วันนี้หาเวลามานั่งดูได้อีก 2 รอบ ต่อเนื่องกัน, เมื่อวานวิ่งไปวิ่งมา กว่าจะดูได้จนจบก็ต้องแบ่งเป็น 3 ขยัก เริ่มดูตั้งแต่ยังไม่มีคนคอมเม้นเลย กว่าจะได้ดูจนจบมีคอมเม้นไป 6 ท่าน แล้ว ... สิ่งที่แปลกคือ ครั้งแรก กับ สองครั้งหลัง ผมรู้สึกไม่เหมือนกัน ...
ดูครั้งแรก ผมรู้สึกแบบนี้ ...
"ฉากเปิด - กระเทยขี้แตก" - (ขออภัย) ฮาได้ใจไปก่อนเลย ผมชอบให้ปล่อยของตั้งแต่ช๊อตแรก อย่ามายืดยาดเสียเวลา คนดูจะเบื่อ มีอะไรดีปล่อยไปก่อนเลยดึงคนดูไว้ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะไปผิดแนวหนังอะไร (เพราะผมไม่รู้ต่อไปมันจะเป็นอย่างไร) ... พอดูจบ ผมกลับรู้สึกว่า หนังนี้เป็นแนวแอคชั่น-สืบสวนสอบสวน มุขฮาเอาไว้ปล่อยเป็นจังหวะ ๆ เอาไว้รีแลกซ์ตอนช่วงที่มันตึงเครียดยาว ๆ ก็ได้ เพียงแต่หาจังหวะหยอดดี ๆ อย่าเยอะเกินจนเสียแนวหลักหนัง ... ส่วนฉากเปิด ผมถึงกับมีคิดในใจว่าน่าจะเปิดเป็นอีกแบบ* ...
"ฉาก สน. สามโก้ (ครั้งแรก)" - ฉากนี้ทั้งฉาก ผมติดลบในใจหมดเลย มันไม่เชื่อ ไม่ใช่ แล้วก็ฟันธงตรงนั้นเลยว่า ไม่ได้ทำการบ้านกันมา ไม่ไปรีเสิร์ชให้เข้าใจถึงกระบวนการขั้นตอนตั้งแต่การรับเรื่องแจ้งความ การสืบสวนสอบสวน การประสานงานอะไรต่าง ๆ (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปไล่เก็บรายละเอียดหมดเหมือนพรีเซนต์ระบบงานโรงพักอะไรแบบนั้น) ... คิดว่าถ้าทำการบ้านมาปึ๊ก ภาพอะไรมันน่าจะออกมาอีกแบบนึงที่ดูแล้วใช่กว่า อาจจะเป็นไปนั่งคุยในห้อง มีเ้จ้าพนักงาน-ร้อยเวรประจำ สน. รับเรื่อง ทำงานวุ่นวายอะไรแบบนี้ แต่ภาพนี้ดูเหมือนคล้ายพระเอกนั่งอยู่ในสถานีขนส่ง กำลังนั่งรอด่วน บขส. เข้ากรุงเทพเที่ยวสุดท้ายอยู่ ดูแสนโดดเดี่ยวอ้างว้าง ... คือ มา สน. ด้วยเรื่องวิกฤติเร่งด่วน มันจะไม่มีใครมาดูมาแลอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ...
** แล้วตั้งแต่ฉากนี้เป็นต้นไป พระเอก (ที่ผมดูจนจบสามรอบแล้วยังไม่รู้เลยว่าชื่ออะไร) กับ ท่านผู้กำกับ หายไป โดยเฉพาะท่านผู้กำกับไม่มีบทบาทอีกเลย ... ซึ่งผมคิดว่าเสียหายหนัก นัยสำคัญของพระเอกคือตัวแทนประชาชน อารมณ์ความรู้สึกที่จะสื่อไปถึงประชาชนส่งผ่านตัวละครตัวนี้ และจะเป็นตัวตอบโจทย์ "บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว" ได้เป็นอย่างดี คือมันต้องมีบทบาทมากบ้างน้อยบ้างตามความเหมาะสม เพื่อสะท้อนให้เห็นอารมณ์ต่อการทำงานของตำรวจในขั้นตอนต่าง ๆ ว่าพึ่งพาได้ เอาใจใส่ จากความสิ้นหวังกลายเป็นเริ่มมีความหวัง และมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ... ท่านผู้กำกับ สน. สามโคก ท่านนี้ควรจะมีบทบาทร่วมวางแผน ร่วมบัญชาการ อยู่เบื้องหลังตลอด เพราะท่านผู้นี้คือผู้กล่าวคำขวัญ เป็นสัญลักษณ์ของตำรวจในหนังเรื่องนี้ กลายเป็นว่าอะไรกัน มาพูด ๆ แล้วก็ชิ่งหายไปเลย ...
"ฉากฝึกซ้อมที่ลานเก็บซากรถ" - ฉากนี้ดูจบสามรอบแล้ว ถึงพอจะเข้าใจว่า (แต่ก็ไม่มั่นใจว่าใช่นะ) นั่นเป็นการฝึกซ้อมตามปกติของทีมปลาช่อนนา โดยใช้ลานเก็บซากรถเป็นที่ฝึก แล้วมีนักข่าวไปแอบสังเกตุการณ์ แล้วผลสุดท้ายเลยได้หลักฐานชิ้นสำคัญ (โดยบังเอิญเหลือเกิน) มาจากนักข่าวนั่นเอง ... แต่ครั้งแรกที่ดูผมไม่คิดแบบนี้เลย เปิดมาก็เข้าใจว่าเป็นปฏิบัติการคั่นเวลาอะไรสักอย่างของทีมปลาช่อนนา แต่พลาดถ่ายกว้างเหลือเกิน เลยทำให้เห็นว่าใช้้สถานที่ลานเก็บซากรถข้าง สน. นั่นเองแหล่ะ (เลยโดนเข้าไปอีกดอกว่า นอกจากการบ้านไม่ทำแ้ล้ว โลเกชั่นยังเล่นกันง่าย ๆ อีก) แถมรถอะไรไปจอดโล่งโจ้งขนาดนั้น แล้วตำรวจแต่ละคนเปิดเผยตัวเสียเหลือเกิน ถ้าเข้าทำแบบนี้โจรมันรู้ตัวตั้งแต่เอารถมาจอดแล้ว หรือ ไม่ก็โดนสอยไปตั้งแต่เดินทำเท่ห์เข้ามาแบบนั้น เสร็จแล้วก็เอาไปแมชต์กับนักข่าว มายังไงกัน และ ได้หลักฐาน แบบงง ๆ ที่สุด เลยสรุปเอาว่า อ้อ ฉากนี้คงทำเอาใจ ให้มาโชว์กัน ไม่ได้ต้องการเหตุต้องการผลหรือมีความหมายอะไรทั้งสิ้น ...
"ฉากประชุมวางแผน" - เป็นผลต่อเนื่องมาจากความเข้าใจเดิมว่า ไม่ได้ทำการบ้านมา ผมเลยรู้สึกว่าดูไม่มีรายละเอียด ดูไม่มีน้ำหนักจริงจัง แค่ว่า อีกทีมเข้าข้างหน้า อีกทีมเข้าข้างหลัง ผมคุ้มกัน จบล่ะ ... (แน่นอน ฉากนี้ผมยังอยากเห็นการตัดสลับให้เห็นอารมณ์ของพระเอก (ตัวแทนประชาชน) และ การร่วมวางแผนของท่านผู้กำกับที่น่าจะเป็นแกนสำคัญ)
"ฉากเข้าตี (นอกบ้าน)" - คือเห็นปั้นมาตั้งแต่ฉากฝึกซ้อมที่ลานเก็บซากรถแล้วว่าแอคชั่นกันเต็มที่ แตกช๊อทกันละเอียด เล่นมุมกันสวยสุด ๆ เลยคาดว่าฉากนี้ต้องเห็นแอคชั่นอะไรมันส์ ๆ มุมสวย ๆ อีกแน่นอน (คือเข้าใจล่ะ ไม่ได้หวังระเบิดภูเขาเผากระท่อมแบบแรมโบ้ หรือ โชว์แม่ไม้เหมือนจาพนม รู้ว่าทุนต่ำเวลาน้อย) ... แต่อย่างน้อยก็คาดหวังว่าจะได้เห็นยุทธวิธีการเข้าทำของทีมปลาช่อนนา การคลืบคลาน การแฝงเร้น จนถึงอาจจะมีศิลปะการต่อสู้ระยะประชิดซึ่งตำรวจทุกนายเคยฝึกเคยใช้มาอยู่แล้ว ... แต่ตรงนี้แหล่ะที่ผมรู้สึกว่าแป๊ก คือ ไม่เห็นเลย เห็นแต่อะไรไม่รู้ที่ดูไม่ค่อยเข้มแข็งหรือทะมัดทะแมงกระฉับกระเฉง ลำดับเหตุการดูสับสนไม่เข้าใจ ใครไปอะไรยังไง อย่างมีมุมนึงที่เห็นตำรวจยืนในระนาบเดียวกันกับโจรอีกสองคนเลย ก็เอ๊ะมันยังไงกัน ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมโจรมันไม่เห็นแล้วยิงเอา หรือ นั่นเป็นตำรวจแนวร่วมโจรหรือยังไง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเปลี่ยนมุมถึงได้รู้ว่า อ้อ ตำรวจแอบอยู่ริมผนังบ้าน โจรมันเลยไม่เห็น ... ตรงนี้เลยย้ำไปอีกดอกว่า ไม่ได้ทำการบ้านมา เหมือนคิดเอง เออเอง ไม่ได้คุยกับทีมตำรวจเพื่อเอาทักษะตรงนั้นมาใช้ คนทำหนังมันจะไปรู้ดีกว่าตำรวจที่เขาเรียนมาฝึกมา ใช้งานจริงได้ยังไงกัน ฉากนี้ยกให้ตำรวจเขาคิดวางแผนเลย มันใช่กว่า เราคอยดูเรื่องการเก็บภาพวางมุมให้ได้ครบอย่างเดียว ... (แล้วก็แน่นอนอีกแหล่ะ ฉากนี้ผมยังอยากเห็นการตัดสลับให้เห็นอารมณ์ของพระเอก (ตัวแทนประชาชน) และ การร่วมบัญชาการอยู่ข้างหลังของท่านผู้กำกับซึ่งสำคัญมาก) ... *** อ้อเกือบลืม อีกจุดที่น่าระวังคือ กระแสเรื่องวิสามัญ ปล่อยให้คนร้ายยิงสวนสักสองสามเปรี้ยงแล้วค่อยซัดก็ได้ ...
"ฉากเผชิญหน้า" - ฉากนี้เสียดายคุณเอ็กซ์ มันควรจะมีอะไรมากกว่านี้, จังหวะแอคชั่นน่าจะมันส์กว่านี้ แตกช๊อทให้น่าดูน่าลุ้นกว่านี้ (อย่างน้อยให้เท่าฉากฝึกซ้อมที่ลานเก็บซากรถ ก็ยังดี), เห็นความ fake ของ CG***, เห็นความ fake ของการยิง ... การจบฉาก น่าจะทำให้ยากสักหน่อย ให้มีข้อกังขา สงสัย ให้มีลุ้น อย่างพระเอกหรือใครสักคนโดนยิงเป็นตายหนักเบาไม่ทราบได้ ฉากจบจะได้มีอะไรให้หักมุมทำซึ้งกว่าการที่พระเอกนางเอกเจอกันแล้วกอดกันกลม ซึ่งมันจำเจ (แต่ที่ผมยกมานั่นก็ใช่อะไรแปลกใหม่ ก๊อปมาเหมือนกัน เห็นบ่อย แต่อย่างน้อยมันก็ยังดูไม่เรียบจนเกินไป) ...
CG*** เรื่องเอฟเฟกต์นี่ผมว่าน่าจะทดสอบกันมาก่อน ว่าแบบไหนเหมาะสมกว่าสมจริงกว่า ถ้าจะใช้ CG ก็น่าเทสต์ก่อนหรือเอางานมาดูก่อนว่าได้ประมาณไหน ถ้าเห็นว่ามันอาจดูไม่สมจริง ก็จะได้หาวิธีอื่น อย่างไปทำเลือดปลอม ผสมมุมกล้องเอาตอนถ่ายอะไรแบบนี้ เช่นว่า ถ่ายช๊อทยิงปืนจริงใช้กระสุนไม่มีหัว (ให้มันดูเป็นการยิงที่สมจริงสักหน่อยหรือจะวิธีการอื่น ๆ ก็ว่ากันไป) ต่อด้วย ช๊อทเลือดสาดผนัง ต่อด้วย ช๊อทผู้ร้ายล้ม ต่อด้วย ช๊อท CU เลือด (ที่พื้นหรือที่หน้าก็แล้วแต่) อะไรประมาณนี้ผมว่าดีพอแล้วที่คนดูจะเชื่อ เข้าใจเหตุการณ์ได้ ...
"ฉากปิด ที่ สน. สามโก้" - พระเอกนางเอกเจอกัน กอดกันกลม จะจบแบบนี้ก็ไม่เสียหาย แต่ถ้ามีอะไรให้ลุ้นส่งมาจากฉากที่แล้วสักหน่อย แล้วมาหักมุมที่ฉากนี้ (หรือไม่มีฉากนี้ ไปต่อที่ 7 เดือนต่อไป แล้วเห็นพระเอกอนางเอกกำลังนั่งดูข่าวเป็นปกติสุขดีก็ยังได้) ผมคิดว่ามันเรียกอารมณ์ร่วมอารมณ์ลุ้นของคนดูได้เยอะ ผมว่าคนดูไม่กล้าลุกไปไหน ถ้าไม่ได้รู้ว่าฉากจบจะเป็นยังไง ...
ถ้าในฉากต่าง ๆ มีพระเอก ซึ่งหมายถึงตัวแทนประชาชน แทรกอยู่ หรือตัดสลับไปบ้างตามความเหมาะสม ผมว่ามันสามารถเล่นอะไรเพื่อย้ำประโยค "บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว" ได้เยอะ ค่อย ๆ build ขึ้นมาได้เรื่อย ๆ เลย ดีกว่าการไปพูดตอนเปิดเรื่องและไปสรุปตอนท้ายเป็นประโยคคำพูดสั้น ๆ บางทีมันไม่มีน้ำหนักพอที่จะเชื่อ แล้วด้วยความที่นักแสดงท่านนี้เค้ามืออาชีพอยู่แล้ว การแสดงออกทางสีหน้าท่าทางจะช่วยเน้นอารมณ์ให้กับแต่ละฉากแต่ละเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี ...
ส่วนฉากเปิดที่คิดไว้ว่าน่าจะเป็นอีกแบบ* คือคิดไว้ว่า ถ้าปลี่ยนจากฉากกระะเทยขี้แตก เป็น เปิดมาที่ฉากท่ามกลางการปฏิบัติหน้าที่สำคัญและมีความเสี่ยงอะไรสักอย่างของทีมปลา่ช่อนนา เป็นแอคชั่นมันส์ ๆ ชุลมุน ๆ เร็ว ๆ ในระหว่างการ แฝงตัว คลืบคลาน เข้าตี และทำภาระกิจเสร็จสิ้นด้วยความรวดเร็ว (คล้าย ๆ กับการนำฉากฝึกซ้อมที่ลานเก็บซากรถมาดัดแปลงแล้ววางไว้ต้นเรื่องแทน) แล้วตัดกลับไปที่ สน. ซึ่งทีมปลาช่อนนากลับไปรายงานตัว แล้วก็จะได้เจอเรื่องราวของพระเอกที่รอให้แก้ปัญหาอยู่ แล้วเรื่องก็ดำเนินไปในอีกแนวนึงซึ่งไม่ถึงกับต่างกันมาก บลา ๆๆๆ ... ฉากฝึกซ้อมที่ลานเก็บซากรถก็จะไม่มีแล้ว เพราะแทนที่ด้วยฉากเปิด ซึ่งจะสนับสนุนหลายวัตถุประสงค์พร้อม ๆ กัน คือ ปล่อยของด้วยฉากแอคชั่นดึงคนดู + เปิดตัวทีมปลาช่อนนา, สวนการได้ข่าว ก็เป็นช๊อทลงพื้นที่คุยกับสายอะไรก็ว่ากันไป ช๊อทสองช๊อทสั้น ๆ กระชับ ๆ ...
อันนี้คือ ความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนใหญ่ ที่เกิดขึ้นหลังจากได้ดูครั้งแรก คือ มันยังไม่รู้เรื่องราว เราก็เลยมีจินตนาการ มีความคาดหวัง ว่าควรจะไ้ด้เห็นอะไรในฉากต่อไป พอไม่ใช่มันก็เลยมีความรู้สึกผิดหวังไปสักหน่อย บวกกับ สับสน มึนงง ในบางฉาก มีขัดแย้ง ไม่เชื่อ ไม่ใช่ ไม่ได้อารมณ์ มากมาย ...
.
.
.
แต่ครั้งที่ 2 และ ครั้งที่ 3 มีเวลานั่งดูชัด ๆ เต็ม ๆ ตัดเรื่องความคาดหวังไปเพราะรู้เรื่องราวอะไรยังไงหมดแล้ว เลยได้มองหนังในแนวของผู้สร้างได้เต็มที่ ... ความรู้สึกหรือความเห็นอะไรต่าง ๆ ที่เขียนมาหลาย ๆ อย่างข้างบนเลยเปลี่ยนไปเยอะ ...
ความรู้สึกคือ หนังมันมีแนวของมันอยู่นะ มีวิธีการนำเสนอของมันอยู่ เพียงแต่เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ไม่เหมือนเราคิด เป็นหนังที่ดูได้ ไม่ขี้เหร่ หรือ รู้สึกขัดแย้งอะไรกับมันมากมาย, จังหวะ การตัด มุมกล้อง ก็ดูดีมาก ๆ ด้วย พาให้ดูได้จนจบ ไม่น่าเบื่ออะไร ... จะมียกเว้นแต่เรื่อง การมีส่วนร่วมของพระเอก กับ ท่านผู้กับกับ ซึ่งคิดว่าควรจะมีบทบาทอยู่ในฉากต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งจะทำให้เล่นอะไรได้อีกมาก โดยเฉพาะการเน้นย้ำคำขวัญ "บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว" ที่เป็นหัวใจสำคัญ สามารถทำผ่านตัวละครทั้งสองตัวนี้ได้ตลอดเวลา อีกเรื่องก็คือ การเลือกวิธีที่ใช้ในการทำเอฟเฟกต์ น่าจะมีวิธีที่ทำได้สมจริงกว่านี้ ...
ปล. เรื่องเสียงก็เป็นอีกส่วนที่เป็นปัญหาสำคัญ ดูเหมือนมีความบกพร่องทางเทคนิคในการบันทึก และ การมิกส์ หลาย ๆ อย่างอยู่ ...
(ภาพข้างล่างมันโชว์ซ้ำหรือเปล่าไม่แน่ใจ ติ๊กให้ซ่อนไฟล์แนบแล้วดูเหมือนมันจะไม่ซ่อนให้ ขออภัยด้วยครับ ...)
[ แก้ไขล่าสุดโดย vfspostwork เมื่อ 2011-02-03 17:09 ]