระทืบเท้าด่าฉอดๆๆ คุณคงยืนงง
แล้วก็ทำอากา
ร ตาโตกลอกไปมา พร้อมทำปากจู๋ ส่งเสียงจุ๊ๆๆ เหมือนบอกผมไม่รู้เรื่อง จะด่าก็ด่าเบาๆหน่อย อายเขา กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็โดนด่าเสียนาน สรุปก็คือ ผู้ช่วยไปแอบหลับอยู่ตรงโน้น ไอ้ครั้นจะแก้ตัวให้น้องก็ไม่ได้ คงโดนสวนว่าทำไมไม่เลือกคนอื่นมาทำงาน จะรับผิดก็เราไม่ได้ทำนี่หว่า ..อารมณ์นั้นล่ะ..
4.
ด่าเก่งและเล่นละครเก่ง ( มีจินตนาการสูงแก้ปัญหาได้เก่ง ) จะเกิดบ่อยมาก เช่น คนขับรถตู้มาสาย ทีมงานทุกคนก็ต้องสายกันหมด เพราะรอรถตู้มารับ
ทำให้งานส่วนอื่นๆก็พลอยล่าช้าไปด้วย มาถึงเจ้าของงานยืนท้าวสะเอวหน้าตาบอกอารมณ์พร้อมระเบิดซึนามิ รู้เลยว่าลงจากรถเมื่อไหร่คลื่นเป็น 100 ลูก ถาโถมไม่หยุด
หน้าที่โปรดิวเซอร์คือต้องคิดแก้ปัญหาได้ทันที สำหรับน้องใหม่โปรดิวเซอร์คนนี้ เธอทำได้เพราะเธอคือตุ๊ดควายที่แฝงในร่างแอ๊บแมน (ไม่มีอะไรในโลกที่ตุ๊ดทำไม่ได้ )
คิดแนวทางได้ก็จัดการเลยค่ะ คือลงรถปั๊บด่าทุกอย่างท่ีขวางหน้าเพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าฉันโมโหแล้วนะยะ ต่อให้เธอเป็นใคร ตุ๊ดควายคนนี้ไม่สน อย่าแหยมมาเข้าใกล้
พูดง่ายๆก็คือด่าก่อนที่จะถูกลูกค้าด่า พอลูกค้าเห็นเราด่าเก่งกว่าเขา แค่นี้ลูกค้าคนนี้ก็ไม่กล้าแล้วคับ ทุกคนรักชีวิตกลัวตายทุกคน..
5.
นั่งทำงานได้ทั้งที่หลับ ( อดนอน ) ใครขึ้นรถเมล์แล้วเห็นกระเป๋ารถหลับขณะทำงาน อารมณ์นั้นล่ะ คนขึ้นรถเธอก็จะเดินมาเก็บตังค์ รถออกเสียงเครื่องดังเธอก็นั่งหลับ พอเสียงเครื่องรถหยุดนั่นหมายถึงรถจอด เธอก็จะตื่นเดินเก็บตังค์ พอครบก็หลับต่อ นั่นแหละ โปรดิวเซอร์คุมตัดก็เหมือนกัน ยามที่รีบกลัวส่งงานไม่ทัน ก็ต้องนั่งสั่งคนตัดต่อทำงาน พอเสียงเครื่องตัดต่อเงียบก็ตื่นมาสั่งใหม่แล้วก็หลับต่อ แต่ถ้าเป็นโปรดิวเซอร์เองและนั่งตัดเองก็นั่งหลับไปทำไปคือพอทำเอฟเฟค ต้องเรดเดอร์ก็หลับรอเครื่องทำงาน สักพักก็ตื่นมาทำต่อ ..ทำบ่อยๆก็ทำได้เองไม่ยากเคสนี้. 6 . หัวเราะและร้องไห้ในคราวเดียวกัน ( รับผิดชอบงานจนจบ ) ก็ต่อจากข้อ 1 ล่ะคับ ลูกค้าให้ทำ MV งานแต่ง คุยไปมาจบลงที่ ลูกค้าให้ทำเรื่อง ชีวิตบัดซบ ได้ซบจริงๆ แต่เป็นโปรดิวเซอร์นะคับ ตอนลูกค้าสั่งงานแรกๆก็แมนดี พอเห็นงานเท่านั้น ต่อมแต๋วแตก ลุกขึ้นท้าวสะเอวกรีดนิ้วด่า " อีแอ๊บแมน แกทำอะไรมาให้ฉันยะ " รัวต่อด้วยคำสบถเท่าที่เธอจะสรรหามา ถึงตอนนั้นแล้วคุณจะรู้ว่าหัวเราะและร้องไห้ในคราวเดียวกันเป็นไง จะส่งงานลูกค้าไม่รับ จะรับก็ต้องแก้แทบรื้อทำใหม่... ...อย่าซีเรียสนะคับ ที่เขียนมาทั้งหมด เป็นเรื่องขำๆเท่านั้น
หน้าที่ของโปรดิวเซอร์จริงๆ มีแค่ในวงเล็บแต่ละข้อเท่านั้น เทียบดูแล้วไม่ว่าคุณทำในตำแหน่งไหน
ก็ต้องมีคุณสมบัติตามนี้ โดยปกติทุกคนก็เป็นโปรดิวเซอร์ในงานของตัวเองอยู่แล้ว ( งานเล็กๆ ) แต่ถ้าเป็นงานใหญ่การดูแลอาจทำให้คุณปวดหัวได้
แต่ไม่ต้องกลัวหรอกคับ บริษัทฯเขาไม่ส่งให้คุณไปตายคนเดียว เขาให้คุณไปตายหมู่ โดยส่งผู้ช่วยไปให้ด้วย อาจ 1 หรือ2 คน เพื่อไม่ให้งานมีปัญหา..
ตำแหน่งโปรดิวเซอร์บางคนก็เปรียบเหมือนเป็ดคือรู้ทุกอย่าง แต่อาจไม่เก่งอย่างใดอย่างหนึ่งถึงที่สุด คือ จะให้ถ่ายเก่งเหมือนช่างภาพเลย ปรับโฟกัสไม่ผิดซูมแพนไม่กระตุก หรือเก่งแบบช่างตัดต่อที่รู้เอฟเฟคทุกตัว ทำกราฟฟิคแอนนิเมชั่นได้ หรือต้องเขียนเก่งเหมือนคนเขียนบท อาจไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น.. ...สำหรับน้องใหม่ที่จะมาเป็นโปรดิวเซอร์ แต่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาเลย ถามว่าเป็นได้ไหม ตอบทันทีว่าเป็นได้ และดีซะด้วย เพราะน้องใหม่ไฟแรง
และบางบริษัทฯ เขาต้องการความสด ..มุมมองใหม่ของงาน ..น้องเพิ่งจบอาจทำให้งานออกมาดีเกินความคาดหมายได้ และไม่ต้องกลัวว่าสุดท้ายแล้ว
งานเกิดออกมาไม่ตรงตามที่คุยและทำให้คุณต้องเป็นหนี้ เจ้าของบริษัทเขาไม่โหดร้ายหรอกคับ เขาจะติดตามการทำงานของคุณทุกขั้นตอน ดูว่ารายละเอียด
ของงานออกนอกลู่นอกทางหรือเปล่า อาจจะถ่ายทำหลายวัน ตัดต่อหลายวัน ( ก็บอกแล้วว่าน้องใหม่นี่คับ ) บริษัทเขาทำสต๊อกเอาไว้แล้ว หรือไม่เขาก็ให้ทีมอื่น
ทำงานล่วงหน้าไปพลางๆก่อน และถ้างานของน้องใหม่ที่ทำออกมาแล้วแย่จริงๆ พี่ๆเขามีความสามารถแก้งานของคุณให้ออกมาจนดีได้ ...
..ฉนั้น ..ถ้าจะไปทำงานตำแหน่งโปรดิวเซอร์ ก็คงต้องดูว่าบริษัทที่เขาจะจ้างคุณ เขาคาดหวังงานของคุณมากน้อยแค่ไหน ประเมินความสามารถของตัวคุณเอง
ด้วยว่า งานที่บริษัทฯมอบหมายมาให้เกินความสามารถที่คุณจะทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็บอกเขาไปตามตรงว่าใหญ่เกินไป จะขอตัวช่วยที่เก่งกว่าไปด้วย
หรือถ้อยทีถ้อยอาศัย ว่าจะทำให้เต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าเกิดมีปัญหาทำไม่ได้ ก็อย่าว่ากัน..
...แต่ถ้าอนาคตอยากโต และก้าวไกลในสายทางเดินของอาชีพโปรดิวเซอร์ จำเป็นต้องมีความรู้มากกว่าคนอื่น 1 เท่าตัว ในทุกๆด้าน ยิ่งมากยิ่งดี
เพราะอย่าลืม ไม่ว่าคุณจะเดินไปทางไหน คุณก็เหมือนเงาของเจ้าของบริษัท ( ที่ได้มอบหมายความรับผิดชอบให้คุณเต็ม 100 % ) มีอำนาจสิทธิ์เด็ดขาด
ในการสั่งการ เสมือนคุณเป็นเจ้านาย มีสิทธิ์ให้คุณและให้โทษคนในสายงานได้ ในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่มีความรู้อย่างแท้จริง การสั่งงานจะไม่มีใครเชื่อถือ
และไม่ได้รับการยอมรับจากคนในทีมงาน อาจถึงขั้นไม่ทำตามที่คุณสั่งก็ได้ แล้วคุณจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้อย่างไร..วันนี้..ขึ้นอยู่กับอนาคตคุณแล้วว่า
....." คุณอยากเป็นเจ้านายที่ฉลาดกว่าลูกน้อง หรือ ..อยากเป็นเจ้านายที่โง่กว่าลูกน้อง "...คุณต้องเลือกทางเดินเองคับ..
( อยากเป็นโปรดิวเซอร์ที่มีความสามารถ เรามีเคล็ดลับมาบอก..ต้องกลับไปอ่านทุกบทความที่ผมเขียน อ่านจบแล้วรับรองว่า คุณฉลาดขึ้นอีกเยอะเลย ..)
[ แก้ไขล่าสุดโดย p0p-it เมื่อ 2011-06-12 10:12 ]